ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 375 นาทีทอง
ตอนที่ 375 นาทีทอง
บึ้ม!
กระบองทองคำในมือเฟิ่งเทียนหนานร่างมารกระแทกพื้น ส่งเสียงดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ทำให้หินดำบนพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นออกไป!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังจนทิ้งระยะห่างหนึ่งจั้งอย่างเงียบเชียบแล้ว
ด้วยระยะห่างเท่านี้ ตอนอีกฝ่ายใช้ท่า ‘ผ่าเขาหัวซาน’ โจมตี เขาก็หลบออกจากขอบเขตที่มันแสดงประสิทธิภาพได้พอดี
ไม่มากไป ไม่น้อยไป!
กระบองทองคำกระแทกลงมาโดยแทบจะเฉียดปลายจมูกเขา ลมพายุที่มาพร้อมกันพัดจนเสื้อผ้าปลิวสะบัด แต่สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงกลับยังราบเรียบเหมือนน้ำ
ราวกับเป็นแขกที่อยู่นอกสถานการณ์ ราวกับว่าการโจมตีสะเทือนฟ้าสะเทือนดินของอีกฝ่ายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยสักนิด
ระดับความขี้เก๊กพุ่งสูงทะลุฟ้า!
กระทั่งกระบองทองคำในมืออีกฝ่ายกระแทกบนพื้น ใช้พลังจนหมดแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ลงมือแล้ว
เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่รีบร้อน มาหยุดอยู่ตรงหน้าเฟิ่งเทียนหนานร่างมารสามฉื่อพอดี แล้วกดฝ่ามือซ้ายบนท้องน้อยของอีกฝ่ายด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ชั่วพริบตาที่พลังรูปมังกรปะทุขึ้นมา ร่างสูงสองเมตรของอีกฝ่ายก็จมหายไปโดยสิ้นเชิง
มังกรซ่อนกบดาน!
กรรร!
-60452
ภายใต้การโจมตีของฝ่ามือนี้ เฟิ่งเทียนหนานร่างมารสะเทือนถอยไปสามก้าวพอดี
ด้วยความสูงที่แตกต่างกันของทั้งสอง ฝ่ามือนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงจึงทำคริติคอลดาเมจบนตัวอีกฝ่ายไม่สำเร็จ เพียงแต่การโจมตีจากมุมนี้ กลับเอื้อประโยชน์ต่อการโจมตีต่อเนื่องของเขาต่อไป
ตอนที่เฟิ่งเทียนหนานร่างมารถูกโจมตีจนทรงตัวไม่ได้ ถอยหลังต่อเนื่อง เยี่ยเว่ยหมิงกลับตามมาทันที ใช้สองฝ่ามือโจมตีบนหน้าท้องอีกฝ่ายต่อเนื่องรวดเดียวห้าฝ่ามือ
“มังกรโรมรันกลางไพร!”
“หนึ่งไพร!”
-52601
“สองไพร!”
-42551
“สามไพร!”
-52598
“สี่ไพร!”
-42555
“ห้าไพร!”
-52580
โจมตีห้าฝ่ามือรวดเดียว แต่ไม่ใช่ขีดจำกัดที่เยี่ยเว่ยหมิงทำได้ตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะทำให้ได้มากกว่านี้ ก็โจมตีต่อไปเรื่อยๆ ได้เลย หนึ่งท่าโจมตีได้ ‘สิบแปดไพร’
และด้วยการตอบสนองที่เชื่องช้าของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร หลังจากโจมตีไป ‘สิบแปดไพร’ แล้ว ก็เริ่มโจมตี ‘หนึ่งไพร’ อีกรอบก็ยังได้ ทำให้การโจมตีอันน่าทึ่งที่ต่อเนื่องไร้ขีดจำกัดเป็นจริงได้
แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้อยากทำอย่างนั้น
อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำเพื่ออวดเก่ง มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องพิสูจน์
หลังจากโจมตีห้าฝ่ามือเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจหยุดอย่างไม่ลังเล ใช้ฝ่ามือที่มีอานุภาพสะท้านฟ้าอย่าง ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ โจมตีบนหัวใจของอีกฝ่าย แล้วดึงระยะห่างทันที
กรรร!…
-172589!
คริติคอลดาเมจ!
ภายใต้การโจมตีของชุดฝ่ามือพิชิตมังกร ทำให้พลังชีวิตของเฟิ่งเทียนหนานร่างมารที่สูงถึงแปดแสนลดลงแล้วเกินครึ่ง!
และนี่ยังเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
หลังจากใช้ฝ่ามือพิชิตมังกรไปหนึ่งชุด มือขวาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยื่นไปทางด้านขวาของตัวเขา
ราวกับกำลังตอบสนองการเรียกหาของเขา กระบี่ล้ำค่าที่กระพริบแสงสีทองเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในฝ่ามือของเขาแล้ว
ตั้งแต่เฟิ่งเทียนหนานร่างมารปล่อยไอสีดำชั่วร้ายออกมาจากตัว หลังจากบนตัวกระบี่แผ่แสงสีทองออกมา ก็ราวกับหิมะเจอกับแสงอาทิตย์ สลายหายไปในชั่วพริบตาเดียว ละลายหมดจนไม่เหลือสักหยด
เป็นเพราะก่อนหน้านี้ถูกลักษณะภายนอกของกระบี่อาญาสิทธิ์ครอบบังไว้ตลอด จึงไม่ได้แสดงความยอดเยี่ยมของอาวุธล้ำค่าที่แท้จริงออกมาสักที…กระบี่แสงทอง!
อาวุธคมสำหรับกำจัดมารของลัทธิเต๋าเล่มนี้ ตอนนี้เหมือนสัมผัสได้ถึงปราณชั่วร้ายบนตัวเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร แสงสีทองบนตัวกระบี่จึงสว่างจ้าแสบตามากกว่าเดิม
ภายใต้แสงสีทองอันรุ่งโรจน์ ทำให้ทั้งแขนขวาของเยี่ยเว่ยหมิงอาบอยู่ในลำแสงสีทองชั้นนี้ด้วย
ท่ามกลางแสงสีทองที่สว่างแสบตา ยังมีตัวอักษรสีทองหมุนอยู่ในนั้นหลายแถวด้วย ดูแล้วศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามเป็นพิเศษ
หากมองให้ละเอียด จะพบว่าในนั้นเขียนไว้ว่า: ฟ้าดินหยินหยาง รากฐานพลังลึกลับนับหมื่น ฝึกยาวนานร้อยล้านกัลป์ พิสูจน์พลังอภินิหาร
ตอนนี้ บรรดาสหายร่วมทีมของเยี่ยเว่ยหมิงมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนมองเทพเซียนศักดิ์สิทธิ์
ดูจากระดับความสว่างของแสงสีทองนี้ เขาน่าจะจัดอยู่ในเซียนประเภท…เซียนระดับทอง?
เมื่อมีกระบี่แสงทองอยู่ในมือ เยี่ยเว่ยหมิงก็พุ่งตัวตามกระบี่ทันที กระบี่แสงทองในมือตวัดแทงออกมาจากข้างล่างขึ้นข้างบน แทงเกือบทุกมุมเท่าที่จะเป็นไปได้ ฝ่าเงากระบองของอีกฝ่ายได้อย่างแยบยล ฝ่าไปโดนตรงหัวใจของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร!
ท่าปลุกปั่นกระบี่!
-318125!
เยี่ยเว่ยหมิงที่ถือกระบี่แสงทองอยู่ในมือ โจมตีได้เหมือนมีเทพช่วย แค่ทำคริติคอลดาเมจให้เหมือนครั้งก่อน ก็ทำให้เฟิ่งเทียนหนานร่างมารที่หนังหนาเสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งในสามส่วน!
โบนัสดาเมจโจมตีแบบนี้ ใช้คำว่าควบคุมมาอธิบายไม่ได้แล้ว
แบบนี้เรียกสวรรค์คุมชัดๆ!
เมื่อเห็นดาเมจอันน่ากลัวจากการโจมตีครั้งแรกของกระบี่แสงทอง เยี่ยเว่ยหมิงก็พึงพอใจมาก จากนั้นก็ไม่ได้ใช้กระบวนท่าอันยอดเยี่ยมของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อีก แค่ชักกระบี่สยบมารออกจากหัวใจของเฟิ่งเทียนหนานร่างมารอย่างสบายๆ จากนั้นก็แทงซ้ำแผลเดิมอีกครั้ง
ไซซีกุมดวงใจ!
ฉึก!
-220240!
“อา!!!…”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาสุดขีด เฟิ่งเทียนหนานร่างมารโบกสองมือดิ้นรนอยู่ครู่เดียวก็สิ้นแรงแล้ว จากนั้น ด้วยความรู้สึกไม่ยอมแพ้ เขาก็ก่อปราณชั่วร้ายที่สลายไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ภายใต้การชะล้างของแสงสีทอง มันก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิง
ตรงจุดที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนตาย ทิ้งไว้เพียงกระบองทองคำวิบวับด้ามหนึ่ง พิสูจน์ว่าสัตว์มารที่แข็งแกร่งตนนี้เคยใช้มัน
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร ซึ่งเป็น BOSS เลเวล 85 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1200000 แต้ม ค่าตบะ 300000 แต้ม!]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ ซานเย่ว์ ผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ สะพานสวรรค์คริสตัล ผู้เล่นสำนักอู่ตัง ฉางซิงอวี่แสดงความกล้าหาญในกิจกรรม ‘คนผียังไม่สิ้นวาสนา’ สังหาร ‘เฟิ่งเทียนหนานร่างมาร’ เลเวล 85 สำเร็จ สังหารสัตว์มารสำเร็จครั้งแรกในกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับรางวัลเฟิร์สคิล…บลาๆๆ…]
บประกาศระบบ: สำนักมือปราบเทพ…]
……
“ว้าว!” เมื่อเห็นมือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงวาดมังกร มือขวาวาดสายรุ้งสีทอง ชั่วพริบตานั้นก็ทำให้พวกนางใจสั่นไม่หาย ถึงขั้นทลายการป้องกันและสังหารเฟิ่งเทียนหนานร่างมารตายคาที่ ซานเย่ว์ตาเป็นประกายราวกับมีดวงดาวนับพัน นางกระโดดโลดเต้นพร้อมร้องว่า “อาหมิง นึกไม่ถึงเลยว่าขนาดปีศาจนั่นเจ้ายังสังหารมันได้ง่ายๆ เหมือนผ่าฟักหั่นผัก ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
แม้แต่สะพานสวรรค์น้อยที่เป็นคนเงียบๆ ก็อดพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นไม่ได้เช่นกัน “ก็พี่ใหญ่เยี่ยซะอย่าง!”
ในใจของสะพานสวรรค์น้อยคิดมาตลอดว่าไม่มีอะไรที่เยี่ยเว่ยหมิงทำไม่ได้
เพียงติดตามอยู่ข้างกายพี่ใหญ่เยี่ย ก็จะมีโอกาสออกทีวีแล้ว ดีงามสุดๆ!
ตอนนี้เอง ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างกายกลับถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมการโจมตีของเจ้ากลายเป็นโหดขนาดนั้นล่ะ กะทันหันมาก เมื่อครู่นี้เจ้าเจอจุดอ่อนอะไรของสัตว์มารกันแน่”
“จุดอ่อนน่ะมีอยู่แล้ว ทั้งยังชัดเจนมากด้วย ถ้ารู้จุดอ่อนนั่นเมื่อไหร่ ตอนฆ่าก็ง่ายมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวพร้อมส่งสายตาใบ้ให้อีกฝ่ายมองไปรอบๆ
ฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วหันหน้ามองรอบๆ ทันที เป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้เล่นกลุ่มใหญ่ที่ถอยไปไกลหลังจากสัตว์มารปรากฏตัว ตอนนี้ทยอยกันเดินมาทางพวกเขาแล้ว แต่ละคนจับจ้องกระบองทองคำที่ดรอปจากเฟิ่งเทียนหนานร่างมารด้วยความกระหาย แต่กลับรักษาระยะห่างกับพวกเขาไว้เหมือนเดิม ไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป
อย่างไรเสีย พวกเขาก็ได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของสัตว์มารแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เอฟเฟ็กต์พิเศษที่มีแสงกับเสียงสวยงามน่ากลัวนั่น ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าบอสที่ตัวเองเคยเจอก่อนหน้านี้เทียบไม่ติดแล้ว
แค่คิดก็รู้แล้ว ทีมของเยี่ยเว่ยหมิงที่สังหารสัตว์มารระดับนี้ตายได้ พวกเขาไปมีเรื่องด้วยไม่ไหวอยู่ดี!
แต่ฉางซิงอวี่ก็เข้าใจดีว่าสถานการณ์ที่สติปัญญาควบคุมความโลภได้แบบนี้ ไม่มีทางคงอยู่ได้นานนัก
เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงเกมเกมหนึ่ง ความตายแม้จะเป็นโทษที่ไม่เบาสำหรับผู้เล่น แต่ก็ไม่ใช่ความเสียหายใหญ่โตที่พวกเขายอมรับไม่ได้
เมื่อเทียบกันแล้ว ต้องมีคนยอมตายสิบครั้งแปดครั้งเพื่อแลกกับอาวุธล้ำค่าชิ้นหนึ่งแน่นอน!
เมื่ออยู่ในฉากแบบนี้ ขอเพียงมีใครสักคนนำ คนกลุ่มนี้ก็จะเข้ามาประชิดทีละก้าว ถึงขั้นว่าอาจลงมือแย่งชิงอุปกรณ์ที่ดรอปได้จาก BOSS ได้ทุกเมื่อ
สำหรับพวกหัวมังกุท้ายมังกรเหล่านี้ ฉางซิงอวี่ย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ถ้าสู้กันขึ้นมาก็ยุ่งยาก ทั้งยังเป็นความยุ่งยากที่ไม่ได้ผลตอบแทนอะไรด้วย
หลังจากมองสถานการณ์ออกชัดเจนแล้ว ฉางซิงอวี่ก็บอกทันทีว่า “เอาละ พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า ในฐานะหัวหน้าทีม เจ้าเก็บอุปกรณ์ของ BOSS ไว้ก่อน”
หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีทำดาเมจอย่างบ้าคลั่ง ฉางซิงอวี่ก็ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะอยู่กับเขา ส่วนอำนาจในการจัดการกระบองทองคำแท่งนั้น ก็ถือเป็นใบเบิกทางที่เขามอบให้แล้วกัน!
เยี่ยเว่ยหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บกระบองทองคำที่ได้จากเฟิ่งเทียนหนานร่างมารเข้ากระเป๋าทันที ก่อนที่ผู้เล่นเสเพลพวกนั้นจะเปลี่ยนจากความคิดโลภสมบัติไปเป็นปฏิบัติการ PK ทั้งสี่ก็ต่างคนต่างใช้ท่าร่างมุ่งตรงไปยังจุดพักมาของเขาจวินซาน ทิ้งพวกนั้นให้รั้งท้ายอยู่ไกลๆ
ขณะที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง เยี่ยเว่ยหมิงอดมองค่าสเตตัสของกระบองทองคำแท่งนั้นไม่ได้
จากนั้นเขาก็เผยยิ้มอย่างพึงพอใจ
[กระบองอสูรทองคำ (อาวุธล้ำค่า) กระบองใหญ่ที่ทำจากทองคำ ซึมซับพลังชั่วร้าย กลายเป็นอาวุธโหดที่แท้จริง โจมตี +600 พละกำลังเพิ่ม 30%! เงื่อนไข: พละกำลัง 500!]
ในฐานะที่เป็นอุปกรณ์ระดับอาวุธล้ำค่า ‘กระบองอสูรทองคำ’ แท่งนี้มีเพียงค่าสเตตัสสองรายการ แต่เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า ‘นายพลถือค้อนกับกระบอง แข็งแกร่งไร้เทียมทาน’ หมายถึงอะไร
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่เห็นกระบองแท่งนี้ ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงมีภาพศีรษะใหญ่ๆ ของนักบวชสายมารหนิวจื้อชุนลอยมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
อาวุธแท่งนี้เหมาะกับเจ้าตัวสั้นไร้แรงนั่นแน่นอน นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเติมเต็มส่วนที่ขาด กระบองทองคำแท่งนี้ชดเชยจุดอ่อนให้พลังโจมตีของเจ้าหมอนั่นได้ดีมาก
แต่ก็ไม่รู้ว่าอาศัยทรัพย์สินของเจ้าหมอนั่นตอนนี้ จะซื้ออาวุธล้ำค่าชิ้นนี้ไหวหรือเปล่า