ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 385 การตายของหลิงทุ่ยซือ
ตอนที่ 385 การตายของหลิงทุ่ยซือ
พอสิ้นเสียงคำสั่งของหลิงทุ่ยซือ บรรดามือปราบและเจ้าหน้าที่ที่คุกเข่าอยู่รอบๆ ก็กระโดดขึ้นจากพื้นทันที พุ่งสังหารมาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ดูจากค่าสเตตัสที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะมอนสเตอร์เล็กๆ พวกนี้ก็รู้แล้ว หลิงทุ่ยซือคนนี้ทำงานได้เหนือชั้นกว่าหลี่เปียวนั่นไม่รู้ตั้งเท่าไร อยู่ตำแหน่งเจ้าเมืองมาได้ถึงยี่สิบหกปี เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ในจวนว่าการให้กลายเป็นลูกน้องคนสนิทของพรรคทรายมังกรหมดแล้ว
คนพวกนี้มีพื้นเพมาจากโจรลำน้ำ จึงไม่กลัวกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือเยี่ยเว่ยหมิง ปฏิบัติตามคำสั่งของหลิงทุ่ยซือเท่านั้น
ถ้าหลิงทุ่ยซือให้พวกเขาลงมือ พวกเขาก็กล้าสังหารขุนนาง
ฆ่าได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ!
“ลอบโจมตีขุนนางที่ได้รับมอบหมายงานจากกษัตริย์ มีความผิดมหันต์ ฆ่าไม่ละเว้น!”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลิงทุ่ยซือก็สั่งให้ลูกน้องลงมือแล้ว สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาออกคำสั่งทันที น้องดาบกับฉางซิงอวี่ที่ดูการแสดงอยู่นานลงมือพร้อมกัน ดาบจันทราหิมะเงินกับดาบสองคมสามแฉกสะท้อนแสงเย็นกระชากหัวใจออกมา ชั่วพริบตาเดียวพวกมือปราบและเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาโจมตีก็พ่ายแพ้ยับเยิน
การออกแบบมอนสเตอร์เล็กๆ ในเกม การวิเคราะห์เรื่องความปลอดภัยอิงตามความจำเป็นของเนื้อเรื่อง ไม่ได้อิงตามสามัญสำนึก
ยกตัวอย่างเช่นลูกน้องของหลิงทุ่ยซือที่พุ่งเข้ามาสังหารพวกนี้ ถ้าอธิบายตามหลักเหตุผล อย่างมากก็เป็นแค่นักเลงในยุทธภพทั่วไปเท่านั้น มีเลเวลยี่สิบกว่าก็ถือว่าสูงสุดแล้ว แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของพวกเขาอยู่ในภารกิจระดับสูงอย่างการช่วยชีวิตติงเตี่ยน ผู้ออกแบบเกมจึงเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้ผู้เล่น โดยการเพิ่มเลเวลมอนสเตอร์ให้เป็นสี่สิบห้าถึงห้าสิบคละกันไปให้สอดคล้องกับเลเวลของพวกเขา และสอดคล้องกับหลิงทุ่ยซือเลเวลห้าสิบเก้ากับ BOSS ผู้ช่วยสองคนที่เลเวลห้าสิบสอง
ถ้าให้ BOSS เลเวลห้าสิบกว่าสองคนพาลูกน้องเลเวลยี่สิบมาเป็นโขยง นอกจากทำให้คนรู้สึกแปลกแล้ว เวลาผู้เล่นฆ่ามอนสเตอร์ธรรมดาก็ไม่มีความยาก หรือได้ค่าประสบการณ์อะไรเลยสักนิด ทำให้ความสนุกที่ควรจะมีในภารกิจมีลดลงเยอะมาก
เยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นผู้นำของทีม เมื่อเห็นข้อมูลแสดงขึ้นมาเหนือศีรษะของศัตรูพวกนี้ ในที่สุดใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายว่าเข้าใจออกมา
ที่แท้ ตอนที่ฟังน้องดาบอธิบายเนื้อเรื่องตามต้นฉบับเดิม เขาก็รู้สึกแล้วว่าจุดนี้ไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก จุดที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดก็คือ เจ้าหน้าที่และมือปราบที่อยู่ในจวนว่าการเหล่านี้ แสดงพลังต่อสู้ออกมาแข็งแกร่งเกินไป
ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับพระโหดแห่งสำนักดาบโลหิต หรือยอดฝีมือบู๊ลิ้มที่มีสุดยอดทักษะอยู่กับตัวอย่างติงเตี่ยน ก็ล้วนกล้าถือดาบพุ่งเข้าไป พฤติกรรมนี้ไม่สอดคล้องกับคาแรคเตอร์ของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่มีภาระครอบครัวในยุคโบราณเหล่านั้น
พวกที่สู้กับศัตรูไม่ได้ เก่งแต่รังแกประชาชน เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตคนเข้าไปเติม ก็เต็มไปด้วยคุณสมบัติพิเศษ ‘มีผลประโยชน์ก็พุ่งเข้าใส่ มีอันตรายก็หลบหลีก’ แน่นอน ก็เหมือนกับหัวหน้ามือปราบหลิวที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอตอนเข้ามาในเกมครั้งแรก นั่นคือคาแรคเตอร์ที่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยยุคโบราณควรจะเป็น
พอมาดูตอนนี้ ถ้าเปลี่ยนภูมิหลังของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยพวกนั้นให้เป็นพวกไม่กลัวตายของพรรคทรายมังกร แบบนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว
เดิมทีเจ้าคนพวกนั้นก็ทำธุรกิจที่ไร้ต้นทุนอยู่แล้ว เจอกับการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย โดยทั่วไปจะไม่ตื่นสนาม อีกทั้งคนพวกนี้มักจะไม่มีครอบครัว ตราบใดที่ตัวเองกินอิ่ม ก็ไม่มีคำว่าครอบครัวที่หิวโหยรออยู่ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังใดๆ ด้วย แสดงออกอย่างโหดร้ายขึ้นหน่อยก็สมเหตุสมผลแล้ว
ทว่าโจรพวกนั้นแม้จะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ของพวกเขายังเล็กน้อยจนไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
เดิมที ‘วิชาดาบโลหิต’ ของน้องดาบก็เน้นพลังทำลายล้างอยู่แล้ว ประกอบกับพื้นฐานการฝึกยุทธ์ของนางในชีวิตจริง เมื่ออยู่ในการต่อสู้จึงแสดงออกได้อย่างไร้เทียมทาน คำกล่าวที่ว่า ‘ตามองหกถนน หูฟังแปดด้าน[1]’ ก็ใช้อธิบายคนประเภทนางนั่นเอง แม้ตัวจะตกอยู่ในวงล้อมที่แน่นหนา แต่สัญชาตญาณที่สั่งสมมาหลายปีก็ทำให้นางรับมือได้ดีที่สุดไม่ว่าเวลาไหน
วิชาทวนของฉางซิงอวี่ก็ยิ่งเป็นสุดยอดวิชาแห่งสนามรบที่รวบรวมส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวิชาทวนจากสี่ตระกูลขุนพลของต้าซ่ง ได้แก่ตระกูลฮู ตระกูลหยาง ตระกูลเกา ตระกูลเจิ้ง ถนัดรับมือกับสถานการณ์ที่ฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่าแบบนี้ที่สุด แม้สภาพแวดล้อมในโถงนี้จะส่งผลกระทบกับการแสดงประสิทธิภาพของวิชาทวนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก
เมื่อมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งสองคนคอยคุมสถานการณ์อยู่ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ต้องไปสนใจมอนสเตอร์เล็กๆ พวกนั้นเลย มือขวาตบผิวโต๊ะข้างหน้า ร่างกายอาศัยแรงแขนค้ำกระโดดขึ้นมา แล้วตัวก็พุ่งตามกระบี่ โจมตีจากบนลงล่างไปทางหัวหน้าอย่างหลิงทุ่ยซือ การลงมือครั้งนี้ ใช้หนึ่งในท่าไม้ตายที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งที่สุดของเขาในปัจจุบัน
ท่ากระบี่ร่วง!
หลิงทุ่ยซือมีเลเวลห้าสิบเก้าเท่านั้น แม้เป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติ แต่ด้านสติปัญญาก็ใช่ว่าจะเทียบ BOSS เวอร์ชันถูกตอนในโหมดภารกิจติด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายที่น่ากลัวอย่าง ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อีกฝ่ายก็ยังแสดงประสิทธิภาพการโจมตีออกมาไม่ได้ดั่งใจ จึงนำกระบี่สั้นเล่มหนึ่งที่ซ่อนไว้ออกมา แต่กลับใช้ปกป้องได้แค่จุดสำคัญเท่านั้น ยังถูกเยี่ยเว่ยหมิงแทงบนตัวห้ากระบี่ต่อเนื่องอย่างไม่ปรานี เหนือศีรษะมีตัวเลขดาเมจ
-8976
-36095!
-36066!
-35998!
-35886!
หลังจากโจมตีหนึ่งครั้งแล้วดูค่าสเตตัสที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะหลิงทุ่ยซืออีกครั้งก็กลายเป็น…
[หลิงทุ่ยซือ (หลิวหงปลอมตัวมา)]
เดิมทีเป็นโจรลำน้ำ ประมุขพรรคทรายมังกร ตอนหลังสังหารหลิงทุ่ยซือที่กำลังจะไปรับตำแหน่งขุนนาง แล้วสวมรอยเป็นขุนนางอยู่หลายปี
เลเวล: 59
พลังชีวิต: 126979/280000
กำลังภายใน: 89900/90000
……
กระบี่แรกสร้างดาเมจบดขยี้ ตามด้วยใช้ความได้เปรียบจากแรงที่อยู่สูงกว่ากระแทกให้กระบี่สั้นของอีกฝ่ายเบี่ยงไป ส่วนอีกสี่กระบี่ที่เหลือ ทั้งหมดโจมตีบนจุดสำคัญเหนือศีรษะของหลิงทุ่ยซือแล้ว!
แค่หนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น ประมุขพรรคทรายมังกรผู้นี้ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีจนพลังชีวิตลดไปเกินครึ่งแล้ว!
อิงตามบันทึกจากข้อมูลเดิม ตอนที่หลิวหงกับหลี่เปียวลอบสังหารขุนนาง ทักษะยุทธ์ของหลิงทุ่ยซือเหนือกว่าหลี่เปียวเยอะมาก แต่พลังต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาตอนนี้ ต่อให้เทียบกับหลี่เปียวตอนนั้นก็ยังเทียบไม่ติด
เกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานของพวกเขาสองคนด้วยเช่นกัน
หลังจากหลี่เปียวรับตำแหน่งผู้พิพากษาประจำอำเภอที่อำเภออินกู่ แต่ยังไม่เปลี่ยนนิสัยโจรโหด ไม่เพียงแค่แอบเลี้ยงโจรไว้หนึ่งภูเขาเท่านั้น ทั้งยังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งขุนนางรวบรวมงูพิษมาฝึกวิชาพิษด้วย
ยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาฝึกจนความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
แต่หลิงทุ่ยซือกลับถนัดเรื่องวางแผน ไม่เพียงแค่รวมจวนว่าการจิงโจวกับพรรคทรายมังกรของเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน ปกติไม่ว่าจะทำอะไรก็แนบเนียนไร้ช่องโหว่ ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นขุนนางที่มือสะอาด นั่นคือคำพูดเหลวไหล แต่หลายสิบปีมานี้นอกจากคดีติงเตี่ยนกับตี๋อวิ๋นแล้ว ปกติเขาก็แสดงออกไม่แตกต่างจากขุนนางคนอื่นเท่าไรนัก ถึงขั้นดีกว่าเล็กน้อยด้วย
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงนั่งตำแหน่งที่สำคัญแบบนี้ได้ถึงยี่สิบกว่าปี ไม่เพียงแค่ไม่ถูกตรวจสอบ กลับมีหลายสาเหตุที่เกือบทำให้เขาได้เลื่อนขั้นด้วยซ้ำ
คนที่มีอุบายเยอะทั้งยังบริหารเก่งอย่างเขา ด้านการฝึกทักษะยุทธ์ย่อมตกต่ำลงไม่น้อยอยู่แล้ว
ประกอบกับอายุที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเขาตอนนี้หากเทียบกับตัวเขาในอดีตแล้วไม่ถดถอยก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถ้าจะบอกว่ามีความก้าวหน้าอยู่บ้าง นั่นก็ช่างเป็นคำพูดที่น่าขำ
เมื่อเห็นหลิงทุ่ยซือประสบอันตราย ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็ต้องการก้าวขึ้นมาช่วย แต่กลับถูกน้องดาบที่ตามมาติดๆ สกัดไว้ ส่วนลูกสมุนพวกนั้นที่ตั้งใจจะมาช่วย ก็ถูกฉางซิงอวี่ใช้ท่ากวาดล้างพันทัพโจมตีจนแพ้ย่อยยับ
นี่ก็คือข้อดีของการตั้งทีมกับยอดฝีมือ เวลาต่อสู้สนใจแค่เรื่องของตัวเองก็พอแล้ว งานของคนอื่นไม่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกังวลอะไรเลย
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครก่อกวน พอเยี่ยเว่ยหมิงเหยียบลงพื้นแล้วก็พลิกฝ่ามือโจมตีไปบนหน้าอกของหลิงทุ่ยซือ
กรรร!
เสียงมังกรคำรามที่สะท้านหัวใจคนดังทะลุฟ้า สะเทือนจนทำให้โถงสั่นเล็กน้อย ฝุ่นปลิวออกจากคานและวงกบประตูนิดหน่อย พู่กันหนึ่งด้ามบนโต๊ะตกลงพื้นทันที
หลิงทุ่ยซือที่เป็นหนังหน้าไฟถูกฝ่ามือนี้ของเขาตบจนกระเด็นถอยหลังออกไป ขณะที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ เหนือศรีษะก็มีตัวเลขคริติคอลดาเมจมหาศาลลอยขึ้นมา
-63279!
เมื่อเห็นพลังชีวิตเหนือศีรษะหลิงทุ่ยซือเปลี่ยนเป็น 63700/280000 แล้ว แต่ติงเตี่ยนยังไม่ปรากฏตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นประกายทันที
จนกระทั่งตอนนี้ ติงเตี่ยนนั่นก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงสองอย่างแล้ว
หนึ่งก็คือ เงื่อนไขที่กระตุ้นให้ติงเตี่ยนปรากฏตัวก็คือ การต่อสู้ถูกยืดเวลาออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้มีไม่มาก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น การจะสังหารหลิงทุ่ยซือก็อาจง่ายไปหน่อย ไม่สอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบที่หน้าเนื้อใจเสือไร้คุณธรรมของผู้ออกแบบเกม
ความเป็นไปได้ที่สองก็คือ เมื่อพลังชีวิตของหลิงทุ่ยซือลดลงจนอยู่ต่ำกว่าขีดอันตรายแล้ว อย่างเช่นเหลือหนึ่งในสิบ หรือสองในสิบ ถึงจะเป็นเงื่อนไขที่กระตุ้นให้ติงเตี่ยนออกมาได้
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าแบบนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า ไม่เพียงแค่รับประกันได้ว่าหลิงทุ่ยซือจะไม่ถูกผู้เล่นฆ่าตาย ทั้งยังรับประกันความเป็นบทละครของภารกิจได้เต็มที่อีกด้วย แบบนี้สอดคล้องกับสไตล์ภายนอกขี้อายภายในร้อนแรงของผู้ออกแบบเกมมาก
ทว่า ไม่ว่าเงื่อนไขที่กระตุ้นให้ติงเตี่ยนออกมากู้สถานการณ์จะเป็นแบบไหน แผนรับมือของเยี่ยเว่ยหมิงก็มีเพียงอย่างเดียว
หลังจากเขาโจมตีหลิงทุ่ยซือกระเด็นแล้วก็พลิกข้อมือซ้ายหนึ่งที ลูกแก้วโปร่งแสงระยิบระยับลูกหนึ่งก็อยู่ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้ของเขาแล้ว
จากนั้นเขาก็ดีดหนึ่งที ลำแสงเจ็ดสีสายหนึ่งยิงตรงไปยังหว่างคิ้วของหลิงทุ่ยซือท่ามกลางเสียงฝ่าลมแหลมเล็ก
แม้จะเป็น ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ที่มีชื่อเสียงเรื่องอานุภาพดุดัน ตอนนี้มีเพียงกระบวนท่าเดียวคือ ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ที่ประสิทธิภาพพอเทียบกันได้ แต่การโจมตีของดรรชนีศักดิ์สิทธิ์นอกจากอาศัยถุงมือเพิ่มโบนัสโจมตีแล้ว ยังมีโบนัสจากค่าสเตตัสอาวุธลับด้วย ประสิทธิภาพขั้นสุดท้ายจากการโจมตีครั้งเดียว เหนือกว่าสะท้านขวัญร้อยลี้เสียอีก!
ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงเรียบง่ายมาก ในเมื่อจนป่านนี้ติงเตี่ยนยังไม่ปรากฏตัว ไม่สู้ฉวยโอกาสตอนเขายังไม่ปรากฏตัวฆ่าหลิงทุ่ยซือให้ตายก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ไม่ว่าเงื่อนไขที่กระตุ้นให้ติงเตี่ยนลงมือจะเป็นค่าพลังชีวิตของหลิงทุ่ยซือลดลงต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์หรือยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ขอเพียงปลิดชีพหลิงทุ่ยซือได้ตอนที่ยังไม่เติมเต็มเงื่อนไข ก็จะข้ามช่วงที่ติงเตี่ยนปรากฏตัวได้น่ะสิ?
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะเตรียมแผนสำรองสำหรับรับมือติงเตี่ยนไว้แล้ว แต่ศัตรูอย่างหลิงทุ่ยซือ เขาคิดว่ายิ่งตายเร็วโลกก็ยิ่งสงบเร็ว
จากนั้น ท่ามกลางสายตาที่เฝ้าคอยของพวกเยี่ยเว่ยหมิง ลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีวาดผ่านอากาศเป็นสายรุ้งงดงามอย่างที่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังหรือผิดคาด แล้วจมเข้าหว่างคิ้วของหลิงทุ่ยซือที่ติดสถานะตัวแข็งแล้วโดยไม่มีอะไรมากั้น
[1] ตามองหกถนน หูฟังแปดด้าน หมายถึง ฉลาดคล่องแคล่ว สามารถสังเกตและวิเคราะห์เหตุการณ์ได้รอบด้าน