ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 388 เชือดไก่ให้ลิงดู
ตอนที่ 388 เชือดไก่ให้ลิงดู
ความรักที่ติงเตี่ยนมีต่อหลิงซวงหวา เป็นการตีความของนักเขียนต้นฉบับที่มีต่อความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ตีความความรักที่ดีงามที่คนในยุคของเขาใฝ่หา เป็นความรักที่สอดคล้องกับอุดมคติและล้ำค่าที่สุดในใจของเขาเช่นกัน
แน่นอน ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทัศนคติที่ผู้คนมีต่อสิ่งต่างๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงจากการซึมซับสภาพแวดล้อมด้วยเช่นกัน
ในฐานะคนยุคปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคจักรวาลอันยิ่งใหญ่ เยี่ยเว่ยหมิงไม่อาจทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของติงเตี่ยนได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา คงไม่ทำความผิดพลาดระดับต่ำเหมือนติงเตี่ยนเด็ดขาด เมื่ออยู่ในเงื่อนไขที่มีกำลังความสามารถมากกว่าโดยสมบูรณ์ วิธีการที่จะทำให้หลิงทุ่ยซือตายแบบ ‘ธรรมชาติ’ เขาไม่ได้มีแค่วิธีการเดียวแน่ จากนั้นก็รับช่วงต่อทรัพย์สินในบ้านและแต่งงานกับลูกสาวของเขา…
ถ้าเปลี่ยนให้ติงเตี่ยนเป็นเยี่ยเว่ยหมิงจริงๆ เรื่องราวของ ‘กระบี่ใจพิสุทธิ์’ นั่นก็ไม่มีทางเป็นนิยายที่ตัวเอกเป็นมาโซคิสม์จนทำให้คนอ่านอึดอัดใจ แต่จะกลายเป็นนิยายที่ตัวเอกก้าวหน้าอย่างราบรื่นและรวดเร็วแน่นอน แกนเรื่องทั้งหมดเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีเรื่องของตี๋อวิ๋นแล้ว
ด้วยความที่ตัวเองไม่เข้าใจแนวคิดข้ามยุค เยี่ยเว่ยหมิงยังคงรักษาจุดยืนที่เป็นกลางไว้ รักษาท่าที ‘โนคอมเมนต์’ กับเนื้อเรื่องต้นฉบับเดิมมาตลอด เพียงวางตัวป็นผู้เล่นและแขกที่ผ่านมาชั่วคราวคนหนึ่ง แค่ทำภารกิจและรับรางวัลเท่านั้นเอง
เนื่องจากติงเตี่ยนปกป้องหลิงซวงหวาจึงไม่พานางมาเห็นฉากคาวเลือดในศาล เขาพานางไปอยู่นอกประตูใหญ่ของจวนว่าการก่อน จากนั้นค่อยเลี้ยวกลับมาเชิญพวกเยี่ยเว่ยหมิงให้ออกเดินทางด้วยกัน
น้องดาบเป็นคนนำทาง ทั้งห้าคนเจอวิญญาณของเหมยเนี่ยนเซิงบนถนนที่เจริญคึกคักระหว่างจุดฟื้นชีพกับจุดพักม้าในเมืองจิงโจว
จะไม่เอ่ยถึงฉากน้ำเน่าที่ติงเตี่ยนกับเหมยเนี่ยนเซิงพบกันระหว่างนั้น หลังจากชักช้าอยู่เกือบยี่สิบนาที ในที่สุด NPC ทั้งสามคนก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนมเสร็จแล้ว ภารกิจเข้าสู่ขั้นตอนการแบ่งของรางวัลที่พวกผู้เล่นชอบฟังชอบดู
แต่พวกเขากลับเห็นวิญญาณของเหมยเนี่ยนเซิงกวาดมองบนตัวผู้เล่นทั้งสาม จากนั้นก็กล่าวอย่างใจเย็นว่า “แม้หนึ่งดาบสามเฉือนแห่งสำนักดาบโลหิตเป็นคนรับภารกิจช่วยชีวิตติงเตี่ยนนี้มาจากข้า แต่ข้าไม่ใช่วิญญาณทั่วไป ผลงานและการแสดงความสามารถของพวกเจ้าระหว่างที่ทำภารกิจ ข้าเองก็รู้มาบ้าง ในเมื่อพวกเจ้าตั้งทีมกันมารายงานผลภารกิจที่นี่ ข้าก็เลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้เช่นกัน”
เหมยเนี่ยนเซิงแม้ตายไปหลายปีแล้ว แต่เสียงของเขาก็ยังดังก้อง หลายประโยคที่เขาพูดดึงดูดสายตาของผู้เล่นทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้ว “พวกเจ้าทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี ดีเกินกว่าที่ข้าจินตนาการไว้ ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงลิขิตฟ้าได้ด้วย!”
พอได้ยินคำพูดของเหมยเนี่ยนเซิง ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ ก็พากันหยุดฝีเท้าแล้วเริ่มแอบมองมาทางพวกเยี่ยเว่ยหมิง
ส่วนเหมยเนี่ยนเซิงก็ทำเฉยเมยเหมือนไร้ความรู้สึก พูดเสียงดังต่อไปว่า “เช่นนั้นข้าในฐานะที่เป็นผีแจกภารกิจ ก็ไม่อาจตระหนี่รางวัลได้เช่นกัน ตอนนี้ข้าจะส่งรางวัลไปถึงมือพวกเจ้าโดยตรง ส่วนรายละเอียดว่ามันคืออะไร พวกเจ้าไปดูเอาเองแล้วกัน”
พอพูดจบ เหมยเนี่ยนเซิงก็หันไปบอกติงเตี่ยนอีกว่า “ในเมื่อเจ้าเจอผู้ที่จะถ่ายทอดวิชาให้แล้ว ได้รับรู้ถึงจิตใจชั่วร้ายของคนในโลกนี้แล้วเช่นกัน ต่อไปเจ้ากับแม่นางหลิงก็ปิดบังชื่อแซ่ ไปอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่ไหนสักแห่งเถิด”
พอพูดจบ วิญญาณของเหมยเนี่ยนเซิงก็หายไปแล้ว
ฉางซิงอวี่เห็นแล้วกลับอดแขวะไม่ได้ว่า “แจกรางวัลภารกิจอะไรนั่นก็พูดความจริงออกมาตรงๆ เลยสิ ไม่ต้องพูดเหมือนรางวัลดูลึกลับขนาดนั้น แจกเงียบๆ ก็ทำให้รวยแบบเงียบๆ ได้เหมือนกัน เจ้าจะทำเป็นเร้นลับซับซ้อนทำไมกัน…
…โชคดีที่พวกเราค้อนข้างสนิทกันแล้ว ไม่อย่างนั้นการทำแบบนี้คงจะทำให้ระแวงกันเองโดยไม่จำเป็น มันช่าง…”
พอได้ยินฉางซิงอวี่พูดดูถูกเหมยเนี่ยนเซิงขนาดนี้ ติงเตี่ยนก็อ้าปาก อยากจะแก้ตัวแทนผู้อาวุโสเหมยสักสองสามประโยค แต่กลับได้ยินน้องดาบที่อยู่อีกฝั่งบอกว่า “ก็ช่วยไม่ได้ คาแรกเตอร์ของเหมยเนี่ยนเซิงเป็นแบบนี้ ถูกลูกศิษย์สามคนที่ตัวเองสอนมากับมือลอบทำร้ายจนตาย คงไม่มีใครตายอย่างคับข้องใจขนาดนี้แล้ว”
ไม่รอให้ติงเตี่ยนเถียง นางก็พูดต่อไป “ถ้าในสำนักมีศิษย์ชั่วโผล่มาสักคน ก็ยังพอพูดได้ว่าเป็นปัญหาของศิษย์คนนั้น แต่ถ้าศิษย์สามคนที่เขาสอนมากับมือไม่ได้เรื่องเหมือนกันหมด เช่นนั้นก็เป็นเพราะอาจารย์อย่างเขาสอนไม่ดีแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าน้องดาบก็รู้สึกไม่ดีกับเหมยเนี่ยนเซิงเช่นกัน พอพูดขึ้นมาก็หยุดไม่ได้ “ถึงเขาจะเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ถ้าบอกว่าเขามองคนออกและสอนคนเป็น เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี…
…การวางตัวของเขาเป็นอย่างไร ข้าของดแสดงความเห็น แต่ลักษณะการกระทำเรื่องต่างๆ ของเขา ข้ากลับไม่กล้าเห็นด้วย แต่ถ้าจะบอกว่าเขามีตาแต่ไร้แวว ข้าคิดว่าข้าก็ไม่ได้พูดเกินไปนะ”
ติงเตี่ยนยังคิดจะพูดอีก แต่กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “หากเขาไม่สร้าง ‘เคล็ดเทียมนครา’ อะไรนั่นออกมา แล้วเก็บความลับเรื่องสมบัตินี้ไว้ในท้องตัวเอง หรือไม่ก็เผาทำลายมันซะ ก็คงไม่มีโศกนาฎกรรมตามมาอีกเป็นชุดหรอก…
…การซ่อนสมบัติแบบนี้ เจ้าต้องขุดมันออกมาเพิ่มพูนทรัพย์สินให้ตัวเองร่ำรวย หรือไม่ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันเสียเลย แค่ความลับที่เกี่ยวข้องกับมันอย่างเดียวก็มีแต่หายนะล้วนๆ แล้ว เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ”
ขณะที่พูด ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็แขวะแทนใจเขาออกมาแล้ว “ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ก็ทำเอาผู้เล่นที่อยู่รอบๆ จ้องพวกเราตาเป็นมัน ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะสู้พวกเราไม่ไหว เกรงว่าคงมีคนลองพุ่งเข้ามาฆ่าพวกเราตั้งนานแล้ว คงอยากรู้ว่าจะดรอปรางวัลอะไรได้จากพวกเราบ้าง”
ว่ากันว่าคนสามคนปั้นเสือเป็นตัวได้ หลังจากได้ยินทั้งสามต่างคนต่างวิจารณ์ จู่ๆ ติงเตี่ยนก็รู้สึกว่าสิ่งที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงพูดก็เหมือนจะ…มีเหตุผลเหมือนกัน?
เมื่อมองผู้เล่นที่อยู่รอบๆ อีกครั้ง ก็พบว่าในจำนวนนั้นมีสายตาของคนไม่น้อยที่กำลังฉายแววละโมบ สายตาแบบนี้ติงเตี่ยนคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรแล้ว เขาคิดว่าตัวเองมองไม่ผิดแน่นอน
และในจำนวนนั้นก็มีคนใจกล้าคนหนึ่ง เดินเข้ามาถึงข้างหลังเยี่ยเว่ยหมิงอย่างเงียบเชียบแล้ว จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบแผ่นหลังของเยี่ยเว่ยหมิงหนึ่งที!
อย่ามัวแต่บ่นสิ
ที่จริงแล้วสาเหตุที่ผู้เล่นคนนี้ลงมือ เจตนาที่จะครอบครองรางวัลภารกิจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น อย่างไรเสียในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ หลังจากผู้เล่นตายแล้ว อัตราการดรอปไอเทมก็ไม่ได้สูงมาก นอกเสียจากจะเป็นผู้เล่นที่มีอุปกรณ์ระดับสูงทั้งตัว ผู้เล่นทั่วไปต่อให้ฆ่าทิ้งสำเร็จ แต่ก็ยากที่จะดรอปของดีอะไรออกมา
แต่ถ้าเป็นผู้เล่นที่มีอุปกรณ์ระดับสูงทั้งตัวจริงๆ คนทั่วไปก็สู้ไม่ชนะอยู่ดี
สรุปก็คือการ PK โดยเจตนาร้ายในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ หลายครั้งก็ได้ไม่คุ้มเสีย
สาเหตุที่เขาลงมือ เป็นเพราะทนมองท่าทีกำเริบเสิบสานของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ไหว!
สิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดก่อนหน้านี้ ในเมื่อ NPC อย่างติงเตี่ยนยังได้ยิน แสดงว่าไม่ได้คุยกันส่วนตัวในช่องทีมแน่นอน ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ ย่อมได้ยินเช่นกัน
ทั้งยังมีคนได้ยินเยอะขนาดนี้ ย่อมมีคนไม่พอใจอยู่แล้ว
เพราะพวกเราสู้เจ้าไม่ไหวจึงไม่ลงมือแปลว่าอะไร
ให้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร
วันนี้พ่อก็อยากจะลองดูเหมือนกัน ดูว่าเจ้าจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ใครสู้ใครไม่ได้กันแน่!
สำหรับผู้เล่นแล้ว หลายครั้งที่ความอยากเอาชนะก็สำคัญกว่าการแย่งชิงอุปกรณ์
ติงเตี่ยนในฐานะที่เป็น NPC สำนักฝ่ายธรรมมะที่ระบบยอมรับ ย่อมไม่เข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนเจตนาลอบจู่โจม ก็เพียงเอ่ยเตือนโดยจิตใต้สำนึกเท่านั้น “ระวัง!”
ที่จริงก็ไม่ต้องให้เขาเตือนเลย เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยการฟังเสียงแยกแยะตำแหน่งก็ตัดสินได้แล้วว่าเส้นทางโจมตีของอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน เขาหมุนตัวอย่างไม่รีบร้อนทันที แล้วผลักฝ่ามือซ้ายออกมาหนึ่งทีอย่างใจเย็นที่สุด รับฝ่ามือที่อีกฝ่ายโจมตีมาทางแผ่นหลังของเขาพอดี
กรรร!…
-17689
มังกรซ่อนกบดาน’ ที่โด่งดังเรื่องความหน้าเนื้อใจเสือปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ แต่กลับไม่เกิดผลกระดูกแตก
ไม่ใช่เพราะพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายดุดันมากขนาดนั้น แต่เป็นเพราะพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายแตกต่างจากพลังฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงมากเกินไป ชั่วพริบตาที่ถูกพลังฝ่ามือรูปมังกรกลืนกิน เขาก็กลายเป็นแสงสีขาวหายไป ไปรายงานอยู่ตรงจุดฟื้นชีพแล้ว
ปลิดชีพ!
หลังจากชำเลืองกระเป๋าใบหนึ่งที่ดรอปจากตัวผู้ลอบโจมตีด้วยสายตารังเกียจ เยี่ยเว่ยหมิงก็เบะปากดูถูก “ผลลัพธ์ของการฆ่าไก่ตัวนี้ไม่ได้เรื่องเลย จับไม่ได้ปลาใหญ่ หวังว่าคนต่อไปที่กระโดดออกมาจะเก่งกว่านี้หน่อยนะ ถ้าขีดจำกัดพลังชีวิตต่ำหว่าสองหมื่น ก็อย่าออกมาให้เสียหน้าเลย”
พอได้ยินดังนั้น พวกผู้เล่นที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ย้ายสายตาไปทางอื่นทันที พร้อมพูดประมาณว่า “วันนี้อากาศดีจัง” แล้วก็ต่างคนต่างไปทำธุระของตัวเอง
มารดาเจ้าเถอะ!
ปะทะฝ่ามือกันซึ่งๆ หน้า อาศัยดาเมจบดขยี้สสร้างผลปลิดชีพ!
ต้องมีความสามารถมากขนาดไหนจึงจะทำได้ถึงขั้นนี้
ไหนจะฝ่ามือรูปมังกรนั่นอีก สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร!?
คนประเภทนี้อย่าไปมีเรื่องด้วยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าตายหนึ่งครั้ง ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยวันสองวันกว่าจะฝึกวิชาได้เหมือนเดิม ไม่คุ้มค่า
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้วิธีการรุนแรงขู่พวกโจรกระจอก แม้ติงเตี่ยนจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรมากอยู่ดี
พอนึกขึ้นได้ว่าเหมยเนี่ยนเซิงฝากฝังไว้ตอนท้ายเกี่ยวกับผู้สืบทอดคัมภีร์เทพสาดส่องและเคล็ดเทียมนครา ติงเตี่ยนก็ไม่ได้โตเถียงถึงทัศนคติที่พวกเขามีต่อผู้อาวุโสในยุทธภพอย่างเหมยเนี่ยนเซิง กลับกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “ใต้เท้าเยี่ย ตอนที่อยู่ในคุกข้าได้พบกับสหายตี๋อวิ๋น เขาเองก็ถูกคนชั่วใส่ร้ายเช่นกัน เข้าไปอยู่ในคุกอย่างไม่ยุติธรรม คดีนั้นไม่ได้ซับซ้อน แต่เป็นเพราะหลิงทุ่ยซือต้องการหลอกใช้เขาให้มาสนิทกับข้า เขาถึงได้ยอมเข้าคุกทั้งที่รู้ความจริงอยู่แก่ใจ ท่านดูว่า…”
พอได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างใจเย็นมาก “เรื่องแบบนี้ต้องทำตามหน้าที่ อีกไม่นานทางฝั่งราชสำนักจะส่งเจ้าเมืองคนใหม่มาที่นี่ หลังจากเจ้าเมืองรับตำแหน่งแล้ว ก็จะตรวจสำนวนและตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องใหม่ทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะทำเอกสารเร่งรัดในนามของสำนักมือปราบเทพ น่าจะได้ผลลัพธ์ในเร็วๆ นี้ หากเขาถูกใส่ร้ายจริงๆ จะได้คืนความบริสุทธิ์ให้เขาอย่างชอบธรรมได้สะดวก”
“หากเป็นเช่นนี้ ก็ขอบคุณใต้เท้าเยี่ยมาก”
พอพูดจบ ติงเตี่ยนกับหลิงซวงหวาก็กล่าวอำลาผู้เล่นทั้งสาม ก่อนจะเดินทางไปยังที่แสนไกลที่ไม่มีใครรู้จัก…
ขณะมองคล้อยหลังคู่รักชะตาลำเค็ญคู่นี้ น้องดาบซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในทีมก็แสดงอีกด้านที่มีอารมณ์อ่อนไหวออกมา ตอนแรกนางถอนหายใจยาวก่อน ตามด้วยบอกในช่องทีมว่า
[สนใจแชร์รางวัลภารกิจออกมาไหม แบ่งปันความสุขให้กันและกันสักหน่อย (ˉ͈̀꒳ˉ͈́)✧]