ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 370 ข้าอยากเป็นปราชญ์จอมยุทธ์!
ตอนที่ 370 ข้าอยากเป็นปราชญ์จอมยุทธ์!
“ข้าคือผู้อาวุโสเผิงของร้านรับซื้ออุปกรณ์ เจ้ามีอุปกรณ์เท่าไร ข้ารับซื้อเท่านั้น! หนึ่งแสนตำลึง ถึงมือในหนึ่งวิ!”
สี่คนเพิ่งจะเดินมาถึงประตูใหญ่ของศูนย์รับซื้ออุปกรณ์วีรบุรุษแท้ ก็เห็นชายวัยกลางคนที่หน้าตาท่าทางซื่อสัตย์จงรักภักดีคนหนึ่งกำลังกำลังโฆษณาถึงธุรกิจของตัวเองกับผู้เล่นที่มาซื้ออุปกรณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ปรากฏว่าผู้เล่นกลับนำอุปกรณ์ขยะออกมาแค่ไม่กี่ชิ้น ทำให้เจ้าอ้วนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ของเล่นพวกนี้ รวมกันแล้วก็สามเหรียญทอง เจ้าแน่ใจนะว่าจะขาย”
ราคานี้สูงกว่าขายในร้านค้าของระบบจริงๆ ผู้เล่นพรรคกระยาจกที่มาขายอุปกรณ์คนนั้นตอบรับโดยไม่ลังเล
จากนั้น ทั้งสี่ก็เห็นผู้อาวุโสเผิงนำตำลึงทองกำใหญ่ส่งให้อีกฝ่าย ผู้เล่นพรรคกระยาจกรับตำลึง แล้วเดินออกจากร้านค้าไปอย่างพึงพอใจ
ตอนนี้เอง ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ อธิบายว่า “มูลค่าของตำลึงนั่นแค่สามเหรียญทองเท่านั้น เมื่อถึงมือผู้เล่นก็จะกลายเป็นเงินสดจำนวนที่สอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ นี่คือวิธีการรับซื้อของเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านค้า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าความดัดจริตของเกมนี้ดูไร้ระดับขึ้นมาทันที”
ตอนนี้ฉางซิงอวี่เดินเข้าไปแล้ว พอผู้อาวุโสเผิงเห็นก็บอกอีกว่า “ข้าคือผู้อาวุโสเผิงของร้านรับซื้ออุปกรณ์…”
ซานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วอดพูดแขวะไม่ได้ “ทำตัวเหมือน NPC คนหนึ่งจริงๆ!”
เห็นได้ชัดว่าฉางซิงอวี่คือแขกประจำของที่นี่ ไม่สนใจการกระทำแปลกๆ ของผู้อาวุโสเผิงเลย เอาแต่หยิบอุปกรณ์ที่ราคาไม่สูงมากออกมากองใหญ่ ทั้งหมดน่าจะซื้อมาประมาณสิบกว่าเหรียญทอง จากนั้นก็ถอยมาข้างๆ บอกใบให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อ
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วก้าวขึ้นไป ยังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก ก็เห็นผู้อาวุโสเผิงพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นแล้ว “ข้าคืออาวุโสเผิงของร้านรับซื้ออุปกรณ์ผู้ เจ้ามี…”
“เอ่อ คือ…” ในเมื่อจะมาขอร้องคนอื่น เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังฟังอีกฝ่ายพูดจนจบอย่างมีมารยาท จากนั้นถึงได้บอกว่า “ข้ามาถามเรื่องบางอย่างกับท่าน”
“ไม่ได้มาขายอุปกรณ์หรอกหรือ” ผู้อาวุโสเผิงได้ยินแล้วหน้านิ่งทันที “ที่ร้านนี้ทำธุรกิจรับซื้ออุปกรณ์เท่านั้น ถ้าไม่มีของมาขายก็เชิญกลับไป ขออภัยที่ไปส่งไม่ได้!”
แม่งเอ๊ย! ข้าไว้หน้าเจ้ามากเกินไปใช่ไหม
เยี่ยเว่ยหมิงมีนิสัยอย่างไร จะอดทนกับคนอย่างเขาได้ด้วยหรือ
เขาตบโต๊ะแล้วบอกทันทีว่า “ประมุขพรรคหงให้ข้ามาหาเจ้า”
ผู้อาวุโสเผิงได้ยินแล้วอึ้ง หลังจากมองเยี่ยเว่ยหมิงศีรษะจดเท้าด้วยสายตาระแวงก็ถามว่า “เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าเจ้ารู้จักประมุขพรรคหง”
ตอนนี้เอง ซานเย่ว์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยเว่ยหมิงไม่ไกลก็พึมพำกลั้วเสียงหัวเราะ “ฮิฮิ NPC คนนี้มีชีวิตขึ้นมาแล้ว”
กรรร! จู่ๆ พลังฝ่ามือรูปมังกรกลุ่มหนึ่งก็ก่อตัวบนมือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิง แต่กลับไม่โจมตีออกมา สายตาเยี่ยเว่ยหมิงมองบนเงามายารูปมังกรที่สมจริงบนฝ่ามือ แล้วใบหน้ายิ้มก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจ “สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรของประมุขพรรคหง ท่านน่าจะเคยเห็นมาบ้างนะ เป็นอย่างไร จะสัมผัสอานุภาพของมันสักหน่อยไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกที…
…นอกจากนี้ ในฐานะขุนนางขั้นห้าของราชสำนัก ข้าไม่เคยได้ยินว่าในใต้หล้ามีการจัดตั้ง ‘หน่วยงานรับซื้ออุปกรณ์’ เจ้ามาจัดตั้งหน่วยงานเอง ช่างใจกล้านักนะ!”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงมีข้ออ้างในการลงมือกับอีกฝ่ายแล้ว แม้แต่หงชีกงก็ทำได้เพียงพยายามคลี่คลายสถานการณ์ ทั้งยังไม่มีทางตำหนิอะไรเยี่ยเว่ยหมิงได้ด้วย
เมื่อมีความมั่นใจแล้ว ตอนนี้ก็เตรียมเล่นงานอีกฝ่ายสักยกก่อนแล้วค่อยถาม
ทว่า ผู้อาวุโสเผิงก็เป็นพวกที่ชอบรังแกคนอ่อนแกกว่า แต่กลัวคนแข็งแรงกว่าเหมือนกัน เมื่อมองออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงกล้าลงมือกับเขาตรงตีนเขาจวินซานจริงๆ ท่าทีก็อ่อนโยนขึ้นทันที “จอมยุทธ์น้อยอย่าใจร้อน ข้าจะไม่รู้จัก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ได้อย่างไร ไม่ทราบว่ามาหาข้ามีเรื่องอะไรกันแน่ หากช่วยได้ก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เก็บพลังฝ่ามือรูปมังกรกลับมาแล้วเอ่ยว่า “ชีกงให้ข้าช่วยตามหาผู้อาวุโสซ่งที่ออกจากยุทธภพไปแล้วเพื่อให้ช่วยเรื่องบางอย่าง แต่แม้แต่ชีกงก็ยังรู้แค่ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสซ่งนั่นกำลังอยู่ที่ต้าหลี่ แต่กลับไม่รู้ตำแหน่งแน่ชัด เขาบอกว่าทั้งพรรคกระยาจก มีเพียงเจ้าคนเดียวที่รู้ว่าผู้อาวุโสซ่งไปที่ไหน ข้าจึงมาถามเจ้า”
“เจ้าถามหาซ่งปิงอี่ล่ะสิ” ผู้อาวุโสเผิงได้ยินแล้วยืดเอวทันที “ตำแหน่งที่แน่ชัดข้าก็ไม่รู้จริงๆ ข่าวนี้ข้าก็บอกคนอื่นซี้ซั้วไม่ได้ ต้องทำตามเงื่อนไขบางอย่างก่อนสิ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว เงามังกรปรากฏในฝ่ามืออีกครั้ง “เจ้าแน่ใจนะ”
“แน่ใจอยู่แล้ว” ครั้งนี้ผู้อาวุโสเผิงตอบอย่างเจ้าเล่ห์มาก “ข่าวนี้มีมูลค่าไม่น้อย ข้าย่อมบอกเจ้าโดยไร้เงื่อนไขไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าอยากรู้ข่าวนี้ อย่างน้อยก็ต้องซื้อขายกับข้าที่นี่ให้เกินหนึ่งพันเหรียญทองก่อนสิ แต่ตอนนี้บันทึกการค้าขายของจอมยุทธ์น้อยเป็นศูนย์นะ ดังนั้น เหอะๆ เข้าใจใช่ไหม…”
ซานเย่ว์กล่าวเสริมในช่องทีม [ถ้าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง นี่คงจะเป็นเงื่นไขตายตัวสำหรับการถามข้อมูลจากเขา อาหมิง จะให้ข้านำอุปกรณ์จากร้านมาขายให้ร้านนี้สักหน่อยไหมล่ะ]
“ให้ข้าถามดีกว่า” ตอนนี้ฉางซิงอวี่กลับเสนอตัวเเอง ขณะส่งคำขอเข้าทีมของเยี่ยเว่ยหมิง ก็ถามผู้อาวุโสเผิงว่า “มูลค่าการซื้อขายของข้าที่นี่ก็น่าจะพอแล้วมั้ง ผู้อาวุโสเผิง ตอนนี้ท่านตอบคำถามพวกเราได้หรือยัง”
พอฉางซิงอวี่ใช้คำว่า ‘พวกเรา’ ก็ถือว่าพาตัวเองเข้าร่วมทีมของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว อิงตามกติกาของระบบ พวกเขาก็ถือว่าทำตามเงื่อนไขในการรับข่าวแล้วจริงๆ
พอผู้อาวุโสเผิงเห็นดังนั้น แม้ในใจจะไม่ยอม แต่ก็ยังตอบแต่โดยดีว่า “แม้พี่ซ่งจะออกจากยุทธภพไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ลืมเจตจำนงเดิม ตอนนี้เขาเป็นขอทานอยู่ในตลาดที่เมืองต้าหลี่ ถ้าพวกเจ้าไปเดินที่นั่นสักรอบก็น่าจะเจอเขา ส่วนรายละเอียดเรื่องเอกลักษณ์หน้าตา…ถึงอย่างไรเขาก็แต่งตัวเป็นขอทาน”
หลังจากหลังเลนิดหน่อย ผู้อาวุโสเผิงก็ยังพูดต่ออีกว่า “แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการจะให้เขาจัดการธุระบางอย่างให้ เกรงว่าตอนนี้คงยังทำตามเงื่อนไขได้ไม่ครบ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “ทำไม”
ผู้อาวุโสเผิงยิ้มแห้ง “พี่ซ่งของข้าแม้จะมีฝีมือสูงส่ง แต่นิสัยก็ประหลาดมาก นอกจากข้าที่ถูกชะตากันเป็นพิเศษ คนที่มีจุดด่างพร้อยคุณธรรมแม้เพียงนิดเดียว เขาก็จะไม่แยแสเลย…
…หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าอยากรับภารกิจกับเขา เงื่อนไขก็คือต้องกลายเป็นปราชญ์จอมยุทธ์!…
…จากที่ข้าดูตอนนี้ แม้ค่าวีรบุรุษของพวกเจ้าจะไม่ต่ำ แต่ก็ยังห่างจากเงื่อนไขพื้นฐานในการเป็นปราชญ์จอมยุทธ์อีกไกล นั่นต้องใช้ค่าวีรบุรุษห้าพันแต้ม อย่างน้อยก็น่าจะขาดไปสองพันแต้ม!”
เยี่ยเว่ยหมิงมองค่าวีรบุรุษของตัวเองแวบหนึ่ง ตอนนี้มีเพียงสามพันแต้มเท่านั้น อีกฝ่ายน่าจะกำลังพูดให้เขาฟังอยู่กระมัง
แต่ปัญหาก็คือค่าวีรบุรุษพวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะสะสมขึ้นมาได้!
ถ้าอยากจะหายให้ครบห้าพันแต้มภายในเวลาสั้นๆ จะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงยังคิดที่จะลอง จึงถามในช่องทีม [ซานเย่ว์]
ซานเย่ว์ [ที่เขาพูดคือเรื่องจริง]
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากเครื่องจับเท็จร่างมนุษย์ เยี่ยเว่ยหมิงก็ล้มเลิกความคิดเพ้อฝันแล้วเช่นกัน เขาหมุนตัวเดินออกจากร้านค้าแล้ว “กลับสำนักมือปราบเทพ ข้ามีความสุขกับการช่วยเหลือผี สะสมค่าวีรบุรุษ!”
เมื่อเห็นพวกเขากำลังจะไป อู๋เมิ่ง…แค่กๆ ผู้อาวุโสเผิงจึงรีบเรียกพวกเขาไว้ “ช้าก่อน”