ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 350 สังหารคู่!
ตอนที่ 350 สังหารคู่!
ภายใต้การโจมตีนี้ทำให้ขาข้างหนึ่งของโอวหยางเค่อพิการทันที ขณะเดียวกันก็เท่ากับทำลายขาข้างหนึ่งของเหมยเชาเฟิงที่ร่วมทำชั่วกับเขาด้วย พอร่างของโอวหยางเค่อล้มลง เหมยเชาเฟิงที่ขี่อยู่บนตัวเขากลับยื่นกรงเล็บออกมาตามสถานการณ์ ไม่น่าเชื่อว่าจะชิงมีดสั้นในมือเยี่ยเว่ยหมิงไปได้แล้ว
นางเองก็อยากจะเห็นเช่นกันว่ามีดสั้นที่ควบคุมโอวหยางเค่อจนกลายเป็นอย่างนี้ได้มีชื่อว่าอะไรกันแน่
ทว่า การจะแย่งของที่อยู่ในมือผู้เล่นมา เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่รีบดึงระยะห่างจากนางแล้ว เขาไม่ได้ปล่อยให้มีดสั้นกลับเข้ากระเป๋าตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ถือโอกาสยืดตัวออกไป ตบฝ่ามือไปที่หน้าผากของเหมยเชาเฟิง
ขณะเดียวกันก็ข้อความในช่องทีมว่า [เหมยเชาเฟิงไม่ถนัดใช้มีดสั้น ทุกคนฉวยโอกาสนี้โจมตีให้เยอะๆ หน่อย!]
ความจริงก็เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก เหมยเชาเฟิงที่กุมมีดสั้นไว้ในมือ พลังต่อสู้กลับลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น พวกเขาจึงฉวยโอกาสโจมตีอย่างดุดันอีกระลอกหนึ่งแล้ว
ส่วนเหมยเชาเฟิง หลังจากยื่นมือลูบตัวอักษร ‘กัวจิ้ง’ ที่สลักอยู่บนด้ามไม้ของมีดสั้นแล้ว ก็พลันกระโจนเข้ามาทางเยี่ยเว่ยหมิง นางไม่สนใจการโจมตีของคนอื่น ดันทุรังรับกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง แทงมีดสั้นเข้าที่บ่าขวาของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างแรง
การที่นางทำอย่างนี้ ประการแรกก็เพราะอยากเห็นว่าจะเกิดปาฏิหาริย์เหมือนก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง จะได้ถือโอกาสกำจัดเจ้าเด็กหนุ่มที่รับมือยากที่สุดในบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้ก่อน
ขณะเดียวกัน นางก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะล้างแค้นแทนหยางคังเช่นกัน
ศิษย์เกาะดอกท้อได้ชื่อว่า ‘ปกป้องพวกเดียวกันในทางที่ผิด’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เหมยเชาเฟิงแม้จะทรยศสำนักของตัวเอง แต่กลับสืบทอดประเพณีอันดีงามของสำนัก ตามต้นฉบับเดิมของนิยาย เพื่อที่จะช่วยหยางคัง นางถึงขั้นออกหน้าไปขอร้องลู่เฉิงเฟิงผู้ที่ต้องการให้นางตาย ตอนนี้พอรู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงคือคนที่สังหารหยางคัง การที่นางอยากจะล้างแค้นให้ลูกศิษย์ของตัวเองก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ทว่าพอแทงมีดลงไปหนึ่งทีกลับไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้
-2582
ดาเมจนี้ ถึงขั้นเทียบกับการโจมตีธรรมดาหนึ่งครั้งจาก ‘วิชากรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ของนางไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลอันน่ากลัวที่โอวหยางเค่อต้านไม่ไหวก่อนหน้านี้เลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่บุ่มบ่ามของนางกลับสร้างโอกาสอันล้ำค่าหายากให้เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบแล้ว!
“ตอนนี้แหละ!”
เมื่ออยู่ใจสถานะปะทุพลัง ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ เขาใช้กำลังภายในทั้งหมดคำรามออกมา ถึงขั้นดังเกินกว่าวิชาราชสีห์คำรามของอินปู้คุย เสียงดังตรงไปยังหูของน้องดาบอย่างแม่นยำแล้ว
จากนั้น เงาร่างสีแดงกับสีน้ำเงิน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็เซ่นไหว้ท่าไม้ตายของตัวเองออกมาพร้อมกัน
สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร…มังกรซ่อนกบดาน!
เคล็ดวิชาดาบโลหิต…พู่กันดุจคมดาบ!
ท่าไม้ตายที่ปล่อยตามๆ กันมาของทั้งสองแทบจะโจมตีถูกไหล่ขวาของเหมยเชาเฟิงพร้อมกัน
-16534
-4537
เส้นเอ็นขาด!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบร่วมมือกันโจมตีอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในที่สุดก็สร้างผลเส้นเอ็นขาดที่รอมานานบนบ่าของเหมยเชาเฟิงได้แล้ว
ครั้นแล้ว แขนของสตรีวัยกลางคนผู้นี้ก็พิการไปหนึ่งข้าง!
พอโจมตีหนึ่งครั้งสำเร็จทั้งสองก็ถอยหลังพร้อมกัน หลบกรงเล็บแหลมข้างซ้ายของเหมยเชาเฟิงที่กวาดเข้ามา
ในระหว่างนั้น เยี่ยเว่ยหมิงยังชักมีดสั้นกัวจิ้งออกมาจากตัวนางทันที หลังจากเก็บเข้ากระเป๋าแล้ว สง่าราศีที่ดูมีพลังของเขาก็เบาบางลงในชั่วพริบตาเดียว
ในที่สุดพลังปะทุที่มากับ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ก็สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้พลังเสื่อมแล้ว ถึงเวลารับผลกรรมแล้ว!
ไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงกลืนยาเม็ดที่ซ่อนไว้นานลงท้องทันที ชั่วพริบตาเดียวอาการบาดเจ็บภายในก็หายเป็นปกติ พลังชีวิตและกำลังภายในกลับมาเต็มภายในวินาทีเดียว
ทว่าตอนนี้ พลังชีวิตของเหมยเชาเฟิงยังเหลืออยู่สี่ในห้าส่วน!
นี่ก็คือความน่ากลัวของ BOSS เลเวลแปดสิบห้า แม้จะถูกเสียงคำรามของอินปู้คุยปิดกั้นการได้ยิน แต่การโจมตีบนตัวนางก็สร้างดาเมจได้มากอยู่ดี นอกจากเยี่ยเว่ยหมิงที่ปะทุพลังแล้ว แม้แต่น้องดาบก็โจมตีให้เกิดดาเมจเกินห้าร้อยภายในครั้งเดียวได้ยาก
ถ้าบอกว่าจะโจมตีจุดสำคัญ นั่นก็ยิ่งฟังดูเหลวไหล
เหมยเชาเฟิงแม้จะถูกปิดกั้นประสาทการรับรู้ แต่อาศัย ‘วิชากรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่ฝึกฝนมาอย่างเดียว ก็ยังพอปกป้องจุดสำคัญของตัวเองได้
แต่ยังโชคดี เพราะก่อนที่ผลของ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ จะหายไป ในสุดสุดพวกเขาก็ร่วมแรงกันโจมตีจนเกิดผลเส้นเอ็นขาด ลดภัยคุกคามของเหมยเชาเฟิงลงเยอะมากแล้ว ทำให้นางไม่แข็งแกร่งถึงขั้นที่พวกเขารับมือไม่ได้
ตอนนี้การโจมตีของคนอื่นยังคงดำเนินต่อไป
แน่นอน คนอื่นๆ ที่กำลังพูดถึง มีเพียงสะพานสวรรค์น้อยกับเซียวเหยาถอนใจสองคนเท่านั้น
แล้วอินปู้คุยไปไหน
เขามีบทบาทสำคัญที่สุดในการต่อสู้สนามนี้ ทุกคนไม่ได้ต้องการให้เขาทำดาเมจอะไรมากมาย ขอเพียงหลบอยู่ข้างหลังพวกเขาแล้วคอยคำรามก็พอแล้ว
ทว่า แม้จะเป็นงานที่ง่ายขนาดนี้ เขาก็ยังทำพลาดอยู่ดี
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบที่ฝีมือพอๆ กันเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง แล้วทุกคนก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันรอบใหม่ เสียงคำรามของอินปู้คุยกลับเงียบลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เหมยเชาเฟิงที่กลับมาได้ยินอีกครั้งปะทุพลังออกมาในช่วงพริบตาเดียว อาศัยมือข้างเดียวบีบให้คนที่ร่วมโจมตีถอยไปทีละคน ทั้งยังถือโอกาสกวาดกรงเล็บเข้าที่ท้องของสะพานสวรรค์น้อยด้วย
-7365
ถูกพิษ!
ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ทำเอาพวกเขาลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
โดยเฉพาะสะพานสวรรค์น้อย หลังจากถูกโจมตีแล้ว พลังชีวิตก็หายไปเกินครึ่ง โชคดีที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือทัน ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ โจมตีเหมยเชาเฟิงที่ตามมาติดๆ ให้ถอยไป ถึงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กลิ่นหอมจางหาย หยกพลันสลาย[1]คาที่
ขณะที่น้องดาบกับเยี่ยเว่ยหมิงกำลังบีบให้เหมยเชาเฟิงที่เหลือมืออยู่ข้างเดียวถอยไป นางก็มองอินปู้คุยด้วยสายตาโมโห “ทำไมจู่ๆ หยุดคำรามแล้ว อยากให้พวกเราตายหรือไง”
ตอนนี้อินปู้คุยแทบจะร้องไห้ “เมื่อครู่ข้าตะโกนจนเพลิน ไม่ทันสังเกตว่าตอนใช้วิชาราชสีห์คำรามต่อเนื่อง ตัวเองจะใช้กำลังภายในหมดเร็วขนาดนี้…”
แค่คิดก็รู้แล้วว่าทักษะที่สร้างพลังทำลายล้างในวงกว้างอย่าง ‘วิชาราชสีห์คำราม’ จะต้องสิ้นเปลืองกำลังภายในมากขนาดไหน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา จู่ๆ ก็นึกได้ถึงอีกวิธีการใช้งานของกระบวนท่านี้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จึงสั่งทันทีว่า “สะพานสวรรค์น้อย ปู้คุย พวกเจ้าถอยไปฟื้นฟูค่าพลังชีวิต ถอนพิษก่อน พวกเราจะโจมตีไปพร้อมๆ กับป้องกัน ขอเพียงก่อกวนเหมยเชาเฟิงไว้ก็พอ รอให้ปู้คุยฟื้นฟูกำลังภายในแล้วค่อยโจมตีก็ยังไม่สาย”
“ปู้คุย เจ้าเองก็คอยสังเกตแถบค่าสเตตัสของตัวเองด้วย ตอนที่ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ก็บอกในช่องทีมล่วงหน้า” ขณะที่พูด เขาก็ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ เดินวนรอบโอวหยางเค่อกับเหมยเชาเฟิงที่ใช้ขาไม่สะดวกแล้ว
รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีทางทำลายกระบวนท่าของเยี่ยเว่ยหมิงได้ เหมยเชาเฟิงก็ตะคอกอย่างเดือดดาลตรงนั้นทันที “คนเยอะขนาดนี้ แต่ใช้วิธีการต่ำทรามเช่นนี้มารังแกผู้หญิงแก่ตาบอดคนหนึ่ง พวกเจ้าไม่เจ็บมโนธรรมกันบ้างหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้งๆ “ไม่หรอก!”
“เจ้าคนหน้าด้าน!” เหมยเชาเฟิงโมโหมาก
“ขอบคุณที่ชม” ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอกับคำชมเชย เขาก็ตอบกลับอย่างมีมารยาทมาก
เหมยเชาเฟิงไม่พูดอะไรอีก ได้แต่โบกกรงเล็บแหลมคมข้างซ้ายรับมือกับพวกเขาต่อไป
ตอนนี้นางหมดคำพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว…
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็พอใจกับการแสดงออกของตัวเองมาก ยังคงใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ สนับสนุนรอบข้างต่อไป รอให้อินปู้คุยฟื้นฟูกำลังภายในเงียบๆ
หลังจากนั้นหนึ่งนาที แถบค่าสเตตัสของสะพานสวรรค์น้อยกับอินปู้คุยก็กลับมาเต็มอีกครั้ง การต่อสู้รอบใหม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เพราะก่อนหน้านี้ทำแขนเหมยเชาเฟิงพิการไปข้างหนึ่งแล้ว ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงที่กุมชัยชนะไว้ในมือจึงไม่ได้ปะทุพลัง ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ อีก เพียงร่วมกับสหายใจทีมโจมตีเงียบๆ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เหมยเชาเฟิงที่แขนขาพิการไปสามข้าง มิหนำซ้ำยังหูหนวกตาบอด ก็ตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ดี
กระทั่งกำลังภายในของอินปู้คุยพร่องลง พวกเขาถึงได้เปลี่ยนจากทำดาเมจเป็นโจมตีไปพลางหลบไปพลาง รอจนกำลังภายในของอินปู้คุยกลับมาเต็มอีกครั้ง ถึงได้กลับมาทำดาเมจเหมือนเดิม
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างนี้ห้านาที เหมยเชาเฟิงถึงได้กลายเป็นค่าประสบการณ์ของพวกเขาท่ามกลางเสียงคำรามที่ไม่ยอมแพ้
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารเหมยเชาเฟิง BOSS เลเวลแปดสิบห้า ได้รับค่าประสบการณ์ 1200000 แต้ม ค่าตบะ 300000 แต้ม!]
[ติ๊ง! เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น ตอนนี้เป็นเลเวล 43 แล้ว…]
เมื่อเห็นเหมยเชาเฟิงตายแล้ว โอวหยางเค่อก็คิดจะหนี แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวล่วงหน้าสกัดไว้ได้
โอวหยางเค่อตกใจ “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ ท่านลุงของข้าคือพิษประจิมโอวหยางเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือของใต้หล้า! ถ้าพวกเจ้าฆ่าข้า เขาไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
เมื่ออยู่ในช่วงความเป็นความตาย ในที่สุดโอวหยางเค่อก็ปลดล็อกทักษะปกป้องชีวิตตัวเองแล้ว…อ้างชื่อผู้ปกครองไง!
เมื่อได้ยินคำขู่ของโอวหยางเค่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มสุดเมตตาปรานีพร้อมเก็บกระบี่แสงทอง เปลี่ยนเป็นมีดสั้นกัวจิ้งแทน “ได้ ข้ารู้แล้ว”
จากนั้น…
ไซซีกุมดวงใจ!
ฉึก!
[1] กลิ่นหอมจางหาย หยกพลันสลาย 香消玉殒 อุปมาถึงความตายของหญิงงาม