ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 365 เบาะแสมังกรผยองได้สำนึก
ตอนที่ 365 เบาะแสมังกรผยองได้สำนึก
กระบี่หยางเทียนเล่มนั้นไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว กระบี่ที่เหมาะกับผู้หญิง แน่นอนว่าต้องมอบให้สะพานสวรรค์น้อย แม้ค่าสเตตัสธรรมดา แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่ากระบี่จินสยาที่นางใช้อยู่ตอนนี้
คาดไม่ถึงว่าสะพานสวรรค์น้อยจะบอกว่ากระบี่เล่มนั้นคือไอเทมภารกิจของนาง
พอตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสของนาง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งไม่เก็บของสิ่งนี้ไว้กับตัวเอง ส่งมันพร้อมกับ ‘ร่ำลาสะพานเคมบริดจ์’ เล่มนั้นให้สะพานสวรรค์น้อยเสียเลย เหตุผลก็เพื่อปลอบขวัญนาง
สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เก็บไว้แม้แต่ตำราบทกวี ก็เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ใช้งานของพวกนั้นเลย
วิชาตัวเบาทั้งสองของเขาตอนนี้ หนึ่งคือเลเวลเจ็ด อีกหนึ่งคือเลเวลแปด มีขีดจำกัดข้อดีเยอะกว่าตำราเล่มนี้
ตอนนี้เจ้าแดงบินกลับมาแล้ว หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่ไป ค่าความจงรักภักดีของมันก็เพิ่มขึ้นสี่แต้มเต็มๆ! เยี่ยเว่ยหมิงเก็บมันเข้ามิติสัตว์เลี้ยง จากนั้นก็บอกให้ทุกคนนั่งประจำที่ เริ่มแนะนำเมนูงานเลี้ยงงูของเขา
“จานนี้เรียกว่าหนูงูรังเดียวกัน นำเนื้องูมาต้มไฟแรงก่อนหนึ่งชั่วโมง ใส่มันเทศที่หั่นเตรียมไว้แล้ว แล้วตุ๋นมันฝรั่งต่อ ระหว่างนั้นใส่เครื่องปรุงชนิดต่างๆ และการควบคุมไฟคือกุญแจสำคัญ วิธีการปรุงทีละมากๆ แบบนี้เป็นการทดสอบฝีมือทำครัวได้ดีที่สุด ไม่มีเคล็ดลับหรือจุดไหนให้เล่นแง่ได้ ทุกคนชิมดูก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร”
“นี่คือชุมนุมปราชญ์สงครามลิ้น ผสมนมวัว นมแพะ นมม้า นมอูฐและนมสดอีกเจ็ดชนิดรวมกันแล้วเคี่ยวจนข้น จากนั้นทอดเนื้องูให้กรอบจนเป็นสีทอง จิ้มเนื้องูกับนมข้นแล้วค่อยกิน รสชาติค่อนข้างหวาน เหมาะกับสุภาพสตรี…
…อาหารจานนี้ชื่อว่ายุทธภพบนยอดงู เก็บหอมป่าจากเขาไท่ซาน ผลไม้ป่าจากเขาหัวซาน หน่อไม้จากป่าในเขาเหิงซาน กระเจี๊ยบในป่าเขาซงซาน แล้วทอดในน้ำมันเดือดพร้อมกับงูตามอัตราส่วนที่กำหนดเป็นพิเศษ…
…จานนี้ไม่ใช่ลูกชิ้นหัวสิงห์ซอสน้ำแดงง ชื่อของมันคือผีวัวเทพงู ใช้เนื้อวัวกับเนื้อของพญางูบดรวมกัน แล้วผสมกับเครื่องเทศพิเศษอีก รสชาติต่างกับลูกชิ้นหัวสิงห์ที่พบเห็นได้ทั่วไปมาก…
…แล้วยังมีวาดงูเติมขา อสรพิษเสแสร้ง อสรพิษยาวเหยียด…
…สุราสองชนิดนี้แบ่งเป็น ‘จอกสุราเงาอสรพิษ’ ที่ใช้ดีงูชงกับมังกรคะนองน้ำที่ทำจากเลือดที่เลอค่าที่สุดของพญางู ทุกคนชิมดูสิ…”
ขณะที่มองอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะ หงชีกงกลับไม่รีบจับตะเกียบ แต่พูดกับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างลังเลว่า “ข้าว่านะ จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ก่อนหน้านี้ข้ารับปากเจ้าเกี่ยวกับเบาะแส ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่จริงต่อให้เจ้ารู้แล้ว ถ้าคิดจะทำภารกิจนั้นให้สำเร็จก็ไม่ง่ายอยู่ดี ไม่สู้ให้ข้าถ่ายทอดเคล็ดฝ่ามือระดับกลางให้เจ้าแทนข้อมูลนั้นเสียเลยเป็นอย่างไร”
“เคล็ดฝ่ามือระดับกลาง” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิด “ข้าไม่ชอบ”
หงชีกงจนใจ เขาเองก็รู้ว่าเคล็ดฝ่ามือระดับกลางดึงดูดความสนใจของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้จริงๆ ดังนั้นจึงถามหยั่งเชิงอีกครั้ง “หรือไม่อย่างนั้น ข้าช่วยเจ้าหากระบี่ล้ำค่าสักเล่มดีไหม”
“พูดถึงกระบี่ล้ำค่า ที่ข้ามีอยู่สองเล่มพอดี อยากจะขอให้ชีกงช่วยประเมินสินค้าสักหน่อย” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำกระบี่แสงทองกับกระบี่ชิงชัยขึ้นมาตรงหน้าหงชีกงพร้อมกัน
หงชีกงมองกระบี่ล้ำค่าสองเล่มที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเลิกพยายามโดยสิ้นเชิง
ท่ามกลางเงาสะท้อนของกระบี่ล้ำค่าสองเล่มที่สว่างแยงตา เขาราวกับเห็นฉากอันน่ากลัวที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ อันดีงามให้กลายเป็น ‘สิบแปดฝ่ามือปลิ้นปล้อน’
ระคายตาเกินไปแล้ว!
แต่เขาจะทำอะไรได้
วาจาที่กล่าวออกไป ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว
นอกเสียจากเยี่ยเว่ยหมิงจะเป็นฝ่ายล้มเลิกเอง แต่บนตัวเขานอกจาก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แล้ว วิชาที่เยี่ยเว่ยหมิงถูกใจก็คงจะเหลือเพียง ‘วิชาไม้เท้าตีสุนัข’
แต่วิชาไม้เท้าตีสุนัขกับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แตกต่างกัน หากไม่ใช่ผู้สืบทอดประมุขพรรคกระยาจกคนถัดไป ก็จะไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ อีกทั้งเยี่ยเว่ยหมิงเป็นขุนนางใหญ่ยศขั้นห้าของราชสำนัก เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเข้าร่วมพรรคกระยาจกของเขาได้
ที่จริงสิ่งที่กล่าวมาด้านบน เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของหงชีกงเท่านั้น
สถานการณ์จริงนั้นโหดร้ายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้
เพราะเยี่ยเว่ยหมิงไม่ชายตาแล ‘วิชาไม้เท้าตีสุนัข’ เลย!
สำหรับแนวทางในยุทธภพของตน เยี่ยเว่ยหมิงวางแผนไว้ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากพูดจาตรงไปตรงมากับพูดจริงทำจริง เขาก็คิดไว้ว่าจะใช้เคล็ดกระบี่ในการโจมตีหลัก ฝึกวิชาหมัดเท้าควบคู่กันไป อย่างมากก็เพิ่มอาวุธลับไว้ประดับสักหน่อย
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องการฝึกอาวุธอย่างอื่นอีก เขาไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น
หงชีกงย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ติดที่เขาสัญญาเอาไว้ จึงกล่าวอย่างจนใจมากว่า “พรรคกระยาจกของพวกเรามีผู้อาวุโสซ่งที่วางมือจากยุทธภพแล้ว เขาเคยดูประมุขพรรคคนก่อนสู้กับศัตรู ตระหนักรู้ถึงแก่นแท้ของมังกรผยองได้สำนึกด้วยตนเอง จะว่าไปข้ากับพี่ปิงอี่ก็ไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปี หลังจากเขาแต่งงานกับสาวงามก็ไปใช้ชีวิตสุขสำราญแล้ว”
ขณะที่พูด หงชีกงก็ทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง เหมือนจมอยู่ในความทรงจำครั้งก่อน แม้แต่ความรู้สึกหวาดกลัวต่อ ‘สิบแปดฝ่ามือปลิ้นปล้อน’ ก็โยนทิ้งไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว “พี่ปิงอี่ตอนนี้คงจะอยู่ที่ต้าหลี่ แต่อยู่ตรงไหนข้าก็ไม่รู้ชัด เหมือนจะมีเพียงผู้อาวุโสเผิงที่ยังส่งจดหมายติดต่อกับเขาอยู่ เจ้าไปถามผู้อาวุโสเผิงได้ที่เขาจวินซาน”
หลังจากได้เบาะแสเกี่ยวกับ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ จากหงชีกงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกให้ทุกคนกินดื่มต่อไป ส่วนตัวเองก็บอกว่าจะไปจัดการธุระบางอย่างแล้วก็กลับไปทันที
หลังออกจากภัตตาคารซู่เจินแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถลันตัวเข้าไปในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งข้างภัตตาคาร จากนั้นหันหลังพิงกำแพง นำ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ เล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านศึกษาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงตั้งสมมตฐานอย่างกล้าหาญ คำนวณอย่างแม่นยำและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง สุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่า ทุกท่าของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร หากต้องการเพิ่มเลเวลหนึ่งให้ถึงเลเวลเก้า ล้วนต้องใช้ค่าประสบการณ์เคล็ดฝ่ามือ 88700 แต้ม และหากต้องการเพิ่มจากเลเวลเก้าให้ถึงเลเวลสิบ ต้องใช้ค่าประสบการณ์วิชาหมัดฝ่ามือสองแสนกว่าแต้ม
เพื่อป้องกันความสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็น หรือเรียกอีกอย่างว่าค่าประสบการณ์ไหลล้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่รีบใช้ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ ที่ได้จากเหมยเชาเฟิงกับโอวหยางเค่อ เพียงใช้ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ ที่ได้จากหลวงจีนหลิงจื้อกับเหลียงจื่อเวิงเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ใช้ค่าตบะชดเชยแทน
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิง ‘จัดการธุระ’ เสร็จแล้วกลับมาที่ภัตตาคารอีกครั้ง หงชีกงก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว
เป็นเพราะเลเวลสองเคล็ดฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนไปแล้ว…
[มังกรโรมรันกลางไพร]
เลเวล: 9
ค่าประสบการณ์: 0/200000
……
[สะท้านขวัญร้อยลี้ (ระดับสูง)]
เลเวล: 9
ค่าประสบการณ์: 0/200000
……
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเด็กแสบนั่นจะใช้อาหารเลิศรสมาคุมให้ตนสงบได้ จากนั้นตัวเองก็หนีออกไปเพิ่มเลเวลให้สองเคล็ดฝ่ามือนี้ ทำให้สองเคล็ดฝ่ามือนี้ทำได้ถึงขั้นวางกับดักคน
นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์เขาทำกันอย่างนั้นหรือ
หลังจากถลึงตาจ้องเยี่ยเว่ยหมิงอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหงชีกงก็เค้นเสียงออกมาจากซอกฟัน “เหตุใดเจ้าไม่เพิ่มสองเคล็ดฝ่ามือนี้ให้ถึงระดับสมบูรณ์เสียเลยล่ะ”
เยี่ยเว่ยหมิงกะพริบตาปริบๆ “หากข้าเพิ่มจนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ท่านจะถ่ายทอด ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ท่าที่สามให้ข้าไหมล่ะ”
หงชีกงเงียบไปสองวินาที “ไม่ได้ แต่จะชดเชยบางอย่างที่เท่ากับมูลค่าของรางวัลภารกิจได้”
เยี่ยเว่ยหมิงถามอีกครั้ง “ชดเชยให้เทียบเท่ามูลค่าตอนนี้ หรือให้เท่ามูลค่าตอนที่สองทักษะยุทธ์นี้เพิ่มจากเลเวลหนึ่งเป็นสอง”
“เจ้าเด็กนี่พูดเหลวไหลเยอะจริงๆ กินข้าว!” หงชีกง