ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 372 เฟิ่งเทียนหนานกลายเป็นมาร
ตอนที่ 372 เฟิ่งเทียนหนานกลายเป็นมาร
เมื่อเห็นกล่องโต้ตอบให้ตัดสินใจเลือก สี่คนในทีมก็สบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ใช้สายตาเหมือนกำลังสอบถามความเห็นของกันและกัน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดก่อน เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดคนแรก “ถ้าพวกเจ้าเลือกช่วยเขา ข้าก็น่าจะออกจากทีมทันที ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องใช้ค่าวีรบุรุษเพื่อทำภารกิจ ยอมตายสักครั้ง เสียค่าประสบการณ์ผู้เล่นกับภาประสบการณ์ทักษะดีกว่า ไม่ยอมเสียค่าวีรบุรุษแน่นอน”
ฉางซิงอวี่บอกว่า “ข้าก็เหมือนกัน ลางสังหรณ์ของผู้เล่นมืออาชีพบอกข้า ทักษะยุทธ์ที่ผู้อาวุโสเผิงเพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ สำหรับข้าแล้วสำคัญมาก!”
“ข้าเชื่ออาหมิง!” ซานเย่ว์กล่าว
“ข้าให้พี่ใหญ่เยี่ยเป็นผู้นำ!” สะพานสวรรค์น้อยกล่าวเสริม
เสียงในทีมเป็นเอกฉันท์ทันที ส่วนฉางซิงอวี่ที่เป็นผู้ปลดล็อคผีร้ายอสูรตนนี้ก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมเลือกข้อแรกแล้วกดยืนยัน
วินาทีต่อมาหลังจากฉางซิงอวี่กดยืนยันแล้ว บนตัวของเฟิ่งเทียนหนานก็มีไอสีดำพวยพุ่งราวกับมีงูสีดำเจาะเข้าไปในร่างกายเขาจากทั่วทุกทิศทาง ทำให้ร่างของเขาซึ่งเดิมทีไม่ได้สูงมาก ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตาเดียว กล้ามเนื้อบนร่างกายขยายใหญ่ขึ้น เสื้อผ้าท่อนบนฉีกขาด ผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำจนทำให้คนที่เห็นกลัวจนตัวสั่น
แม้แต่ร่างกายที่เดิมทีแข็งแรงกำยำธรรมดา ตอนนี้ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ตัวสูงสองเมตรแล้ว!
ส่วนกระบองทองคำในมือเขาก็สูงขึ้นตามขนาดตัวเช่นกัน ยาวขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หนึ่งในสี่ส่วน หนาขึ้นหนึ่งในสี่ส่วนเช่นกัน!
ขณะเดียวกัน หน้าตาของเขาก็เปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินเช่นกัน
เฟิ่งเทียนหนานเวอร์ชันเดิม ร่างกายเหมือนชายฉกรรจ์ที่หน้าตาดุร้ายคนหนึ่งเท่านั้น แต่พอแปลงร่างแล้วเขาก็กลายเป็นเหมือนมารโดยสมบูรณ์ เล็บมือกลายเป็นกรงเล็บ ปากมีเขี้ยวงอก รูม่านตาทั้งคู่ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นแนวตั้งสีแดงเลือด บนศีรษะมีเขาสีแดงงอกคู่หนึ่ง ดูเหมือนมารร้ายจากนรกที่ปีนขึ้นมาบนโลกมนุษย์!
ตอนนี้เอง ข้อมูลค่าสเตตัสที่น่ากลัวลอยขึ้นมาจากศีรษะมารร้ายแล้ว
[เฟิ่งเทียนหนาน (กลายเป็นมาร)]
คนบาปที่ชั่วร้ายที่สุด ได้รับปราณชั่วร้ายเสริมพลัง ตอนนี้กลายร่างเป็นมารร้ายแล้ว
เลเวล: 85
พลังชีวิต: 800000/800000
กำลังภายใน: 200000/200000
…
“ฆ่า!…” เฟิ่งเทียนหนานที่ตอนนี้กลายเป็นมารเรียบร้อยแล้วส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดสะเทือนหู เสียงสะเทือนทั่วทั้งตีนเขาจวินซาน ร้านค้าที่อยู่รอบๆ ปิดประตูพร้อมกัน กระทั่งวิญญาณที่รีเฟรชออกมาใหม่ก็พากันหลบไปไกล กลัวว่าจอมมารที่โผล่ขึ้นมากะทันหันจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์
ส่วนพวกผู้เล่นที่อยู่แถวนี้ก็หนีไปไกลแล้วเช่นกัน
ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง มีผู้เล่นหลายคนที่ค้นพบกฎธรรมดาข้อหนึ่งแล้ว นั่นก็คือเมื่ออยู่ในภารกิจนี้ ผีที่ใครล่อออกมาก็จะเป็นผีของคนนั้น นอกจากเพื่อนร่วมทีมของเขา คนอื่นๆ ต่อให้ฆ่าผีตาย ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะถูกนับเป็นของผู้ทำภารกิจอยู่ดี
ดังนั้นในภารกิจนี้จึงไม่มีการแย่งฆ่ามอนสเตอร์เกิดขึ้น
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครอยากทำงานฟรีๆ อยู่แล้ว
แต่พอเห็นมอนสเตอร์ตรงหน้าที่จู่ๆ ก็กลายร่างไปเป็นแบบนี้ ฉางซิงอวี่ก็เรียกดาบสองคมสามแฉกออกมาอย่างระมัดระวัง อยู่ในท่าเตรียมต่อสู้แล้ว “เมื่อก่อนตอนนี้ข้าสังหารหมอนี่ตาย เขายังเป็น BOSS กระจอกเลเวลสามสิบห้าอยู่เลย นึกไม่ถึงว่าพอกลายเป็นผีร้ายแล้วจะน่ากลัวขนาดนี้ BOSS เลเวลแปดสิบห้า! ทุกคนระวังตัว ป้องกันตัวเองไว้ก่อน!”
ที่ต่างจากฉางซิงอวี่ก็คือ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นมารตนนี้แล้ว ในดวงตากลับฉายประกายตื่นเต้นที่สุด พอกวักมือขวา กระบี่ชิงชัยก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือ เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เดิมทีเป็นมอนสเตอร์ขยะตัวหนึ่ง พอถูกความมืดมิดกลืนกินครั้งนี้ ดันกลายเป็นมอนสเตอร์ที่พวกเราต้องปฏิบัติด้วยอย่างจริงจังแล้ว!…
…นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเรื่องแบบนี้ในภารกิจของกิจกรรมนี้!”
ขณะที่พูด เขาก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วหนึ่งก้าว เดินผ่ากลางระหว่างซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยมายืนข้างหน้าเคียงข้างกับฉางซิงอวี่ “ทุกคนรับมืออย่างระมัดระวัง สหายฉางกับข้าจะเป็นผู้โจมตีหลัก สะพานสวรรค์น้อยกับซานเย่ว์คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ”
“ข้าจะฆ่ามอนสเตอร์!” ฉางซิงอวี่ก็ถูกความองอาจผึ่งผายของเยี่ยเว่ยหมิงกล่อมเกลาแล้วเช่นกัน เขาออกทวนแล้วเดินตามออกไป ใช้ท่า ‘ท่าหมาป่าตะบึง’ ของ ‘วิชาทวนตระกูลหยาง’ แทงตรงไปยังเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร!
ขณะนี้เอง กลิ่นอายสังหารอันเข้มข้นก็แบ่งบานออกมาจากตัวเขาแล้ว
เอฟเฟ็กต์พิเศษของวิชาทวนตระกูลหยางระดับสมบูรณ์
ปณิธานกลางวงล้อม!
“หึ! ไม่เจียมตัว!” เฟิ่งเทียนหนานที่เปลี่ยนร่างสำเร็จแล้วเผยจิตสังหารอันเข้มข้นในดวงตา แต่กลับยังรักษาสติปัญญาเหมือนตอนก่อนตายไว้ได้
เมื่อเห็นฉางซิงอวี่โจมตีเข้ามา เฟิ่งเทียนหนานก็กวาดกระบองใหญ่ในมือออกมากระแทกทวนที่ชื่อว่าดาบสองคมสามแฉกทันที
แกร๊ง!
เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่ารุนแรง
ภายใต้การโจมตีนี้ ฉางซิงอวี่สะเทือนจนกระเด็นออกไปหนึ่งจั้งพร้อมทวน เหนือศีรษะมีตัวเลขดาเมจจำนวนมหาศาลลอยขึ้นมา
-5630
แค่ความได้เปรียบเบ็ดเสร็จด้านค่าสเตตัสอย่างเดียวก็ทำให้เกิดตัวเลขดาเมจที่น่ากลัวขนาดนี้ได้แล้ว ต่อไปถ้าโจมตีโดนบนตัวคน คงจะเกิดผลปลิดชีพทันที!
โหดใช้ได้เลย!
“ซานเย่ว์ สะพานสวรรค์น้อย พวกเจ้าสองคนระวังตัวให้ดี อย่าฝืนรับการโจมตีจากเขาเด็ดขาด” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็พุ่งตัวตามกระบี่ออกไปแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่เฟิ่งเทียนหนานร่างมารโบกกระบองโจมตีฉางซิงอวี่ให้ล่าถอย ใช้กระบี่ชิงชัยในมือแทงที่หัวไหลขวาของมารร้ายแล้ว
สิ่งเดียวที่น่าฉลองก็คือ เฟิ่งเทียนหนานคนนี้เป็นเพียง BOSS เลเวลสามสิบห้าที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แม้ค่าสเตตัสจะเพิ่มขึ้นทั้งหมด แต่กระบวนท่าก็ยังมีข้อบกพร่องไม่น้อยอยู่ดี
เมื่อก่อนตอนสู้กับวานรแขนยักษ์ เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีทางใช้ท่าปลุกปั่นกระบี่โจมตีแขนข้างที่ถือกระบี่ของมันได้อย่างสบายขนาดนี้เลย
การโจมตีครั้งนี้อาจจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสไม่ได้ แต่มารเฟิ่งเทียนหนานนั่นก็โบกกระบองกลับมาทันที ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงหลบการโจมตีของอีกฝ่าย ก็อาศัยตัวกระบี่ยันพื้นเป็นแรงส่ง เขากระโดดเปลี่ยนท่าสำเร็จแล้ว พร้อมทั้งใช้กระบี่วิเศษปาดผ่านลำคอของมารเฟิ่งเทียนหนาน
ท่ากระเพื่อมกระบี่!
-19427!
ขนาดเป็นคริติคอลดาเมจของท่ากระเพื่อมกระบี่ ไม่น่าเชื่อว่ายังโจมตีให้เกิดดาเมจเกินสองหมื่นไม่ได้!
หลังจากโจมตีต่อเนื่องสองครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ใช้ท่ากระบี่ร่วงมาเพิ่มงานการต่อสู้อีก เขาใช้ปลายเท้าซ้ายแตะหลังเท้าขวา หลังจากหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งครั้งหลบการโจมตีของมารเฟิ่งเทียนหนานที่ตามมาติดๆ ได้อย่างสง่างามก็ไม่ลืมดีดลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีออกมา
นี่ก็คือหนึ่งในวิธีการโจมตีที่ดีที่สุดของเยี่ยเว่ยหมิงในปัจจุบัน ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!
เป้าหมายการโจมตียังคงเป็นหัวไหล่ขวาของอีกฝ่าย
-12211
เนื่องจากไม่มีโบนัสคริติคอลดาเมจจากการโจมตีจุดสำคัญ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เมื่อครู่นี้สร้างดาเมจให้มารเฟิ่งเทียนหนานไม่มากเท่าท่ากระเพื่อมกระบี่ก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
แน่นอน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ แม้แต่การโจมตีที่เขาภูมิใจว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็ยังโจมตีจนเกิดผลควบคุมอย่างที่ควรจะเป็นไม่ได้ การต่อสู้สนามนี้ค่อนข้างยาก