ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 357 ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ระดับสมบูรณ์
ตอนที่ 357 ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ระดับสมบูรณ์
[ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ (ระดับสูง)]
หนึ่งในสุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของมารบูรพาหวงเย่าซือ
เลเวล: 10
ค่าประสบการณ์: …
โจมตี +700%
แม่นยำ +700%
กำลังภายในที่ใช้: 700 แต้ม
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: เจาะปราณป้องกันตัว
เจาะปราณป้องกันตัว: โจมตีโดยมองข้ามปราณแท้ป้องกันตัวของคู่ต่อสู้!
ดูจากค่าสเตตัสเจาะปราณป้องกันตัวก็รู้แล้วว่าวิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ นี้ไม่ใช่ทักษะที่เหมาะกับการกำจัดมอนสเตอร์ตัวเล็กๆ ไม่เพียงแค่เน้นโจมตีศัตรูคนเดียว ถึงขั้นว่าแม้แต่เอฟเฟ็กต์พิเศษก็พุ่งเป้าไปที่ BOSS ถึงจะได้ประโยชน์กว่า
อย่างไรเสีย ยิ่ง BOSS แข็งแกร่งเท่าไร ปราณแท้ป้องกันตัวก็ยิ่งเข้มแข็งเท่านั้น มอนสเตอร์เล็กๆ ทั่วไปจะมีปราณแท้ป้องกันตัวได้อย่างไร
จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตำราลับตระหนักรู้สิบเอ็ดเล่มในกระเป๋าออกมาในคราเดียว มีดังนี้
‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ กับ ‘ตระหนักรู้วิชาแพทย์’ ที่ได้จากเหลียงจื่อเวิง
‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ กับ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ จากโอวหยางเค่อ
‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ กับ ‘ตระหนักรู้อาวุธอ่อน’ จากเหมยเชาเฟิง
‘ตระหนักรู้อาวุธลับ’ จากเผิงเหลียนหู่
‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ กับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ จากซาทงเทียน
‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ กับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ จากหลวงจีนหลิงจื้อ
BOSS สามคนที่เอ่ยถึงตอนหลัง แม้จะไม่ใช่คนที่เยี่ยเว่ยหมิงฆ่าด้วยมือตัวเอง แต่ด้วยจิตวิญญาณของลัทธิมนุษยธรรมนิยม แม้จะปฏิบัติต่อคนชั่วเช่นนี้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ประจานศพของพวกเขาไว้ที่จวนท่านอ๋องไม่ลง ตอนที่ช่วยฌาปนกิจศพทหารองครักษ์ที่จวนท่านอ๋องจ้าวอย่างไร้ความเห็นแก่ตัว เขาจึงนำโลงไม้หวงฮว่าสามใบที่ควักกระเป๋าซื้อเองมาเก็บศพคนชั่วช้าสารเลวสามคนนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ
จากนั้นก็โยนโลงไม้หนานมู่ที่บรรจุเหมยเชาเฟิง โอวหยางเค่อและเหลียงจื่อเวิงโหมดปกติโยนเข้าไปท่ามกลางกองเพลิงในห้องเก็บฟืนของจวนท่านอ๋องจ้าวพร้อมกัน ถือว่าทำดีเสมอต้นเสมอปลาย บุญกุศลไร้ที่สิ้นสุด
ส่วนตำราลับตระหนักรู้เหล่านั้น ก็เป็นเพียงผลตอบแทนพิเศษนิดหน่อยหลังจากเขาทำเรื่องดีๆ ก็เท่านั้น ไม่ใช่เจตนารมณ์และประเด็นสำคัญในการทำความดีของเขาแน่นอน
ไม่ใช่แน่นอน!
เขาใช้ ‘ตระหนักรู้วิชาแพทย์’ จากเหลียงจื่อเวิง ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ จากโอวหยางเค่อ ‘ตระหนักรู้อาวุธอ่อน’ จากเหมยเชาเฟิง ‘ตระหนักรู้อาวุธลับ’ จากเผิงเหลียนหู่ ตำราตระหนักรู้สองเล่มที่ได้จากซาทงเทียนและ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ จากหลวงจีนหลิงจื้อจนหมด
เยี่ยเว่ยหมิงได้รับค่าประสบการณ์วิชาแพทย์ 62000 แต้ม ค่าประสบการณ์กำลังภายใน 226500 แต้ม ค่าประสบการณ์อาวุธอ่อน 350000 แต้ม ค่าประสบการณ์อาวุธยาว 29250 แต้ม ค่าประสบการณ์อาวุธลับ 39000 แต้ม
นำค่าประสบการณ์วิชาแพทย์กับค่าประสบการณ์กำลังภายในแบ่งไปใช้กับวิชาแพทย์และ ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ แม้จะไม่ได้ทำให้สองวิชานี้เพิ่มเลเวลในทันที แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการเก็บสะสม โดยเฉพาะวิชาแพทย์ที่ตอนนี้เข้าใกล้เลเวลแปดแล้ว
นำค่าประสบการณ์อาวุธอ่อน ค่าประสบการณ์อาวุธลับและค่าประสบการณ์อาวุธยาวเพิ่มไปบน ‘ฝีมือทำครัว’ โดยวิธีเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ทำให้ฝีมือทำครัวของเยี่ยเว่ยหมิงทะลุถึงเลเวลแปดทันที!
สิ่งเดียวที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่เข้าใจก็คือ จากประสบการณ์ที่เขาสรุปได้ก่อนหน้านี้ การเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันก็คือการสุ่ม แต่ก็ต้องมีทฤษฎีบางอย่างยอมรับถึงจะเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันได้
ก็เหมือนกับค่าประสบการณ์วิชาดาบ มีโอกาสมากที่จะใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเพิ่มไปบนเคล็ดกระบี่ได้ เพราะทั้งสองวิชาจัดเป็นอาวุธคมเหมือนกัน ในกระบวนท่ามีจุดที่เหมือนกัน แต่ฝีมือทำครัวกลับเหมือนเป็นข้อยกเว้น ราวกับว่าเรียนอะไรก็เพิ่มไปบนนั้นได้
อาวุธยาวกลับถูกเข้าใจว่าเป็นอาวุธไร้คมได้ ทั้งยังเข้าใจว่าเป็นเครื่องครัวอย่างไม้นวดแป้ง ค้อนทุบเนื้อได้เช่นกัน แต่การเพิ่มค่าประสบการณ์อาวุธอ่อนไปบนฝีมือทำครัวใช้กฎเกณฑ์อะไรกันแน่
ค่าประสบการณ์วิชาธนูก่อนหน้านี้ก็จัดเป็นการล่าเหยื่อได้ ค่าประสบการณ์อาวุธลับก็น่าจะใช้เหตุผลเดียวกัน เช่นนั้นค่าประสบการณ์อาวุธอ่อน อย่าบอกนะว่าเป็นการใช้เชือกจับเหยื่อเป็นๆ ได้
บุรุษที่ใช้เชือกคล้องม้า ร่างกายกำยำบึกบึน
เพียงแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การเพิ่มค่าประสบการณ์สามรายการนี้ไปบนฝีมือทำครัว สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะสู้การเพิ่มไปบน ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรเสียหากไม่ได้เดาผิด ภายในเวลาอันสั้นนี้ เขาจะน่าจะมีที่ให้ใช้ประโยชน์จากฝีมือทำครัว ทั้งยังเป็นเรื่องที่สำคัญมากด้วย
ส่วน ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ อีกสี่เล่มที่เหลือ เยี่ยเว่ยหมิงกลับเก็บเอาไว้ ไม่ได้รีบใช้งานมัน ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ สี่เล่มนี้ก็เหมือนฝีมือทำครัว เยี่ยเว่ยหมิงมีลางสังหรณ์ว่าอีกสามวันหลังจากนี้อาจได้ใช้งานมัน
สุดท้าย เยี่ยเว่ยหมิงก็นำ ‘วิธีเลี้ยงสัตว์’ ที่ใช้คะแนนแฝงแลกมาจากหวงหรงออกมาอ่านศึกษา ทำให้ในทักษะการดำรงชีวิตมีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรายการแล้ว
ผลลัพธ์โดยละเอียดมีดังต่อไปนี้
1. ควบคุมสัตว์เลี้ยงได้ดีกว่าเดิม มาตรฐานค่าความจงรักภักดีที่จะกระตุ้นให้สัตว์เลี้ยงแว้งกัดเจ้าของ หลบหนี หลบหนีตอนต่อสู้ลดลงสิบแต้ม
2.เมื่อต่อสู้เคียงข้างสัตว์เลี้ยง ป้อนอาหารสัตว์เลี้ยง จะได้รับค่าความจงรักภักดีสองเท่า
3.หลังจากสัตว์เลี้ยงตายแล้วจะคืนสู่มิติสัตว์เลี้ยง ค่าความจงรักภักดีสิบแต้มที่ได้ก่อนหน้านี้จะกลายเป็นห้าแต้ม
สรุปก็คือเป็นทักษะช่วยเหลือที่ดีมากแขนงหนึ่ง สานฝันการควบคุมนกเซียนให้เขาได้
พอมองค่าสเตตัสกับแต้มค่าตบะที่ตัวเองเหลือแวบหนึ่ง พบว่าตอนนี้ยังไม่มีทางเพิ่มเลเวลของทักษะใดๆ ได้โดยตรง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้นั่งขัดสมาธิบนเตียงหินของตู๋กูพร้อมนำกระบองไผ่เขียวออกมา
เขาที่ความสามารถรุดหน้ามาก เตรียมจะไปท้าสู้ BOSS เลเวล 80 ตัวนั้นสักหน่อย…วานรแขนยักษ์!
ในเขตลับไผ่เขียวแห่งนี้ BOSS ด่านแรกชื่อวานรก้นแดง BOSS ด่านที่สองชื่อวานรแขนยักษ์ ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอดนึกเชื่อมโยงถึงสี่พญาวานรใน ‘บันทึกไซอิ๋ว’ ไม่ได้ เพียงแต่ชื่อของลิงสี่ตัวนั้นมีพยางค์ยาวกว่า เช่นพญาวานรก้นแดง พญาวานรแขนยักษ์ ฟังแล้วดูสูงส่งกว่าวานรก้นแดง วานรแขนยักษ์ตั้งเยอะ
การที่ผู้ออกแบบเกมตัดชื่อลิงทุกตัวออกหนึ่งคำ ทำให้มันกลายเป็นหัวมังกุท้ายมังกร ทำแบบนี้คงเพื่อเคารพเจ้าของชื่อกระมัง
ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงโลกจอมยุทธ์ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้เล่นไปสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนั้น และเมื่อเปลี่ยนชื่อแล้ว ก็ทำให้เข้าใจว่าเป็นสัตว์ชนิดอื่นที่เหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ เวลาอธิบายก็สะดวกขึ้นเยอะ
อย่างไรเสีย การแก้บทก็จะแก้มั่วซั่วไม่ได้ ต่อให้พูดแต่งเติมให้มีสีสันก็จะพูดเหลวไหลไม่ได้
ต่อให้ออกแบบเกม แต่ก็จะทำผิดกฎไม่ได้
หลังจากเข้าเขตลับไผ่เขียวอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็พลิกข้อมือ แต่กลับนำ ‘กระบี่ชิงชัย’ ออกมา การท้าสู้ครั้งนี้ เขาเตรียมจะใช้การโจมตีธรรมดาสร้างคริติคอลดาเมจสักครั้ง!
พอก้าวออกไป มอนสเตอร์ที่กระโดดออกมาก่อนก็คือลิงน้อยเลเวลสี่สิบสี่ ดูท่าแล้ว ทุกครั้งหลังจากบุกด่านไม่สำเร็จ เมื่อท้าสู้อีกครั้งก็ต้องท้าสู้กับลิงสิบตัวนี้อีกอยู่ดี
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าอุ่นเครื่องกับลิงน้อยเก้าตัวนี้ก่อนเจอกับวานรแขนยักษ์
เพียงแต่ว่า เป้าหมายหลักของเยี่ยเว่ยหมิงวันนี้เป็นเพียงวานรแขนยักษ์ตัวนั้น สำหรับวิธีการของเก้าตัวก่อนหน้านี้ ครั้งก่อนก็เคยได้รับประสบการณ์มาแล้ว เขาไม่สนใจจะเสียเวลากับพวกมันอีก
เมื่อใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ โจมตี ภายใต้โบนัสดาเมจของค่าสเตตัส ‘กระบี่ชิงชัยโจมตี +700 เลเวลเคล็ดกระบี่ +2’ ทำให้การต่อสู้ตลอดทางไม่มีความพะวงใดๆ ลิงน้อยที่ไม่ใช่ BOSS เหล่านั้น เมื่อเจอกับกระบี่เร็วของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่อาจต้านทานได้เลย ถูกเขากำจัดทิ้งได้สบาย
อย่างไรเสีย ลิงน้อยธรรมดาพวกนี้ก็ไม่มีโบนัสค่าสเตตัส ‘เงาของเทพกระบี่’
แหวกโค่นดงหนามตลอดทาง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เจอกับวานรแขนยักษ์ที่เขาเคยเสียครั้งแรกให้ตัวนั้นอีกครั้ง
พออีกฝ่ายเห็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ทำเหมือนครั้งก่อน มันส่งเสียงร้องประหลาดก่อนจะกระโจนเข้ามา ใช้ไม้ไผ่หักในมือเลือกกระบวนท่าไซซีกุมดวงใจที่ทั้งด่วนทั้งเร็ว!
ตอนที่สู้กับวานรแขนยักษ์ครั้งก่อน เยี่ยเว่ยหมิงมองไม่ออกเลยว่าบนตัวลิงตัวนี้มีช่องโหว่อะไร แต่หลังจากเรียนสามกระบวนท่าของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ปราดแรกที่ได้เห็นกระบวนท่านี้ ก็เหมือนมีแสงสว่างปรากฏตรงหน้าทันที
จากนั้น กลับเห็นเขาหมุนกระบี่ชิงชัยในมือแล้วเดินตามตัวกระบี่ไปกะทันหัน กระบี่ที่กลับกลอกรวดเร็วแทงจากข้างล่างขึ้นข้างบน ขณะที่หลบท่าไซซีกุมดวงใจของวานรแขนยักษ์ได้อย่างยอดเยี่ยม คมกระบี่ก็แทงไปตรงหว่างคิ้วของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ!
-30069!
กระบี่เก้าสะท้านฟ้า…ท่าปลุกปั่นกระบี่!