ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 361 ชีวิตล้ำค่า ศักดิ์ศรีแพงกว่า
ตอนที่ 361 ชีวิตล้ำค่า ศักดิ์ศรีแพงกว่า
สำหรับวิธีการคำนวณที่ทั้งสมเหตุสมผลทั้งถ่อมตนของเยี่ยเว่ยหมิง หงชีกงตอบอย่างอ้อมค้อมมากกว่า “ฝันกลางวันไปเถอะ!”
ขณะที่พูด ขอทานเฒ่ายังถลึงตาจ้องเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่ง พูดเหยียดหยามว่า “ตัวเจ้าเองทำภารกิจระดับไหน ในใจไม่มีข้อมูลสักนิดเชียวหรือ เจ้าคิดว่า ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ เป็นผักกาดขาวที่ขายตามท้องถนน ใครๆ ก็เรียนได้ทั้งหมดตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ…
…ที่จริงแล้ว รางวัลของภารกิจนั้นเป็นเพียงเคล็ดฝ่ามือกระบวนท่าเดียวเท่านั้น แต่เจ้าเด็กนี่กลับดึงระดับความยากของภารกิจให้เพิ่มขึ้นอีกขั้น ข้าถึงได้รับปากว่าจะถ่ายทอดให้เจ้าสองกระบวนท่าเป็นกรณีพิเศษ…
…ส่วนสามกระบวนท่าน่ะหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้เล่นจะเรียน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ได้หรือไม่ ที่จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือทำครัวมากนัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก
สิ่งที่ตัดสินได้จริงๆ ว่าเขาจะเรียนเคล็ดฝ่ามือได้กี่กระบวนท่า ยังคงเป็นการแสดงความสามารถของเขาในภารกิจจวนท่านอ๋องจ้าวก่อนหน้านี้ หากแสดงความสามารถได้ดี ถึงจะยึดหลัก ‘อาหารหนึ่งอย่างต่อหนึ่งฝ่ามือ’ หากทำภารกิจได้ไม่ดี ก็จะไม่เห็นแม้แต่เงาของหงชีกงด้วยซ้ำ
ส่วนฝีมือทำครัว อย่างมากก็นับเป็นข้ออ้าง แต่ไม่ใช่กุญแจสำคัญแน่นอน
จะว่าไป หากไม่ใช่เพราะพวกเยี่ยเว่ยหมิงสังหารสอง BOSS ใหญ่ที่เลเวลสูงกว่าบอสดันเจี้ยนทั่วไปยี่สิบเลเวลอย่างเหมยเชาเฟิงกับโอวหยางเค่อตายหมด ทั้งยังโจมตีสังหารเหลียงจื่อเวิงที่อยู่ในโหมดปกติสำเร็จ สุดท้ายล้างเลือด…ไม่ใช่สิ สุดท้ายถ่วงเวลาทหารแคว้นจินที่ไล่โจมตีพวกกัวจิ้ง ทำภารกิจสำเร็จจนเกือบถึงขั้นสมบูรณ์แบบ อย่างมากก็เรียนได้เพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น
สิ่งที่หงชีกงบอก ไม่ต่างจากที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดเดาไว้สักนิด!
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับการปรากฏตัวของหงชีกง เยี่ยเว่ยหมิงก็คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน
หากถามว่าเหตุใดเยี่ยเว่ยหมิงจึงรู้ว่าขอทานเฒ่าจะปรากฏตัว
แน่นอนว่าอาศัยการวิเคราะห์อยู่แล้ว
ภารกิจครั้งนี้ดูเหมือนเป็นดันเจี้ยนธรรมดา แต่เชื่อมต่อกับเนื้อเรื่องแนบแน่นขนาดนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนดันเจี้ยนธรรมดา เหมือนเป็นภาคต่อของการประลองยุทธ์เลือกคู่เนี่ยนฉือแชมเปียนส์คัพมากกว่า!
ถ้าหากนี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน แต่เป็นภารกิจเนื้อเรื่อง
เช่นนั้นภารกิจเนื้อเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ ในเมื่อพวกเยี่ยเว่ยหมิงทำสำเร็จได้อย่างงดงาม นอกจากไอเทมดรอปจาก BOSS แล้ว ถ้าไม่มีรางวัลเพิ่มให้สักหน่อยก็จะฟังดูเหลวไหลเกินไป
ส่วนรางวัลสุดท้ายของจวนท่านอ๋องจ้าวจะเป็นอะไรนั้น
ค่าประสบการณ์ ค่าตบะ ค่าวีรบุรุษ ค่าผลงานสำนัก บวกกับของที่ใช้คะแนนสะสมพิเศษแลกมาก…ตำราอาหาร?
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่า ดรอปของประเภทตำราอาหารเหล่านั้นเป็นรางวัลสุดท้ายของภารกิจขนาดใหญ่ ไม่สู้บอกว่าเป็นการบอกใบ้จากระบบดีกว่า
เหมือนกับการประลองยุทธ์เนี่ยนฉือแชมเปี้ยนคัพครั้งก่อน มู่เนี่ยนฉือพยายามตีสนิทกับเขาต่างๆ นานา ก็เพื่อดึงประเด็นสนทนาให้เกี่ยวข้องกับหงชีกง
อย่างน้อยเยี่ยเว่ยหมิงก็มั่นใจแล้วเจ็ดส่วนว่ารางวัลภารกิจสุดท้ายของภารกิจนี้น่าจะอาศัยโอกาสและความบังเอิญ!
สิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนก็คือ เพราะมีผู้เล่นเข้าร่วมภารกิจค่อนข้างมาก ดังนั้นรางวัลอาจไม่ได้มาจากหงชีกงเสมอไป อาจจะมีโอกาสจากช่องทางอื่นอีก
ส่วนสิ่งที่ได้จากหวงหรง เป็นเพียงความช่วยเหลือที่ทำให้ผู้เล่นได้รับโอกาสสะดวกยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่นตำราอาหาร สำหรับผู้เล่นที่มีทักษะฝีมือทำครัวค่อนข้างดีแล้ว มันคือสะพานให้เชื่อมสัมพันธ์กับหงชีกงได้
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ค่อยสนใจโอกาสอย่างอื่น เขารู้สึกว่ารางวัลของขอทานเฒ่าหงชีกงก็ไม่เลวแล้ว
อย่างไรเสีย เคล็ดฝ่ามือที่เหมาะกับคนหน้าเนื้อใจเสืออย่าง ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ก็ไม่ได้พบเจอได้บ่อยๆ ทั้งยังเหมาะกับเขามากด้วย
หากถามว่าทำไมเขาไม่แลกกับตำราอาหาร คำตอบก็คือรู้สึกว่าไม่จำเป็น
ถึงอย่างไรของอร่อยที่เขานำออกมาตอนนี้ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ทั้งยังมีเมนู ‘ขลุ่ยหยกบ้านใดฟังคล้ายเหมยร่วง’ ด้วย
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงทำท่านึกเสียใจทีหลัง หงชีกงก็อดรู้สึกเดือดดาลไม่ได้ รู้ตั้งแต่แรกแล้วเจ้าจะพูดอย่างนั้นทำไม จงใจเรียกขอทานเฒ่าอย่างข้าออกมาทำไม
หงชีกงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห โมโหจนกัดแป้งทอดเซาปิ่งในมือกินคำใหญ่
กร๊อบ!
พอกัดคำนี้ หงชีกงก็รู้สึกปวดฟันอยู่พักหนึ่ง
โชคดีที่พื้นฐานวิชาของเขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ไม่อย่างนั้นฟันขาวๆ ในปากเขาคงจะแหว่งไปแล้ว
“ไอ๊โหยว!” หงชีกงอุทานออกมาเพราะเจ็บปวด นำแป้งทอดเซาปิ่งที่กัดไม่เข้าออกจากหน้าริมฝีปาก แต่กลับเห็นในนั้นมีแผ่นเหล็กเล็กๆ สีดำสอดอยู่ เขาอยากจะพ่นแป้งทอดเซาปิ่งคำเล็กในปากออกมา แต่สุดท้ายกลับเสียดาย เพียงดึงแผ่นเหล็กเล็กๆ นั่นออกจากแป้งทอดเซาปิ่งเท่านั้น แล้วก็โยนมันใส่เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบ่นเสียงอู้อี้ “ฝ่ามือพิชิตมังกรของเจ้า ไม่มีแล้ว!”
ฟังจากประโยคนี้ก็รู้เลยว่าขอทานเฒ่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทั้งยังรู้ด้วยว่านั่นคือฝ่ามือพิชิตมังกรของเยี่ยเว่ยหมิง…
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นแล้วขมวดคิ้ว ขณะที่ยื่นมือไปรับแผ่นเหล็กโดยสัญชาตญาณ ในหัวก็มีคำพูดตอนที่อาจ่งมอบแป้งทอดเซาปิ่งชิ้นนี้ให้เขาตอนอยู่เจิ้นเจียงดังขึ้นมา ‘ข้าใส่วัตถุดิบที่ไม่เหมือนใครไว้ข้างในด้วย ข้ามอบให้พี่ใหญ่แล้วกัน รอกินตอนหิวจะอร่อยเป็นพิเศษ! แต่ระวังจะเจ็บฟันนะ’
อย่าบอกนะว่าแผ่นเหล็กนี้ก็คือสิ่งที่อาจ่งมอบให้ข้า
พอก้มหน้ามองค่าสเตตัสของแผ่นเหล็กเล็กๆ แวบหนึ่ง ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มอย่างไร้คุณธรรมทันที
[ประกาศิตเหล็กนิล ป้ายคำสั่งที่ทำจากเหล็กสีดำ หลังจากเปิดใช้งานแล้วจะเรียกเซี่ยเยียนเค่อออกมาแล้วขอร้องได้หนึ่งอย่าง ขออะไรก็รับปากหมด! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เวลาไหน หรือที่ไหน เซี่ยเยียนเค่อก็จะไม่ทำร้ายผู้ที่ถือประกาศิตนี้แม้แต่เส้นขน!]
ที่แท้ในแป้งทอดเซาปิ่งที่อาจ่งมอบให้ตน ก็สอดไส้ของดีเอาไว้ด้วย!
หึหึ เซี่ยเยียนเค่อเป็นใครล่ะ
ตอนนั้นจำได้ว่าใครกันนะที่บอกว่าจะสังหารข้าจนเลเวลเหลือศูนย์
ตอนนี้ประกาศิตเหล็กนิลอยู่ในมือข้าแล้ว พวกเราค่อยๆ เล่นกันก็ได้…
พอเก็บประกาศิตเหล็กนิลไว้ในมือ เยี่ยเว่ยหมิงกลับพบว่าตอนนี้หงชีกงหันหน้าไปอีกทางแล้ว กำลังสนใจแต่ลิ้มลองแป้งทอดเซาปิ่งในมืออย่างพิถีพิถัน ทำท่าเหมือน ‘ข้าไม่สนใจเจ้า’ ช่างโอ้อวดทักษะการแสดงจริงๆ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้นจึงบอกในช่องทีมทันทีว่า [ซานเย่ว์ ถามข้าสิว่าทำไมพอได้ยินว่าไม่มีฝ่ามือพิชิตมังกรแล้ว กลับไม่ร้อนใจเลยสักนิด]
ซานเย่ว์ “…”
น้องดาบ “…”
อินปู้คุย เซียวเหยาถอนใจ “…”
หลังจากเงียบไปสองวินาที ซานเย่ว์ถึงได้ข่มความปรารถนาในการด่าคนที่เต็มล้นอยู่ในอกเอาไว้ได้ แล้วถามอย่างสงสัยใครรู้มากว่า “อาหมิง ประมุขพรรคหงบอกว่าไม่มีฝ่ามือพิชิตมังกรแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ร้อนใจเลยสักนิด”
“มีอะไรน่าร้อนใจ” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ อย่างจิตใจมั่นคง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจไร้ที่เปรียบ “ผู้อาวุโสหงเป็นยอดฝีมือแห่งยุค มีหรือที่จะมองไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในแป้งทอดเซาปิ่งมีของดีอยู่ เหมือนคำกล่าวที่ว่าคนไม่ตั้งใจย่อมไม่ผิด เขาจะมาโกรธข้าเหมือนพวกอารมณ์รุนแรงอย่างพวกมารบูรพา พิษประจิมได้อย่างไร…
…ดังนั้นคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ ก็เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น คิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้…”
ในช่องทีม: …
น้องดาบ [ศักดิ์ศรีล่ะ]
เยี่ยเว่ยหมิงตอบเสียงเรียบ “ศักดิ์ศรีย่อมสำคัญกว่าชีวิตอยู่แล้ว ยามเผชิญหน้ากับสุดยอดวิชา ในยุทธภพจะมีสักกี่คนที่ไม่ยินดีแลกชีวิต ดังคำกล่าวที่ว่า ชีวิตล้ำค่า ศักดิ์ศรีแพงกว่า แต่หากเทียบกับสุดยอดวิชา สองอย่างแรกล้วนทิ้งไปได้!”
น้องดาบ “ถุย!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแบบนี้เพราะอิจฉา”
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าบทสนทนาของเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์เมื่อครู่นี้ประจบเอาใจจนหงชีกงตัวลอยมากจริงๆ ตอนนี้เขากินแป้งทอดเซาปิ่งหมดแล้ว ปัดไม้ปัดมือเอาเศษแป้งออกแล้วก้าวขึ้นมาข้างหน้า กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “เมื่อครู่นี้ข้าคิดไว้แล้ว เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ หากข้าตัดโอกาสเจ้าเพราะเรื่องนี้ กลับทำให้ขอทานเฒ่าอย่างข้าดูใจแคบ…
…เพียงแต่ทำผิดก็ต้องลงโทษ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเงื่อนไขในการเรียนฝ่ามือพิชิตมังกรของเจ้า”
“อ้อ?” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “ผู้อาวุโสหงหมายความว่า?”
“ของที่สอดไส้อยู่ในแป้งทอดเซาปิ่งเมื่อครู่นี้เกือบทำให้ข้าฟันหัก แป้งทอดเซาปิ่งชิ้นนี้ถือว่าชดเชยความเสียหายให้ข้าก็แล้วกัน จะนับรวมอยู่ในสุดยอดวิชาไม่ได้” เขาชะงักไปครู่เดียวก็กล่าวเสริม “แล้วก็งานกินเลี้ยงงูของเจ้า จะต้องมีที่นั่งของข้าหนึ่งตำแหน่งด้วย จะนำอาหารแต่ละอย่างมานับด้วยไม่ได้ ดังนั้นจึงแลกได้เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น หากเจ้าอยากจะเรียนรู้ฝ่ามือที่สอง ก็ต้องทำของอร่อยเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง”
หงชีกงไม่เพียงพูดจาเฉียบขาดเท่านั้น ทั้งยังพูดจามีเหตุผลด้วย แต่หากเจ้าลองครุ่นคิดให้ดี ก็จะพบว่า…
สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ก็แค่เพิ่มอาหารขึ้นมาหนึ่งอย่างเท่านั้น!
สำหรับคำขอนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่มีฝีมือทำครัวเลเวลแปดแสดงออกว่าไม่มีปัญหาเลย เอ่ยถึงไก่ขอทานตัวหนึ่งที่เตรียมไว้นานแล้วทันที “ผู้อาวุโสหงดูสิว่าไก่ขอทานตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ไก่ขอทานของเยี่ยเว่ยหมิงต่อให้ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด แต่ตัวเลขคุณภาพก็แค่แปดสิบหกเท่านั้น เทียบกับแป้งทอดเซาปิ่งของอาจ่งไม่ติดเลย แต่หากเทียบกับขอบเขตของเคล็ดฝ่ามือที่หงชีกงจะถ่ายทอดให้ ไก่ขอทานตัวนี้กลับเหลือเฟือ
แต่มันเป็นเพียงไก่ขอทานตัวเดียวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าหงชีกงไม่ค่อยพอใจ เขายังอยากไปร่วมกินอาหารในงานกินเลี้ยงงูด้วยกัน
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับยืนกรานว่าจะรอให้สะพานสวรรค์น้อยมาถึงก่อนค่อยเริ่มกิน มีของดีต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม แต่หงชีกงกลับไม่ยอมถ่ายทอดเคล็ดฝ่ามือให้ล่วงหน้า
ทั้งสองต่อรองกันครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงบรรลุข้อตกลง หงชีกงกินไก่ก่อน แต่กลับถ่ายทอดเคล็ดฝ่ามือให้เขาเพียงหนึ่งกระบวนท่า ส่วนท่าที่สอง ต้องรอให้เขาได้ร่วมงานกินเลี้ยงงูก่อนถึงจะทำตามสัญญา
สำหรับเงื่อนไขนี้ เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ข้าต้องการเรียนท่ามังกรผยองได้สำนึก”
“นั่นไม่ได้หรอก” หงชีกงปฏิเสธคำขอเหลวไหลของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่ลังเล “มังกรผยองได้สำนึกเป็นแก่นแท้ของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ข้าไม่ถ่ายทอดให้ผู้เล่นที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของพรรคกระยาจกง่ายๆ แต่หากเพิ่มของอร่อยอีกอย่างหนึ่งได้ ข้าก็จะบอกอีกวิธีการหนึ่งในการเรียน ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ให้เจ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็นำวัตถุดิบหนึ่งถาดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาเสียเลย “ท่านดูอาหารจานนี้สิ ชุมนุมวีรบุรุษ…”
พอรับถาดมาจากมือเยี่ยเว่ยหมิง บนใบหน้าหงชีกงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจทันที “ใช้ได้ ใช้ได้ ตอนนี้ข้าจะเผยเบาะแสสำหรับเรียนมังกรผยองได้สำนึกให้เจ้ารู้”
“ข้าไม่รีบหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงรีบห้ามแล้วบอกว่า “ตามที่ท่านบอก แป้งทอดเซาปิ่งนี้ไม่นับ กินเลี้ยงงู ไก่ขอทานกับชุมนุมวีรบุรุษ อาหารสามอย่างนี้แลกสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรได้สองกระบวนท่าและเบาะแสของ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ เช่นนั้นหากข้าเลือกเรียนเคล็ดฝ่ามือสองกระบวนท่าก่อน ส่วนเบาะแสของ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ไว้พูดตอนเริ่มงานกินเลี้ยงงูก็ยังไม่สาย”
หงชีกงครุ่นคิดประเดี๋ยวเดียว รู้สึกว่าทำแบบนี้ก็ได้ จึงพยักหน้ารับปากทันที “ก็ได้”
“เคล็ดฝ่ามือสองกระบวนท่าที่ข้าอยากเรียนก็คือ…”