ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 360 อาหารหนึ่งอย่างเท่ากับหนึ่งฝ่ามือ
ตอนที่ 360 อาหารหนึ่งอย่างเท่ากับหนึ่งฝ่ามือ
ตีนเขาชิงเฉิง ภัตตาคารซู่เจิน
ตอนนี้ในโถงใหญ่ของภัตตาคารชั้นหนึ่งโล่งว่างเป็นพิเศษ โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่รอบๆ ถูกยกออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงโต๊ะกลมตัวใหญ่ตัวเดียวตั้งอยู่กลางโถงใหญ่ บนโต๊ะไม่มีสุราและอาหาร แต่รอบโต๊ะกลับมีผู้เล่นล้อมอยู่ห้าคน
ในจำนวนนั้นมีเยี่ยเว่ยหมิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสำนักมือปราบเทพ หนึ่งดาบสามเฉือน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสำนักดาบโลหิต อินปู้คุย ยอดฝีมือสำนักอู่ตัง เซียวเหยาถอนใจ ยอดฝีมือพรรคกระยาจกและซานเย่ว์ ยอดฝีมืออันดับสามของสำนักมือปราบเทพ
“อาหมิง ปฏิบัติการของพวกเจ้าที่จวนท่านอ๋องจ้าวครั้งนี้ ข้าไม่ได้เข้าร่วมด้วยแท้ๆ แต่เจ้ากลับเชิญเข้ามาร่วมแบ่งปันผลประโยชน์มหาศาลด้วยกัน ทำเอาข้ารู้สึกเกรงใจเลย” หลังจากนั่งลงแล้ว ซานเย่ว์ที่ถูกเยี่ยเว่ยหมิงเชิญมาเป็นกรณีพิเศษก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“มีอะไรน่าอาย พญางูเกล็ดแดงตัวนี้เดิมทีก็เป็นรางวัลจากการต่อสู้อยู่แล้ว อีกทั้งข้ายังเป็นพ่อครัวหลักในการปรุง รายชื่อที่ข้าเชิญมาอีกสองคนข้าย่อมตัดสินใจเอง ปกติเจ้าช่วยเหลือข้ามากมาย ตอนนี้พอมีผลประโยชน์ ข้าย่อมไม่ลืมเจ้าอยู่แล้ว” ระหว่างที่กล่าวอย่างไม่ถือสา เยี่ยเว่ยหมิงก็มองสีท้องฟ้าแวบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ถึงเวลาแล้วแท้ๆ ทำไมน้องสะพานสวรรค์น้อยยังไม่มาอีก”
“เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งติดต่อนาง” ซานเย่ว์ได้ยินแล้วพูดต่อทันที “ก่อนหน้านี้นางเสียเวลานิดหน่อยเพราะทำภารกิจสำนัก แต่ตอนนี้ออกจากสุสานโบราณแล้ว คงใกล้จะถึงแล้วละ”
“อ้อ?” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ไหว “ข้าไม่เห็นพิราบสื่อสารบินไปบินมาเลย เจ้าไปติดต่อนางตั้งแต่เมื่อไร”
ซานเย่ว์ไม่แม้แต่จะคิด ตอบทันทีว่า “ก่อนที่ข้าจะเข้าประตูมา”
ตอนนี้อินปู้คุยกลับกล่าวอย่างแปลกใจว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินสะพานสวรรค์น้อยบอก ตรงจุดพักม้าที่ตีนเขาจงหนานของสุสานโบราณต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณสิบนาที ถ้านั่งรถม้าก็ย้ายที่ได้ในพริบตาเดียว มองข้ามเรื่องเวลาไปก็ได้ ข้าเองก็เคยเห็นท่าร่างของสะพานสวรรค์น้อย ด้วยความเร็วของนาง เริ่มจากจุดพักม้าที่ใกล้ที่สุดมาถึงตรงนี้ ใช้เวลาไม่เกินห้านาทีแน่นอน แต่ตั้งแต่เจ้าเข้ามาจนถึงตอนนี้ เวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว”
“คงมีเรื่องอะไรทำให้ชักช้าล่ะสิ” น้องดาบพูดอยู่ข้างๆ ว่า “แต่จะว่าไปก็คงไม่เสียเวลามาก แม้ข้าจะรู้จักแม่นางที่ชื่อสะพานสวรรค์น้อยไม่นาน แต่ก็มองออกว่าเป็นผู้หญิงที่เชื่อถือได้ หากต้องเสียเวลามาก ก็ควรเป็นฝ่ายติดต่อมาบอกเจ้ามือปราบหน้าเหม็นก่อน”
ขณะที่พูด นางกลับหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิงทันที เอ่ยว่า “ตอนนี้รวบรวมกำลังคนครบแล้ว เจ้านำเมนูงานกินเลี้ยงงูที่ตัวเองปรุงออกมาให้พวกเราดูสีสันของอาหารสักหน่อยสิ”
“ไม่ได้” เยี่ยเว่ยหมิงบอกใบ้อย่างอ้อมค้อม “หากอาหารเย็นแล้วก็จะไม่อร่อย แต่ถึงอย่างไรอาหารก็อยู่ในกระเป๋าของข้าแล้ว รอสะพานสวรรค์น้อยมาก่อนแล้วค่อยนำออกมาก็ยังไม่สาย แต่หากพูดถึงอาหารเลิศรส ของที่อร่อยที่สุดบนตัวข้าไม่ใช่งานกินเลี้ยงงูหรอกนะ…”
พอน้องดาบได้ยินคำพูดส่วนแรกของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่พอฟังถึงประโยคสุดท้ายก็ตาเป็นประกายทันที ทั้งยังแลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียริมฝีปากโดยสัญชาตญาณอีกด้วย “อ้อ? แล้วสิ่งนั้นคืออะไรล่ะ นำออกมาให้พวกเราดูสักหน่อยสิ”
หลังจากน้องดาบถาม สายตาทุกคนก็มองมายังเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกันอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงดึงดูดความสนใจของพวกเขาเช่นกัน
โดยเฉพาะซานเย่ว์ เป็นเพราะนางสนิทกับเยี่ยเว่ยหมิงที่สุด นางเหมือนกับน้องดาบ ไม่ปิดบังความหิวกระหายในสายตาเลยสักนิด แสดงออกชัดเจนว่าอยากกินอาหารเลิศรสของเขา
ตอนเจอของดีที่เพิ่มค่าสเตตัสได้เยอะอย่างเมนูงานกินเลี้ยงงู นางก็ยังสำรวมอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันเป็นเพียงของอร่อยเฉยๆ เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจแล้วจริงๆ
“มันก็คือสิ่งนี้ไง” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็พลิกข้อมือ แป้งทอดเซาปิ่งหน้าตาธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งเผยออกมาแล้ว
“เชอะ!”
ทุกคนชูนิ้วกลางให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกัน เคลื่อนไหวอย่างมีระเบียบราวกับฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน
“ไอ้พวกเด็กไม่มีวิจารณญาณ พวกเจ้าไม่มีความรู้เรื่องของอร่อยเลยสักนิด!” จู่ๆ ก็มีเสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นเลื่อนลอยไม่คงที่ ประหนึ่งพูดอยู่ข้างหูทุกคนไม่หยุด
“ใครกัน!” หลังจากเสียงตะคอกของน้องดาบดังขึ้น สี่คนข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
ต้องทราบไว้ว่าเพื่อที่จะจัดงานกินเลี้ยงงูวันนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเหมาโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของภัตตาคารซู่เจินไว้แล้ว
แม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่เลือกห้องเดี่ยว ต้องการจะกินที่โถงใหญ่ให้ได้ แต่ตอนนี้โถงใหญ่แห่งนี้ก็ใกล้เคียงกับห้องเดียวห้องหนึ่งแล้วเช่นกัน ไม่เปิดเพื่อลูกค้าคนอื่นแล้ว
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กพวกนี้ระมัดระวังตัวใช้ได้เลยนี่” เสียงเดิมดังขึ้นข้างหูทุกคนอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็เห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งแวบผ่านไปด้วยความรวดเร็วสุดขีด
เป็นเพราะเลเวลผู้เล่นและเลเวลเคล็ดวิชาของพวกเขาเพิ่มขึ้น ค่าสเตตัสความว่องไวของพวกเขาจึงไวเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าแม้แต่เงาเลือนรางของเจ้าของเสียงก็คงไม่เห็น
เมื่อพวกเยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น มีหรือที่จะยังไม่รู้ว่าผู้มาเยือนร้ายกาจขนาดไหน
พวกเขาบ้างก็ชักอาวุธ บ้างก็ตั้งท่าเตรียมสู้ สายตามองตามเงาร่างนั้นพร้อมกัน
แต่กลับเห็นขอทานวัยกลางคนรูปร่างกำยำและมือหยาบเท้าใหญ่คนหนึ่งพอดี เขาเอนตัวพิงผนังอย่างเกียจคร้าน ในมือกำลังถือแป้งทอดเซาปิ่งและสังเกตมันอย่างละเอียด เป็นแป้งทอดเซาปิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมาก่อนหน้านี้!
ท่าทางหิวกระหายจนเกือบน้ำลายไหลของเขาเหมือนหมาป่าจอมหื่นเห็นผู้หญิงเปลือยกายไม่มีผิด โปรดปรานจนวางไม่ลงแต่ก็ถืออย่างระมัดระวัง กลัวจะพลั้งทำงานศิลปะหายากชิ้นนี้เสียหาย
ในบรรดาผู้เล่นเหล่านี้ มีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงที่สีหน้าปกติ เขาหมุนตัวกลับมาอย่างใจเย็นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
ทว่าไม่ทันรอให้เขาพูดอะไร เซียวเหยาถอนใจที่อยู่ข้างๆ กลับอุทานออกมาก่อน “ประมุขพรรค!”
หงชีกงยิ้มบางๆ แต่กลับชำเลืองเซียวเหยาถอนใจเพียงแวบเดียว จากนั้นกลับมามองแป้งทอดเซาปิ่งในมืออีกครั้งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวดเพราะหวังให้ได้ดี “เจ้าเด็กพวกนี้มีตาแต่ไร้แววจริงๆ แป้งทอดเซาปิ่งแม้จะดูธรรมดามาก แต่ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนคัดเลือกวัตถุดิบ ผสมแป้ง หรือปรุงสุกก็ล้วนทำได้เกือบสมบูรณ์แบบทั้งหมด กล่าวได้ว่าเป็นการแสดงฝีมือการทำครัวได้ถึงระดับสูงสุด!…
…สิ่งที่เรียกว่าเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ได้ ก็หมายถึงแป้งทอดเซาปิ่งชิ้นนี้นั่นแหละ!”
เขาพูดพลางฉีกแป้งทอดเซาปิ่งชิ้นเล็กๆ ออกมาชิ้นหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ แล้วเคี้ยวกินอยู่ในปากอย่างพิถีพิถัน อดกล่าวชมไม่ได้ว่า “ดี! ดี! เลิศ! ปกติขอทานเฒ่าผู้นี้ลิ้มรสของอร่อยมานับไม่ถ้วน แต่แป้งทอดเซาปิ่งที่ปรุงได้เกือบสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ข้าเพิ่งเคยลิ้มลองเป็นครั้งแรก ควรค่ากับหนึ่งฝ่ามือของข้า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับยิ้มบางๆ “แค่หนึ่งฝ่ามือเองหรือ”
ครั้งนี้หงชีกงก็ตอบอย่างใจป้ำอย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อยเช่นกัน “อาหารหนึ่งอย่างหนึ่งฝ่ามือ สองอย่างสองฝ่ามือ”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วบอกว่า “ที่จริงแล้ว นอกจากแป้งทอดเซาปิ่ง ข้ายังตั้งใจปรุงงานกินเลี้ยงงูอีกโต๊ะใหญ่ วัตถุดิบหลักใช้พญางูที่เลี้ยงด้วยยาล้ำค่าชนิดต่างๆ เป็นเวลายี่สิบปี ประกอบกับเครื่องปรุงและเครื่องเคียงอื่นๆ รับรองว่าท่านพอใจแน่นอน…
…รวมสุราอาหารทั้งโต๊ะก็ยี่สิบอย่าง ถ้าบวกแป้งทอดเซาปิ่งชิ้นนี้ด้วย ก็เป็นยี่สิบเอ็ดอย่าง”
รอยยิ้มของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้เหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง “แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นผู้น้อย เพื่อแสดงความเคารพต่อจอมยุทธ์อาวุโส ก็ย่อมคิดบัญชีกับท่านแปดส่วนอยู่แล้ว…
…ข้าเองก็ไม่ได้โลภมาก ท่านสอนข้าสิบเจ็ดฝ่ามือก็พอ”