ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 369 หนึ่งแสนตำลึง ถึงมือในหนึ่งวิ
ตอนที่ 369 หนึ่งแสนตำลึง ถึงมือในหนึ่งวิ
[วิญญาณของโหวเหรินอิง]
เลเวล: 25
พลังชีวิต: 7000/7000
กำลังภายใน: 3500/3500
……
[วิญญาณของหงเหรินสยง]
เลเวล25
……
[วิญญาณของอวี๋เหรินหาว]
……
[วิญญาณของหลัวเหรินเจี๋ย]
……
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะคุ้นหน้าผีสี่ตนนี้หมดเลย พวกเขาคือสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงที่ถูกทีมของสำนักมือปราบเทพฆ่าตายสองครั้ง ครั้งแรกเป็นเวอร์ชันถูกตอนในโหมดภารกิจ อีกครั้งเป็น BOSS ร่างแท้ที่ตายที่ชิงเฉิง
แต่ดูจากค่าสเตตัสของเจ้าสี่คนนี้ ต้องเป็นเวอร์ชันถูกตอนเหมือนตอนเจอที่เมืองฝูโจวแน่นอน
เวอร์ชันถูกตอนแบบนี้ แม้จะกากกว่าเมื่อเทียบกับร่างแท้ของพวกเขา แต่เหมือนสะพานสวรรค์น้อยก็เจอได้แค่สี่คนนี้เช่นกัน
อย่างไรเสีย สามคนจากสำนักมือปราบเทพที่ทำภารกิจ ‘ปราบสำนักชิงเฉิง’ ก็ไม่ได้ขอกำลังจากคนนอก ร่างแท้ของเจ้าสี่คนนี้ตายเพราะซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ร่วมมือกันโจมตี ไม่เกี่ยวอะไรกัสะพานสวรรค์น้อย
และเมื่อเผชิญหน้ากับผีสี่ตนนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็จะเลือกได้อย่างฉาบฉวยขึ้นเยอะ
ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่ค่าสเตตัสของพวก BOSS ก็แสดงให้เจ้าเห็นแล้ว
ทักษะยุทธ์ของสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไร ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสะพานสวรรค์น้อยตอนนี้อยู่ดี ภายใต้การฟันของกระบี่คู่ผนึกรวม กระบี่เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ใช้ท่าร่างตามมาอยู่ใกล้ๆ ก็เห็นสะพานสวรรค์น้อยใช้ท่า ‘กวาดหิมะต้มชา’ โจมตีหลัวเหรินเจี๋ยซึ่งเป็นผีตนสุดท้ายจนวิญญาณกระเจิงพอดี
“กากมาก ขนาดตายแล้วก็ยังเป็นกากเดน!” ฆ่าสี่ BOSS ตายแล้วแต่ก็ยังรู้สึกไม่สะใจ สะพานสวรรค์น้อยอดใจไม่ไหว ด่าตรงจุดที่วิญญาณของหลัวเหรินเจี๋ยสลายไปประโยคหนึ่ง เสร็จแล้วถึงได้เก็บกระบี่คู่แล้วยิ้มให้เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ “รวมตัวสำเร็จ ภารกิจหลังจากนี้ ทุกคนตั้งทีมทำด้วยกันเถอะ”
ตอนนี้ซานเย่ว์อดถามไม่ได้ว่า “สะพานสวรรค์น้อย ที่จริงในภารกิจครั้งนี้ รางวัลที่ได้หลังจากฆ่า BOSS ตายค่อนข้างน้อยนะ ถ้าช่วยทำให้พวกเขาสมปรารถนา ก็ถือว่าทำภารกิจสำเร็จเหมือนกัน จะได้ผลตอบแทนมากกว่า ก่อนหน้านี้อาหมิงช่วยข้าทำภารกิจ ‘ล้างแค้นให้โฉวป้า’ สำเร็จ ข้าได้ค่าวีรบุรุษหนึ่งร้อยแต้มกับค่าประสบการณ์ของ ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ ตั้งหนึ่งพันแต้ม!”
พอสะพานสวรรค์น้อยได้ยิน ในดวงตาก็เผยความอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็พูดต่ออย่างหงุดหงิดว่า “แต่เจ้าสี่กากเดนเมื่อครู่นี้ ภารกิจที่พวกเขามอบหมายให้ข้า ก็คือให้ข้าจูบพวกเขาคนละที!”
พอได้ยินสะพานสวรรค์น้อยพูดแบบนี้ ซานเย่ว์ก็บอกทันทีว่า “กากเดนแบบนี้ ควรสังหารคาที่ไปเลย!”
สะพานสวรรค์น้อยพยักหน้าเพราะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แล้วบอกว่า “แต่สำหรับกากเดนอย่างพวกเขา เหมือนว่าแม้แต่ระบบก็ยังคิดว่าพวกเขาสมควรตายเหมือนกัน ตอนที่ข้าเพิ่งทำพวกเขาตาย ถึงจะไม่ได้รางวัลเป็นค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ แต่ก็ได้ค่าวีรบุรุษตั้งสองร้อยแต้ม!…
“ข้าค้นพบกฎใหม่อีกข้อแล้ว ถ้าเจอผีที่ขอร้องอะไรไร้สาระ ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณวีรบุรุษ ฆ่าให้ตายเสียเลยจะดีกว่า” ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงความเห็นของตัวเองแล้ว จากนั้นก็ถามสะพานสวรรค์น้อยอย่างแปลกใจ “สะพานสวรรค์น้อย ข้าเห็นว่าความสามารถของเจ้าดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวาน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
สะพานสวรรค์น้อยยิ้มสวย “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาศัยโชคจากพี่ใหญ่เยี่ยไง”
เยี่ยเว่ยหมิงกลับส่ายหน้าอย่างมั่นใจมาก “ไม่ต้องพูดเอาดีใส่ตัวข้าแล้ว ถ้าอาศัยแค่โบนัสค่าสเตตัสของ ‘งานกินเลี้ยงงู’ ก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้แน่นอน จุดนี้ข้ามองออก”
“ข้าหมายถึงกระบี่หยางเทียนที่ได้มาหลังจากสังหารอวิ๋นจงเฮ่อต่างหากล่ะ” สะพานสวรรค์น้อยกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้ารับภารกิจหนึ่ง มอบหมายให้ข้าไปหากระบี่หยางเทียนเล่มนั้น ทั้งยังบอกด้วยว่านั่นคือกระบี่ของศิษย์วังคฤธรศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเขายอดเขาเพียวเหมี่ยวเทียนซานอะไรสักอย่าง ต้องหากลับมาให้ได้ ตอนที่ข้าทำภารกิจนี้ ถูก NPC ที่ชื่ออวิ๋นจงเฮ่อคนนั้นก่อกวน…
…อีกทั้งรางวัลของภารกิจนี้ เดิมทีก็แค่เพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่ให้ข้าหนึ่งเลเวลเท่านั้น แต่นั่นเป็นเพียงรางวัลสำหรับตามหากระบี่ล้ำค่ากลับมาเท่านั้น ตอนนั้นพวกเราส่งอวิ๋นจงเฮ่อไปเป็นอาหารให้อีกาของเจ้า ตอนที่ข้ารับรางวัลภารกิจ NPC ที่ชื่อนางเฒ่าทาริกาเทียนซานกล่าวชมวิธีการนี้ไม่หยุดปาก ทั้งยังบอกให้ข้าทรยศสำนักสุสานโบราณ แล้วเข้ามาอยู่ที่ยอดเขาเพียวเหมี่ยว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าตอบรับหรือเปล่า”
ในสายตาเขา ถ้าสะพานสวรรค์น้อยเลือกทรยศสำนัก นั่นคือพฤติกรรมที่ไม่ฉลาดเลย
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทักษะยุทธ์ของสำนักลับอย่างยอดเขาเพียวเหมี่ยววังคฤธรศักดิ์สิทธิ์มีขีดจำกัดสูงขนาดไหน แต่แค่ถูก NPC ในสำนักนั้นชมเท่านั้น ถ้าไปจริงแล้วก็อาจจะไม่ได้พัฒนาตัวเองดีมากก็ได้
ตรงกันข้ามกับสำนักสุสานโบราณ เป็นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงทำให้สถานการณ์ปั่นป่วน ความสัมพันธ์ต่างๆ ของตัวละครถูกปูให้กว้างมากขึ้นล่วงหน้าแล้ว
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักสุสานโบราณในอนาคตก็คือหลานชายของเรา เจ้าสำนักของสำนักสุสานโบราณก็คือว่าที่หลานสะใภ้ของพวกเรา
แม้ตอนนี้หยางกั้วกับเสี่ยวหลงหนี่ว์ร่างแท้เป็นได้เพียงผู้เฝ้าสำนัก ไม่มีทางเผยโฉม หรือพบกับเสี่ยวหลงหนี่ว์ตอนเป็นเด็กได้โดยตรง แต่ถ้ารอให้ภารกิจเนื้อเรื่อง ‘คู่รักจ้าวอินทรี’ ปลดล็อกอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แล้วสะพานสวรรค์น้อยก็จะเลือกภารกิจเนื้อเรื่องต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ
รอจนเดินภารกิจเนื้อเรื่องจบ สองหยางกั้วและสองเสี่ยวหลงหนี่ว์ก็จะรวมเป็นหนึ่ง ถึงตอนนั้นถ้าสะพานสวรรค์น้อยอยากจะรับภารกิจที่ได้รางวัลเป็นสุดยอดวิชาภารกิจไหนก็ได้ทั้งนั้น
ตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่ ‘เบื้องบนมีคนปกป้อง’ อีกแล้ว
แต่เป็นเหมือนการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของทายาทเศรษฐีรุ่นสองในกิจการครอบครัว!
เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอได้ยินคำถามของซานเย่ว์ สะพานสวรรค์น้อยก็ตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด “อยู่ที่สำนักสุสานโบราณสบายดี ข้าไม่ทรยศสำนักอยู่แล้ว รางวัลของภารกิจนั้นจึงกลายเป็นเลือกเพิ่มเลเวลของทักษะยุทธ์ใดก็ได้หนึ่งวิชา!”
พอพูดถึงตรงนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็อดมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างซาบซึ้งใจอีกไม่ได้ “พูดถึงเรื่องนี้ โชคดีนะที่ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่เยี่ยแสดงสองกระบวนท่าของ ”สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ระดับสมบูรณ์ให้ข้าดู”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างเข้าใจ “ดังนั้น เจ้าก็เลยเลือกเพิ่มเลเวล ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’?”
“ครั้งนี้พี่ใหญ่เยี่ยเดาผิดแล้ว!” ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดาผิด สะพานสวรรค์น้อยกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ทักษะยุทธ์ที่ข้าเลือกเพิ่มเลเวลคือ ‘คัมภีร์ดรุณีหยก’ ในนั้นแฝง ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’ แฝง ‘กำลังภายในคัมภีร์ดรุณีหยก’ และแฝงวิชาตัวเบาที่สอดคล้องกันไว้ด้วย ส่วน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘วิชาห่านทอง’ ที่เป็นชุดเดียวกัน ก็ถูกนับให้อยู่ในขอบเขตของ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’ หมดแล้ว”
“ข้าเรียนรู้จากวิธีการของพี่ใหญ่เยี่ยก่อน ทักษะยุทธ์ไหนที่เพิ่มเลเวลได้ก็พยายามเพิ่มให้ถึงเลเวลสูงสุด จากนั้นก็ให้นางเฒ่าทาริกาเทียนซานชี้แนะ ตอนนี้นอกจาก ‘วิชาขว้างเข็มผึ้งหยก’ แล้ว ขอแค่เป็นทักษะยุทธ์ตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ข้าก็เพิ่มเลเวลให้มันหนึ่งเลเวลหมด!”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ต้องยกนิ้วให้น้องสาวคนนี้
สีน้ำเงินมาจากต้นคราม แต่สีเข้มกว่าต้นคราม[1]ชัดๆ!
“สะพานสวรรค์น้อยทำได้งดงามมาก!” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวชมแล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เรื่องที่ทำให้ข้าอิจฉายิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่า ‘คัมภีร์ดรุณีหยก’ ของเจ้าจะแฝงทักษะยุทธ์ขนาดนั้น แต่กลับกินพื้นที่คอลัมน์สกิลเดียว ตอนนี้คอลัมน์สกิลของข้าใกล้จะเต็มแล้ว ต้องรีบหา ‘มังกรผยองได้สำนึก’ มาไว้ในมือแข่งกับเวลา ทำให้คอลัมน์สกิลว่างสำหรับทักษะป้องกันตัวบ้าง ไปทำภารกิจจับผีเป็นเพื่อนพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”
“แต่พวกเราไปทำภารกิจเป็นเพื่อนเจ้าได้นะ” พอได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะออกจากทีมไปฉายเดี่ยว สะพานสวรรค์น้อยกลับกะพริบดวงตากลมโตคู่สวยของนาง “ถึงอย่างไรกิจกรรมนี้ก็ไม่ได้กำหนดสถานที่ว่าจะให้พวกเราทำภารกิจที่ไหน วิญญาณสุ่มปรากฏตัว พวกเราไม่สู้ตั้งทีมไปเล่นที่เขาจวินซานสักหน่อยดีกว่า”
“ใช่แล้ว! น้องสะพานสวรรค์นี่ฉลาดจริงๆ!” ซานเย่ว์ได้ยินแล้วเสริมทันที “ถ้าอาหมิงไม่อยากเสียเวลาจับผี พวกเราค่อยออกจากทีมหลังจากเจอผีก็ได้ รอให้ทำภารกิจสำเร็จแล้วค่อยกลับมารวมตัวกันอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือถูจมูก “ฟังดูไม่เลวนะ พวกเจ้ารู้ที่อยู่ของผู้อาวุโสเผิงแบบละเอียดหรือเปล่า”
สองสาวส่ายหน้าพร้อมกัน เยี่ยเว่ยหมิงส่งข้อความในแชทกลุ่มและได้รับคำตอบทันที
[ตอนนี้ข้าอยู่ใกล้จุดพักม้าเขาจวินซาน มาที่นี่สิ ข้าจะพาเจ้าไป]…ฉางซิงอวี่
[ดีเลย!]…เยี่ยเว่ยหมิง
พอเรียกสองสาวที่อยู่ข้างกาย เยี่ยเว่ยหมิงก็จ่ายค่ารถเพื่อให้ส่งตัวไปที่เขาจวินซาน
เงาร่างของคนสามคนเพิ่งปรากฏตัว ก็เห็นฉางซิงอวี่ที่สวมเกราะเงินทั้งตัวกำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดพักม้า ตอนนี้กำลังโบกมือให้พวกเขา
ทุกคนรู้จักกันแล้ว หลังจากทักทายกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามทันทีว่า “สหายฉาง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้จักผู้อาวุโสเผิงคนนั้นด้วย เขาเป็นคนอย่างไร เจ้าแนะนำให้ข้ารู้สักหน่อยได้ไหม”
ในกลยุทธ์ของอินปู้คุยบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสเผิงไว้ไม่มาก เยี่ยเว่ยหมิงจำได้แค่ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดีอะไร
ทว่าคำตอบของฉางซิงอวี่กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มสงสัยแล้วว่ากลยุทธ์ที่อินปู้คุยมอบให้ตนเป็นเล่มปลอม
หลังจากฉางซิงอวี่ได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง ก็มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ แวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ผู้อาวุโสเผิงที่จะบอกก็คือ NPC ที่รับซื้ออุปกรณ์โดยให้ราคาสูง ไม่ว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนถ้าขายให้เขา ราคาก็จะสูงกว่าร้านค้าของระบบนิดหน่อย เวลาข้าดรอปได้ของบางอย่างที่ราคาไม่สูง ก็จะโยนมาที่เขาทันที NPC ที่มีหน้าที่เฉพาะสำคัญขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่ายอดฝีมืออย่างเจ้าจะไม่รู้จัก”
พอได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยสีหน้าเก้อเขินนิดหน่อย
NPC ที่รับซื้ออุปกรณ์ในราคาสูงอย่างผู้อาวุโสเผิง สะพานสวรรค์น้อยกับซานเย่ว์ไม่รู้จักก็ยังเข้าใจได้ แต่ผู้เล่นที่ถูกเรียกว่ายอดฝีมือในเกมอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รู้อะไรเลย นี่ทำให้ฉางซิงอวี่อดฉงนใจไม่ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงแสดงออกถึงจิตวิญญาณชาวยุทธ์ที่มีอะไรก็พูดกันตรงๆ บอกความจริงไปว่า “ตอนที่ข้ากำลังอัปเลเวลหรือทำภารกิจ พอได้ของที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของพื้นๆ ตามตลาด ข้าก็เลยทิ้งไปหมดแล้ว ขอให้ระบบช่วยกำจัดทิ้งให้แล้ว”
“คิดเสียว่าข้าไม่เคยถามก็แล้วกัน!” ฉางซิงอวี่กล่าว
……
ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เขาจวินซานคือที่อยู่ของผู้นำพรรคกระยาจก ตามหา NPC คนสำคัญของพรรคกระยาจกหลายคนได้จากที่นี่ แม้บุคคลที่สำคัญจริงๆ อย่างประมุขเฉียวกับประมุขหงใช้เวลาส่วนใหญ่พเนจรอยู่ข้างนอก แต่พวกผู้อาวุโสที่ถ่ายทอดวิชาและบังคับใช้กฎหมายอยู่ในพรรค ถ้าไม่ได้ไปโผล่อยู่ในภารกิจเนื้อเรื่องขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะมารวมตัวกันที่เขาจวินซาน
หากจะบอกว่าเขาจวินซานคือรังขอทานในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไปเลยสักนิด
ส่วนผู้อาวุโสที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงต้องการเจอตัว ฐานะของเขาในบรรดาผู้อาวุโส บอกได้เพียงว่าธรรมดามาก เขาเปิดร้านค้าแห่งหนึ่งอยู่ในตลาดตรงตีนเขา สร้างอสังหาริมทรัพย์แห่งที่สองขึ้นมาแล้ว
พวกเยี่ยเว่ยหมิงเห็นร้านค้าที่ชื่อว่า ‘ศูนย์รับซื้ออุปกรณ์วีรบุรุษแท้’ ตั้งแต่ไกลๆ
ตรงประตูใหญ่ของร้าน แขวนธงต้อนรับหลากสีสันอันโอ่อ่าหรูหราเอาไว้ ทุกด้านของธงหลากสีล้วนเขียนคำโฆษณาที่ทำให้คนเห็นแล้วตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน
ขายอุปกรณ์ มาหาลุงเผิง!
รับซื้ออุปกรณ์ทุกอย่าง!
หนึ่งแสนตำลึง ถึงมือในหนึ่งวิ!
……
จะว่าไปแล้ว ผู้ชายที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยขนาดนี้ ก็คือผู้อาวุโสเผิงที่สมคบกับชาวแคว้นจินจริงๆ ไม่ใช่พวกสร้างความเฮฮาเหมือนหกเซียนหุบเขาท้อ สี่ศิษย์ของพรรคหวงเหอ?
[1] สีน้ำเงินออกจากต้นคราม แต่สีเข้มกว่าต้นคราม 青出于蓝而胜于蓝 หมายถึง ลูกศิษย์เก่งกว่าครู