ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 35 กระบี่เดี่ยวอันน่าทึ่ง
ตอนที่ 35 กระบี่เดี่ยวอันน่าทึ่ง
“ตัดสินแพ้ชนะกันด้วยกระบวนท่าเดียว?” เมื่อได้ยินข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิง เซี่ยซุนก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะขมวดคิ้วถาม “ตัดสินแพ้ชนะกันด้วยกระบวนท่าเดียวอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงชักกระบี่ออกจากฝัก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น “ผู้น้อยโจมตีแค่กระบี่เดียว หากผู้อาวุโสรับไว้ได้โดยไม่หลบหลีก ก็ถือว่าผู้น้อยแพ้แล้ว ถึงตอนนั้นจะปล่อยให้ผู้อาวุโสคลึงจนกลมหรือนวดจนแบนก็เชิญตามสบาย จะไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อยแน่นอน”
“เพียงกระบวนท่าเดียวก็คิดจะเอาชนะข้าแล้วหรือ” เซี่ยซุนได้ยินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงศีรษะจดเท้าอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “เจ้าช่างเป็นเด็กหนุ่มบ้าบิ่น! อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นนักพรตเฒ่าจางซานเฟิงมาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าเซี่ยซุนก็ไม่ถึงขั้นแม้แต่กระบวนท่าเดียวก็รับไม่ไหวหรอก! ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เปลี่ยนวิธีการท้าสู้ดีกว่า”
“ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าด้วยท่าทีแน่วแน่ “แค่กระบี่เดียวเท่านั้น! เพียงแต่กระบี่นี้ของข้าต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักหน่อย ผู้อาวุโสมิอาจขัดจังหวะกลางคันได้”
“ได้!” เซี่ยซุนหัวเราะลั่น “วันนี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ข้าก็จะจดจำเจ้าไว้ หากเจ้าใช้กระบี่เดียวบีบให้ข้าหลบหลีกหรือถอยหลังได้แม้แต่ครึ่งก้าว รางวัลของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกระดับ!”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณในเจตนาอันงดงามของผู้อาวุโสแล้ว” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เก็บรอยยิ้ม เริ่มใช้กำลังภายในกรอกใส่กระบี่ยาวช้าๆ ด้วยการกระตุ้นจากกำลังภายใน กระบี่หลงเฉวียนเปล่งเสียงกระบี่ที่ชัดใสไพเราะพักหนึ่ง
ในขณะเดียวกันนี้เอง มือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มใช้นิ้วคิดคำนวณแล้ว
ใช้งานไท้ซัวเป็นไฉน!
ในขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงเข้าสู่สภาะคำนวณ เซี่ยซุนก็พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว ลางสังหรณ์บอกเขาว่า กระบี่ของเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ธรรมดาแน่นอน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ ตบให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวก็สิ้นเรื่อง!
แต่ช่วยไม่ได้ที่ก่อนหน้านี้ตอบตกลงเงื่อนไขไปแล้ว เซี่ยซุนทำเรื่องไร้ยางอายอย่างนั้นไม่ไหวจริงๆ ทำได้เพียงข่มความคิดที่บุ่มบ่ามจะลงมือเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ปลุกความฮึกเหิมให้ตัวเอง เตรียมพร้อมรับมือเต็มที่
อีกด้านหนึ่ง อินปู้คุยเห็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยเว่ยหมิงแล้วเบิกตากว้าง หลุดอุทานว่า “ไท้ซัวเป็นไฉน!”
ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับ!
ตอนแรกที่อยู่บนเรือ เยี่ยเว่ยหมิงก็สงสัยอยู่บ้าง เพราะก่อนที่จะคุยกับเขา เยี่ยเว่ยหมิงก็เคยถามจางชุ่ยซานเกี่ยวกับประวัติพรรคอินทรีฟ้ามาแล้ว แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นว่า เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพรรคอินทรีฟ้าเช่นกัน ถึงขั้นว่าแม้แต่ประมุขพรรคอินทรีฟ้าเป็นใครก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อออกจากประตู อินปู้คุยก็เล่าเรื่องพรรคอินทรีฟ้าให้เขาฟังอย่างคล่องแคล่วราวกับนับสมบัติอยู่ในบ้านตัวเอง อะไรคือสี่ผู้คุมกฎแห่งพรรคตรัส ทั้งยังเน้นเรื่องประวัติภูมิหลังของราชสีห์ขนทองเซี่ยซุนแล้ว
ส่วนในตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหมอนี่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคือ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’!
ถ้าบอกว่าเขาไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับ แล้วใครจะเชื่อ?
เพียงแต่ฉากหลังของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ นี้ อย่างไรเสียก็เป็นแนวจอมยุทธ์คุณธรรม ไม่ใช่นินจานารูโตะ การคิดฟุ้งซ่านตอนต่อสู้ถือเป็นพฤติกรรมรนหาที่ตายโดยแท้ ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงปิดกั้นความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่าง รวมสมาธิ…คำนวณโจทย์เลข!
เมื่อเทียบกับตอนนำโจรลุ่มน้ำซีหูมาทดลอง การใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนกับเซี่ยซุน ระดับความยากของโจทย์เลขไม่ได้เปลี่ยนแปลง และไม่ได้ให้ทำโจทย์แคลคูลัสสิบข้อเหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงกังวลก่อนหน้านี้ เพียงแต่จำนวนข้อเหมือนจะเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้ทำสิบข้อก็ใช้งานสกิลสำเร็จแล้ว ตอนนี้ทำเสร็จไปสิบสามข้อแต่กลับยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดใช้สกิลสำเร็จ
เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่แสดงออกถึงความกังวลเลยสักนิด
กลับเป็นเซี่ยซุนที่ลงมือไม่ได้ การใช้ไท้ซัวเป็นไฉนไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา ค่อยๆ คำนวณไปแล้วกัน
เพื่อรับประกันความแม่นยำในการคำนวณ ทุกครั้งที่เยี่ยเว่ยหมิงทำเสร็จหนึ่งข้อ ก็ไม่ลืมที่จะคำนวนตรวจสอบอีกรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าผลลัพธ์ไม่ผิดพลาดถึงส่งคำตอบ ทำอย่างมั่นใจและเชื่อถือได้จริงๆ
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าอย่างนี้ อย่าว่าแต่เซี่ยซุนเลย แม้แต่อินปู้คุยที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มทนรอไม่ไหวแล้ว
ถ้าทุกครั้งที่ใช้งานสกิลจะต้องใช้เวลานานขนาดนี้ เช่นนั้นฉายาที่บอกว่าไท้ซัวเป็นไฉนอานุภาพเหนือกระบี่เก้าเดียวดาย ก็อาจจะเหมือนแทะซี่โครงไก่[1]เกินไปหรือเปล่า?
ความจริงก็เหมือนแทะซี่โครงไก่อย่างนี้แหละ!
หลังจากนั้นห้านาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำข้อที่ยี่สิบสี่สำเร็จแล้ว
หลังจากนั้นเจ็ดนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำข้อที่สามสิบสองสำเร็จ
หลังจากนั้นเก้านาที เซี่ยซุนก็อดทนรอไม่ไหวแล้ว “เจ้าหนู กระบี่เดียวที่เจ้าบอก ตกลงจะแทงหรือไม่แทงกันแน่?”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่สนใจ คำนวณข้อที่สี่สิบเอ็ดต่อไป เมื่อถูกเซี่ยซุนถามก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างทนรำคาญไม่ไหว ปากเริ่มพึมพำท่องว่า “สามเจ็ดยี่สิบเอ็ด แปดแปดหกสิบสี่ เจ็ดเก้า…”
เมื่อเปลี่ยนจากคำนวณในใจมาเป็นเปล่งเสียงคำนวณ ประสิทธิภาพก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย?
หลังจากนั้นสิบสองนาที ในที่สุดเซี่ยซุนก็ถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้าหนู เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าไม่อยากเสียเวลา แต่เวลาเตรียมตัวใช้กระบี่นี้ของเจ้า เพียงพอให้ข้าสู้กับคนได้สิบคนแล้ว!”
“…เก้าเก้าแปดสิบเอ็ด หนึ่งบวกเจ็ดได้แปด แปดบวกหก…” เยี่ยเว่ยหมิงพึมพำ
ตอนที่ความอดทนของเซี่ยซุนกำลังจะถึงขีดจำกัด ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็คำนวณเลขข้อที่สี่สิบเก้าเสร็จแล้ว!
ในตอนนี้ เปิดใช้งานผลแอคทิฟสกิลไท้ซัวเป็นไฉนสำเร็จแล้ว!
“เสร็จแล้ว!” เมื่อพูดจบ กระบี่ในมือเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันแทงออกมา ยังคงเป็นท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ ที่มีพลังทำลายล้างสูงสุดของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’
สิ่งที่แตกต่างกับเมื่อก่อนก็คือ อานุภาพกระบี่ที่สำแดงออกมาตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เคล็ดวิชากระบี่ไม่เข้าขั้นจะทำได้แน่นอน ในระหว่างที่ใช้กระบี่นี้ จิงชี่เสิน[2]ที่เหลืออยู่ในตัวเยี่ยเว่ยหมิงเกาะอยู่บนคมกระบี่หมดแล้ว คนกับกระบี่ราวกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
หัวใจของเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนก็คือการคำนวณ ไม่เพียงแค่คำนวณความคิดศัตรู ทั้งยังต้องคำนวณสภาพแวดล้อมฟ้าดินรอบๆ ด้วย และตอนที่ตัวเองใช้กระบี่โจมตี ก็ยิ่งต้องคำนวณมุมและทิศทางของการโจมตี คำนวนเทคนิคการออกแรงของกล้ามเนื้อทุกชุ่น[3] ชีพจรทุกเส้น กระดูกทุกท่อน กำลังภายในทุกสายตอนใช้กระบวนท่า!
มีเพียงการทำอย่างนี้ เมื่อแทงกระบี่ออกไปถึงจะได้ท่าที่สมบูรณ์แบบ สำแดงอานุภาพของพลังหนึ่งส่วนให้กลายเป็นสิบส่วน!
และมีเพียงการโจมตีอย่างนี้เช่นกัน ถึงจะพุ่งเป้าไปที่ช่องโหว่ของศัตรูและโจมตีครั้งเดียวศัตรูแตกพ่ายได้!
ยามเผชิญหน้ากับกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงที่ดูเหมือนเรียบง่ายตรงไปตรงมาทว่าความจริงกลับเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ เซี่ยซุนก็เบิกตาโพลงทันที เขาพบว่ากระบี่ของอีกฝ่ายเหมือนจะแทงมาตรงจุดมิ่งเหมิน[4]ของเขา ชั่วพริบตาเดียวในหัวก็ปรากฏวิธีการตอบสนองไม่ต่ำกว่าสิบอย่าง แต่กลับถูกเขาปฏิเสธทิ้งหมดแล้ว
เมื่อพิจารณาจากทักษะยุทธ์ที่เรียนมาทั้งชีวิต เซี่ยซุนก็รู้สึกหวาดกลัวขณะที่ค้นพบว่าไม่มีแม้แต่กระบวนท่าเดียวที่จะต้านทานการแทงแนวตรงที่ดูเหมือนเรียบง่ายธรรมดาของอีกฝ่ายได้!
อย่าว่าแต่ต้านทานเลย แม้แต่หลบหลีกก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรล่ะ
แต่ถึงอย่างไรเซี่ยซุนก็ยังเป็นเซี่ยซุน ในช่วงเวลาสำคัญนี้กลับได้ยินเสียงคำรามเดือดดาลของเขา รอบกายพลันเกิดคลื่นพลังโหมซัดสาด ตามด้วยถล่มหมัดไปยังคมกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงโดยไม่ถอยหลบ
หมัดยังไม่ทันมาถึง คลื่นพลังที่โหมซัดสาดก็พรั่งพรูออกมาตามเสียงลมหมัดแล้ว โจมตีตรงจุดที่คมที่สุดของกระบี่หลงเฉวียนโดยตรง
แกร๊ง!
ด้วยการฉีกดึงจากคลื่นพลังอันบ้าคลั่ง ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่หลงเฉวียนล้ำค่าคุณภาพสีฟ้าจะต้านทานไม่ได้แม้แต่น้อย ถูกโจมตีจนแตกพังและหักเป็นเจ็ดท่อน จากนั้นก็กระเด็นไปทั่วทิศด้วยความเร็วสูงสุด บางชิ้นก็พุ่งขึ้นฟ้า บางชิ้นก็ทะลุเวทีไม้ใต้เท้าจนเป็นหลุมลึก มีอีกชิ้นที่บังเอิญแฉลบผ่านใต้ซี่โครงของอินปู้คุยไปอย่างพอดิบพอดี ทำให้ค่าพลังชีวิตที่เพิ่งเต็มของเขาลดลงอย่างรุนแรงอีกครั้งในรวดเดียว!
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นหนังหน้าไฟ ตอนนี้ร่างกายก็ยิ่งเหมือนถูกฟ้าผ่า ภายใต้การถล่มของหมัดนี้ เขาตกลงด้านล่างเวทีประลองโดยตรง หลังจากตกลงพื้นก็กระอักเลือดสดคำใหญ่ เหนือศีรษะมีตัวเลขสีแดงเลือดลอยขึ้นมา
-567!
ภายใต้หมัดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีค่าพลังชีวิตเต็ม ตอนนี้ถูกโจมตีจนค่าพลังชีวิตเกือบหมดแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ลุกจากพื้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดขม “ผู้อาวุโสมีพลังภายในยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน ผู้น้อยแพ้แล้ว”
“ไม่!” ในสายตาของเซี่ยซุนเจือความตกตะลึง ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “คนที่แพ้น่าจะเป็นข้า เจ้าดูค่าสเตตัสของข้าก็รู้แล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงเงยหน้ามอง กลับเห็นเหนือศีรษะเซี่ยซุนแสดงข้อมูล…
[เซี่ยซุน
ฉายาในยุทธภพ ราชสีห์ขนทอง พลังสูงส่งล้ำลึกยากคาดเดา
เลเวล: ???
พลังชีวิต: ???/???
กำลังภายใน: ???/???
ทักษะยุทธ์: ???]
“ท่ากระบี่ของเจ้าก่อนหน้านี้ร้ายกาจจริงๆ ข้าไม่เพียงแค่รับมือไม่ได้ ถึงขั้นไม่มีทางหลบหลีกด้วย เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ข้าทำได้เพียงปลดขีดจำกัดเลเวลกับค่าสเตตัสของตัวเอง ถือว่าทำผิดกติกาแล้ว ดังนั้น ผู้ชนะก็คือเจ้า!”
“ชีวิตข้าฆ่าคนวางเพลิงมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าแย่งชิงตำราลับทักษะยุทธ์ในยุทธภพมาได้ตั้งเท่าไร เจ้าอยากจะเรียนอะไร บอกมาได้เลย!…
…แต่ต้องเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ รางวัลของเจ้าจำกัดแค่วิทยายุทธ์ระดับกลาง” ขณะพูด เขาก็ชี้อินปู้คุยที่อยู่อีกด้านอีก “ส่วนรางวัลของเขาจำกัดแค่วิทยายุทธ์ระดับต้น…
…หากยังกวนใจไม่เลิก ข้าก็มีสิทธิ์ยกเลิกรางวัลของพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าพูดได้แล้ว”
[1] แทะซี่โครงไก่ 鸡肋 หมายถึงประโยชน์ไม่เยอะแต่จะทิ้งก็เสียดาย
[2] จิงชี่เสิน 精气神 ในทางเต๋าจัดว่าเป็นหัวใจหลักของมนุษย์ จิง คือสารสำคัญในร่างกาย เช่นฮอร์โมน เชื้ออสุจิ ชี่ คือพลังปราณ เสิน คือจิตวิญญาณหรือจิตสำนึก ถ้าขาดหนึ่งในสามสิ่งนี้ไปก็ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ได้อีก
[3] 1 ชุ่น เท่ากับ 1 นิ้ว
[4] จุดมิ่งเหมิน 命门 อยู่ตรงกระดูกบั้นเอวเหนือก้นกบ