ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 381 ช่วยชีวิตจอมยุทธ์ติงเตี่ยน
ตอนที่ 381 ช่วยชีวิตจอมยุทธ์ติงเตี่ยน
ค่าตอบแทนจากน้องดาบยอดเยี่ยมมาก เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับค่าวีรบุรุษอยู่แล้ว แบมือทันที พิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากฝ่ามือของเขาไป บินตรงไปยังที่ไกลๆ
การใช้พิราบส่งจดหมายคือวิธีการที่มีศิลปะ!
วินาทีต่อมา เขาก็เข้าสู่โหมดการพูดคุยด้วยพิราบสื่อสาร…
[ภารกิจอะไร]…เยี่ยเว่ยหมิง
[เป็นภารกิจของกิจกรรม ‘คนผียังไม่สิ้นวาสนา’ วันนี้ ข้าเจอผีตนหนึ่ง เขาให้ข้าไปช่วยชีวิตคนคนหนึ่ง ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับภารกิจเนื้อเรื่องที่ข้าทำค้างไว้ ด่วนมาก ไม่อย่างนั้นข้าไม่มาขอให้เจ้าช่วยหรอก] …หนึ่งดาบสามเฉือน
[ลูกศิษย์สำนักฝ่ายมารอย่างเจ้า พอเจอผีแล้วจะทำภารกิจไปทำไม ฆ่าทิ้งเพื่อเอารางวัลค่าประสบการณ์กับค่าตบะไปเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ เจ้ายังจะเอาค่าวีรบุรุษไปทำไมอีก]…เยี่ยเว่ยหมิง
[…เพราะผีตนนั้น ข้าสู้ไม่ไหว (╥╯^╰╥)]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[น้องสาว ข้านับถือในความกล้าหาญชาญชัยของเจ้า แต่เจ้ามาอ้อนข้าแบบนี้ ถือเป็นความผิดของเจ้าแล้ว]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ถ้าข้าสู้เจ้าไหว คงแตกคอกันไปนานแล้ว! (╬ ̄皿 ̄)]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[เรามาคุยสถานการณ์โดยละเอียดกันแบบต่อหน้าเถอะ เจ้านัดสถานที่มา]…เยี่ยเว่ยหมิง
[เมืองจิงโจว ภัตตาคารตานเตา ห้องเดี่ยวภักดีเป็นที่หนึ่ง]…หนึ่งดาบสามเฉือน
……
พอจบการสนทนาด้วยจดหมาย เยี่ยเว่ยหมิงก็เล่าสถานการณ์ให้ฉางซิงอวี่ฟังคร่าวๆ อีกฝ่ายตัดสินใจช่วยเหลือโดยไม่ลังเล
เขาบอกว่าครั้งก่อนที่ช่วยน้องดาบ นางให้ผลตอบแทนเยอะมากแล้ว ครั้งนี้จะไปช่วยโดยไม่รับผลตอบแทนสักครั้ง ถือว่าชดเชยสิ่งที่ได้ก่อนหน้านี้
แต่ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง เป็นเพราะเจ้าหมอนี่ไม่อยากอยู่รับมือกับสายตาของสาวๆ กลุ่มนี้คนเดียว เลือกจากใจล้วนๆ
แต่ในเมื่อมีคนยินดีช่วยเหลือโดยไม่คิดเงิน ทั้งยังเป็นยอดฝีมืออย่างฉางซิงอวี่ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธอย่างอวดดีอยู่แล้ว ดังนั้นสัตว์ (ผู้ชาย) สองตัวที่หายากในสายตาสาวๆ สำนักสุสานโบราณจึงเก็บอาวุธพร้อมกัน แล้วเข้าไปในทางเล็กๆ กลางป่าทึบอีกครั้ง ออกจากเขตของสำนักสุสานโบราณ
ระหว่างทางเจอ NPC นักพรตเต๋าฉวนเจินสองคนผ่านทางมา แต่พวกเขากลับมองฉางซิงอวี่ด้วยสายตาโกรธเคือง ทำเอาเจ้าหมอนี่อึดอัดไปทั้งตัว
แต่ก็โทษ NPC สำนักฉวนเจินไม่ได้ เพราะเจ้าเพิ่งสังหารหนึ่งใน ‘เจ็ดศิษย์ฉวนเจิน’ ที่เป็นตัวแทนของสำนักไป ต่อให้เป็นอีกร่างหนึ่งในโหมดภารกิจ แต่ก็ถือเป็นแค้นใหญ่สำหรับสำนักฉวนเจิน
ความแค้นที่ฆ่าลูกศิษย์ มิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน!
อีกฝ่ายไม่ได้วางค่ายกลฟ้าดาวเหนือให้เจ้าตายก็ถือว่ามีคุณธรรมแล้ว ยังหวังให้เขาปั้นสีหน้าดีๆ ให้อีกหรือ
แต่สำหรับเรื่องนี้ ฉางซิงอวี่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แม้จะอยู่สำนักเดียวกัน แต่เขาก็สนใจเพียงว่า NPC สำนักอู่ตังมองเขาอย่างไร เหมือนไม่อยากรับภารกิจของสำนักฉวนเจินเท่าไรนัก
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงภัตตาคารตานเตาที่เมืองจิงโจวแล้ว
ภัตตาคารตานเตาไม่ต่างกับภัตตาคารซู่เจินตรงเขาชิงเฉิงเท่าไรนัก เป็นภัตตาคารที่เปิดโดยผู้เล่นเช่นกัน ราคาสูงกว่าภัตตาคารของระบบนิดหน่อย อิงตามทักษะการดำรงชีวิตและฝีมือทำครัวของผู้เล่น ตอนนี้ได้รับความนิยมกว่าภัตตาคารของระบบในพื้นที่แล้ว กลายเป็นร้านอาหารที่ขายดีที่สุดของเมืองจิงโจว
สาเหตุที่น้องดาบจองห้องเดี่ยวได้ ก็เพราะก่อนหน้านี้นางเคยช่วยเถ้าแก่ภัตตาคารทำเรื่องบางอย่าง อีกฝ่ายจึงเว้นที่ไว้ให้นางเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ตอนใช้พิราบสื่อสารคุยกัน ได้ยินน้องดาบบอกว่าผีตนนั้นร้ายกาจจนแม้แต่นางก็สู้ไม่ไหว เยี่ยเว่ยหมิงยังนึกว่านางเจอผีของเหมยเชาเฟิงเข้าแล้วเสียอีก
อย่างไรเสียก็ต้องเป็น NPC ที่เติมเต็มเงื่อนไขสองข้อ นั่นก็คือเคยเจอกันมาก่อนและถูกผู้เล่นคนนั้นฆ่าตาย อาจเป็น BOSS ที่พวกเขาเคยกำจัด ในบรรดา BOSS เหล่านั้น เหมือนคนที่ข่มน้องดาบได้มีเพียงเหมยเชาเฟิงเลเวลแปดสิบห้าที่พลังต่อสู้น่ากลัว
ทว่า สถานการณ์จริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ฟังจากที่น้องดาบบรรยาย ผีที่นางเจอชื่อว่าเหมยเนี่ยนเซิง แม้จะไม่รู้ว่าเป็นญาติกับเหมยเชาเฟิงหรือไม่ แต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ พลังของเขาน่ากลัวกว่าเหมยเชาเฟิงถึงสามส่วน!
ถ้าต้องการทำความเข้าใจประเด็นสำคัญในภารกิจนี้ ก็ต้องเริ่มเคราะห์ร้ายที่เหมยเนี่ยนเซิงประสบ
เหมยเนี่ยนเซิงเดิมทีไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในยุทธภพ ชื่อกระดูกเหล็กกลีบดอกไม้ดำ ที่ตัวมีสองสุดยอดวิชาอย่าง ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ กับ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ เพียงแต่อิงจากภูมิหลังนี้ แล้ววิเคราะห์ตามเบาะแสในเรื่องที่น้องดาบรู้มา สุดยอดวิชาที่อยู่บนตัวเหมยเนี่ยนเซิงเป็นเพียง ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เท่านั้น ส่วนที่บอกว่า ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ ที่ไร้เทียมทานนั่นเป็นเรื่องตลกทั้งนั้น
แต่เพราะเรื่องตลกอย่าง ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ กลับกลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้เหมยเนี่ยนเซิงมีจุดจบน่าเศร้า
ที่จริงกระบวนท่าของ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ ไม่ถือว่าล้ำเลิศอะไร อย่างมากก็ถือเป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลางเท่านั้น สาเหตุที่ดึงดูดความสนใจของคนมากมายในยุทธภพ ก็เพียงเพราะว่าเคล็ดกระบี่แขนงนี้ซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้หนึ่งอย่าง
คำว่า ‘เทียมนครา’ ที่อยู่ในชื่อเคล็ดกระบี่ มีความหมายว่าล้ำค่าเทียบเทียมบ้านเมือง
เนื่องจากเหมยเนี่ยนเซิงกุมความลับของ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ เอาไว้ ย่อมเข้าใจหลักการราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด[1]เช่นกัน แต่กลับมองข้ามคำโบราณที่ว่า…โจรในบ้านยากป้องกัน!
ดังนั้น เขาจึงถูกลูกศิษย์สามคนที่สอนมากับมือทรยศและลอบทำร้ายพร้อมกันจนเกือบตายคาที่ หลังจากถูกโยนทิ้งลงแม่น้ำแล้ว ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่าติงเตี่ยนช่วยชีวิตไว้ เหมยเนี่ยนเซิงเห็นว่าติงเตี่ยนเป็นคนเรียบง่ายสมถะ จึงถ่ายทอดสุดยอดวิชา ‘วิชาเทพสาดส่อง’ และ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ ของแท้ที่ซ่อนวิชาลับเอาไว้ให้ติงเตี่ยนพร้อมกัน จากนั้นก็จากโลกนี้ไป
จากนั้น ติงเตี่ยนก็เจอโศกนาฏกรรมแล้ว
ติงเตี่ยนนั่นเดิมทีเป็นเป็นลูกหลานในครอบครัวชาวยุทธ์ที่เมืองจิ้งเหมิน มีฉายาว่า ‘มือกระบี่ดอกเบญจมาศ’ (ฉายานี้มีคนเดียวในโลก)
เจ้าหมอนี่นอกจากฉายาลามกแล้ว เวลาทำอะไรยังมั่นใจในตัวเองเกินไปด้วย รู้ทั้งรู้ว่าหลายคนในยุทธภพจ้องอยากได้ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ ไม่น่าเชื่อว่ายังจะกล้าฝังศพเหมยเนี่ยนเซิงโดยใช้ชื่อจริง!
แบบนี้ไม่เท่ากับเร่งความโชคร้ายหรอกหรือ
ที่ตัวมีความลับสุดล้ำค่าซ่อนอยู่ แต่ตัวเองไม่ได้มีทักษะยุทธ์ที่ล้ำเลิศพอให้คุมสถานการณ์ได้เหมือนเหมยเนี่ยนเซิง ติงเตี่ยนที่โดนชาวยุทธ์ชั่วร้ายพวกนั้นไล่สังหารมีเพียงความตายรออยู่เท่านั้น
ส่วนถ้าถามว่าตระกูลชาวยุทธ์ของเขามีจุดจบเป็นอย่างไร ข้อมูลของน้องสาวยังไม่มีการเอ่ยถึง แต่เรื่องนี้ใช้เพียงการคาดเดาก็เข้าใจไปแล้วแปดเก้าส่วน
ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาครั้งหนึ่ง แต่เขากลับเล่นจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตคนในครอบครัว แค่ดูจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าติงเตี่ยนเป็นจอมป่วนขนาดไหน
โศกนาฏกรรมของเจ้าหมอนี่เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น
ติงเตี่ยนไม่เพียงแค่เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ทั้งยังเจ้าชู้มากรัก เขาที่แบกรับความแค้นไว้มากมาย หาสถานที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่งเพื่อเก็บตัวฝึกทักษะยุทธ์รอวันแก้แค้น แต่กลับไปเข้าร่วมงานเทศกาลเบญจมาศอะไรสักอย่าง
ทุกคนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ดอกดอกเบญจมาศนี้ก็คือการชมดอกดอกเบญจมาศเท่านั้น ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนอย่างอื่นเบื้องหลัง
ไม่มีจริงๆ!
ที่งานเทศกาลเบญจมาศ เขาได้พบกับหลิงซวงหวา หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต
คนสองคนรู้จักและรักใคร่ปรองดองกัน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหลิงทุ่ยซือ บิดาของหลิงซวงหวาจะเป็นสัตว์เดรัจฉานที่สวมหมวกใส่เสื้อผ้า ไม่เพียงแค่มีพื้นเพมาจากเจ้าสำนักโจรสลัดพรรคทรายมังกร ทั้งยังอยากได้สมบัติที่เกี่ยวข้อง ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ จึงยินยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน แล้วลอบใช้พิษดอกคลื่นทองสิบทิวทำร้ายติงเตี่ยน ขังติงเตี่ยนเอาไว้ ใช้วิธีการต่างๆ นานาทรมานเขา บีบให้เขาบอกความลับ ‘เคล็ดระบี่เทียมนครา’
ติงเตี่ยนอยู่ในคุกหลายปี ไม่มีเวลาออกไปใช้ชีวิตเสเพลข้างนอก แต่กลับฝึกกำลังภายในที่อยู่ใน ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ จนถึงขอบเขตประสบความสำเร็จ ทักษะยุทธ์ก้าวหน้าถึงระดับที่เหลือเชื่อ
ในสถานการณ์แบบนี้ เดิมทีเขาหนีไปได้ง่ายๆ แต่เพียงเพื่อให้ได้มองดอกดอกเบญจมาศที่หลิงซวงหวาวางไว้ตรงหน้าต่างทุกวัน เขาจึงยินดีถูกทรมานอยู่ในคุก ส่วนหลิงซวงหวาก็ทำลายโฉมหน้าของตนเองเช่นกัน
ช่างเป็นเรื่องราวความรักน้ำเน่าที่น่าสรรเสริญ!
ส่วนภารกิจที่ผีเหมยเนี่ยนเซิงมอบหมายให้น้องดาบ ก็คือช่วยให้ติงเตี่ยนให้หลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ทำให้เขาไม่ถูกคนทำร้ายจนตายเหมือนในต้นฉบับเดิม
[1] ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด 匹夫无罪,怀璧其罪 คนที่มีความสามารถหรือของล้ำค่ามักได้รับอันตราย