ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 398 ฆ่าหลิงทุ่ยซืออีกครั้ง
ตอนที่ 398 ฆ่าหลิงทุ่ยซืออีกครั้ง
ขณะมองรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัยแต่ความจริงซ่อนเจตนาสังหารของน้องดาบ หนิวจื้อชุนก็รู้สึกว่าหนังตาขวาของตัวเองกระตุกอยู่พักหนึ่ง รีบอธิบายว่า “ข้าไม่เคยเติมคำลบๆ ข้างหน้าชื่อเจ้าเลย ไม่เคยเลย คำพวกนี้น่ะ มือปราบหน้าเนื้อใจเสือบางคนเติมเข้าไปตอนบรรยายเกี่ยวกับเจ้า ข้าเป็นแพะรับบาปชัดๆ!”
“เจ้าโกหก!” ซานเย่ว์ลงดาบเพิ่ม
ชวิ้ง!
ดาบจันทราหิมะเงินถูกชักออกจากฝักหนึ่งชุ่น น้องดาบมองหนิวจื้อชุนด้วยสายตาอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากคลุกคลีกันในภารกิจของหลี่มั่วโฉวก่อนหน้านี้ น้องดาบก็รู้แล้วว่าซานเย่ว์มีทักษะเหมือนเครื่องมือจับเท็จ นางมองไม่ผิดแน่นอน
ขณะมองน้องดาบที่ไม่ปิดบังกลิ่นอายสังหารที่แผ่จากร่างกายตัวเองแล้ว หนิวจื้อชุนก็รีบถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วอธิบายว่า “สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง เจ้าต้องเชื่อข้านะ!”
เมื่อเขาเห็นน้องดาบไม่เชื่อก็หันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเว่ยหมิงอีก “พี่ใหญ่เยี่ย พวกเราไม่ควรเล่นกันอย่างนี้สิ บาปนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก ถึงตายได้เลยนะ!”
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวกำลังจะลุกลามถึงชีวิตคน เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วอธิบายกลั้วหัวเราะ “เอาละ ประโยคบรรยายนั่นข้าจำผิดแล้วจริงๆ”
น้องดาบได้ยินแล้วมองซานเย่ว์ อีกฝ่ายหัวเราะแห้งๆ “ระหว่างความจริงกับอาหมิง ข้าก็ต้องเลือกช่วยพูดให้อาหมิงอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”
ตอนที่พูดอย่างนั้น น้องดาบก็คลายมือออกจากด้ามดาบแล้ว คมดาบที่เพิ่งเผยออกมาชุ่นเดียวไหลกลับเข้าไปในฝักแล้ว
เมื่อหนิวจื้อชุนเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า “พอข้าพูดก็ข้าฆ่าข้า พอเขาพูดกลับบอกว่าช่างเถอะ เจ้าเลือกปฏิบัติชัดเจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”
น้องดาบเพิ่งหันตัวกลับมาเพื่อเตรียมเข้าสู่โหมดยุ่งเรื่องชาวบ้าน พอได้ยินดังนั้นก็พลันหยุดเดิน หันตัวกลับไปเล็กน้อย แล้วมองนักพรตหน้าเหม็นปากไม่มีหูรูดด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “เจ้ามีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า”
“ไม่มี เจ้าฟังผิดแล้ว!”
พูดจากใจเลยนะ หนิวจื้อชุนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรถือสาผู้หญิงที่ความรู้พื้นๆ แบบนี้
หลังจากผ่านตอนแทรกสั้นๆ ไปแล้ว ในที่สุดหนิวจื้อชุนที่ไม่กล้าก่อเรื่องอีกก็กลับเข้าประเด็นหลัก เขารู้สึกว่าการพูดจาเหลวไหลกับคนกลุ่มนี้อันตรายเกินไปสำหรับคนซื่อสัตย์อย่างเขา ซื้อกระบองเสียเลยจะปลอดภัยกว่า
หลังจากคุยต่อรองราคาง่ายๆ รอบหนึ่ง กระบองอสูรทองคำก็ถูกเขาซื้อไปด้วยราคาสองพันห้าร้อยเหรียญทอง
นำเงินที่ได้มาแบ่งให้สี่คนที่มีส่วนร่วมกับการต่อสู้ครั้งนั้น ซานเย่ว์ สะพานสวรรค์น้อย ฉางซิงอวี่ได้ไปคนละห้าร้อยเหรียญทอง ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงพี่มีทักษะรอบด้านก็ได้ไปคนเดียวหนึ่งพันเหรียญทอง
หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เห็นหนิวจื้อชุนที่เพิ่งได้อาวุธมาใหม่ใจร้อนอยากทดลองใช้ จึงเชิญอีกฝ่ายเข้ากลุ่มเสียเลย หลังจากอีกฝ่ายตอบรับแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “สหายหนิว ไม่ปิดบังความจริงนะ วันนี้ข้าเจอแหล่งจับผีดีๆ แห่งหนึ่ง ผีที่หาเจอไม่ได้จากที่อื่นภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าอยู่ที่นี่ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็จะเจอแน่นอน…
…พวกเราฆ่าผีกันสนุกมาก สหายหนิวสนใจไปด้วยกันไหม”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที เดิมทีโหงวเฮ้งของเขาก็ดูชั่วร้ายอยู่แล้ว พอหัวเราะแห้งๆ ก็ดูน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นหลายส่วน “มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ ก็ต้องพาข้าไปด้วยสิ!…
…จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ข้าขาดค่าวีรบุรุษอีกแค่สามพันแต้มก็จะทำภารกิจเพื่อสุดยอดวิชา ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ จากสำนักได้แล้ว ถ้าในภารกิจวันนี้ได้เจอสัตว์มารสักตนสองตน…หึหึ”
มองออกเลยว่าตอนนี้ข่าวของสัตว์มารไม่ใช่ความลับแล้ว เพียงแต่ทุกคนยังไม่รู้เทคนิคการรับมือกับสัตว์มารเท่านั้นเอง และสำนักฝ่ายเต๋าอย่างสำนักฉวนเจินก็ถือว่ามีโชคเข้าข้างเหมือนแมวตาบอดเจอหนูตาย เมื่อรวมกลุ่มกันก็ท้าสู้กับสัตว์มารได้เหมือนกัน
อิงตามที่อินปู้คุยบอก จุดเด่นใหญ่สุดของทักษะยุทธ์สำนักฉวนเจินก็คือถนัดเรื่องโจมตีเป็นกลุ่ม
ทีมชั่วคราวนี้เปลี่ยนจากเจ็ดคนเป็นแปดคนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มนำทีมไปทางสำนักสุสานโบราณ ขณะที่เดินทาง เขาก็ยังไม่ลืมส่งข้อความมาอธิบายในทีม [อีกประเดี๋ยวจะถึงปลายทางแล้ว จะเห็นป่าทึบที่มีลักษณะพิเศษผืนหนึ่ง ตรงไหนที่มีด่านก็จะต้องให้ทุกคนบุกเดี่ยว ไม่อย่างนั้นความยากก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ]
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ จู่ๆ หนิวจื้อชุนก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างขึ้น จึงรีบถามว่า “ช้าก่อน! ด่านที่สหายเยี่ยเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ NPC เฝ้าด่านคงไม่ใช่คนของสำนักฉวนเจินหมดเลยหรอกใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงชูนิ้วหัวแม่มือให้อีกฝ่ายโดยไม่หันหน้ากลับมา “สหายหนิวเริ่มฉลาดแล้วหรือ”
พอสิ่งที่เดาได้รับการยืนยัน หนิวจื้อชุนก็รีบหยุดฝีเท้า “ลาก่อน!”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอึ้ง “หากสหายหนิวกังวลว่าจะถูกหักค่าวีรบุรุษ หรือถูกลดค่าความจงรักภักดีจาก NPC ของสำนัก นั่นไม่จำเป็นเลย ขอเพียงเจ้าโจมตี BOSS เฝ้าด่านให้แพ้แต่ไม่ถึงกับตาย เจ้าก็จะไม่ได้รับผลด้านลบใดๆ”
“นั่นมันพวกเจ้า!” หนิวจื้อชุนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศก “อย่าลืมนะว่าข้าเป็นศิษย์สำนักฉวนเจิน อีกทั้งที่นั่นยังเป็นเขตต้องห้ามของสำนักฉวนเจิน พวกเจ้าไม่ทำตามกฎของสำนักฉวนเจินก็ได้ แต่ข้าทำไม่ได้ ถ้าข้าบุกไปที่นั่น ก็จะถูกลงโทษรุนแรง”
“เอ่อ พอเห็นทรงผมเจ้าแล้ว ทำเอาข้าเกือบลืมไปเลย” ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โตขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มรู้สึกละอายแล้ว
เขายิ้มอย่างเก้อเขินเล็กน้อย จากนั้นก้าวมาข้างหน้าและเตรียมจะพูดบางอย่าง แต่จู่ๆ กลับเห็นไอสีดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งอยู่ข้างหน้า
ตามด้วยเงาร่างคุ้นหน้าที่พลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้วแสยะยิ้มใส่เยี่ยเว่ยหมิงไม่หยุด
เมื่อเห็นโฉมหน้าของผีตนนี้ แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อดอึ้งไม่ได้
ที่แท้ผีตนใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่เพิ่งตายด้วยน้ำมือเยี่ยเว่ยหมิงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทั้งยังฌาปนกิจบนฟ้าเรียบร้อยแล้วด้วย หลิงทุ่ยซือนั่นเอง
“หึหึ” หลังจากวิญญาณของหลิงทุ่ยซือปรากฏตัว กลับไม่เผยสีหน้าของนักบุญใจบาปเหมือนตอนมีชีวิตอยู่แล้ว เขาจ้องเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาดุร้าย เผยรอยยิ้มน่าหวาดกลัวและชั่วร้ายที่สุด ทำสีหน้าเหมือนเฟิ่งเทียนหนานก่อนหน้านี้ไม่มีผิด ตรงหว่างคิ้วมีขีดสีดำหนึ่งเส้นที่ย้อมดวงตาทั้งคู่ให้กลายเป็นสีดำ เขาพึมพำว่า “ข้าต้องการสมบัติลับ ข้าต้องการสมบัติลับที่ซ่อนอยู่ใน ‘เคล็ดเทียมนครา’ ขอเพียงเจ้า…”
ไม่รอให้หลิงทุ่ยซือพูดจบ ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็มีสองตัวเลือกโผล่มาแล้ว
[ติ๊ง! คุณเจอวิญญาณของมหาโจรหลิงทุ่ยซือ (หลิวหงปลอมตัวมา) ทางเลือกของคุณคือ?]
1. ปราบปีศาจกำจัดมาร กำจัดภัยพิบัตินี้ตลอดกาล (หมายเหตุ: ในฐานะเดนคนที่ขาดความเป็นมนุษย์ ไม่มีมโนธรรมใดๆ หลิงทุ่ยซือได้รับผลจากปราณชั่วร้ายกลายร่างเป็นอสูรเต็มตัวแล้ว พลังเพิ่มขึ้นจากตอนก่อนตายไม่ใช่น้อยๆ กรุณาเลือกอย่างระมัดระวัง)
2. ช่วยให้เขาสมปรารถนา ตามหาสมบัติลับของเหลียงหยวนตี้แทนเขา (หมายเหตุ: หากสมบัติลับของเหลียงหยวนตี้ปรากฏขึ้นในโลกเมื่อไร ก็จะทำให้เกิดลมคาวฝนเลือดในยุทธภพ ผู้ที่เข้าร่วมการค้นหาสมบัติจะถูกหักค่าวีรบุรุษจำนวนมาก)
การเลือกมีความเสี่ยง กรุณาตัดสินใจอย่างระมัดระวัง!
……
เมื่อมีหมายเหตุในวงเล็บ ทั้งยังอธิบายไว้ชัดเจนว่าถ้าทำภารกิจจะถูกหักค่าวีรบุรุษ ก็แสดงว่าผีตนนี้ต้องเป็น BOSS ร่างมารอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รอให้ผีของหลิงทุ่ยซือบ่นจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจเลือกแล้ว
วินาทีต่อมา ควันดำพวยพุ่ง สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
วิญญาณของหลิงทุ่ยซือเริ่มเปลี่ยนร่าง ชั่วพริบตาเดียว เขาก็เปลี่ยนจากชายวัยกลางคนที่หน้าตาค่อนข้างดุร้ายกลายเป็นสัตว์มารสองเขาที่ถือกระบี่สั้นหนึ่งเล่ม!
[หลิงทุ่ยซือ (ร่างมาร)]
กากเดนที่ไร้ความเป็นมนุษย์ เนื่องจากได้รับปราณชั่วร้ายจำนวนมาก ตอนนี้กลายร่างเป็นมารร้ายแล้ว
เลเวล: 85
พลังชีวิต: 800000/800000
กำลังภายใน: 200000/200000
……
ยังมีค่าสเตตัสเหมือนเดิม ยังมีหน้าตาคล้ายคนเดิม
ดังนั้นตอนที่รับมือกับเจ้าของเล่นที่อยู่ตรงหน้า พวกเยี่ยเว่ยหมิงจึงใช้วิธีการแบบเดิม ถือกระบี่แสงทองใช้ท่าปลุกปั่นกระบี่โจมตีมอนสเตอร์โดยตรง
หลังจากนั้นหนึ่งนาที เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นข้างหูทุกคนอีก ตามด้วยประกาศระบบต่อเนื่อง สามรอบ
[ติ๊ง! ทีมของคุณโจมตีสังหาร BOSS ร่างมาร หลิงทุ่ยซือ BOSS ร่างมารเลเวลแปดสิบห้าสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 800000 แต้ม ค่าตบะ 200000 แต้ม!]
[ประกาศระบบ: สำนักมือปราบเทพผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิง…]
เนื่องจากการต่อสู้ทั้งสนามไม่มีความแปลกใหม่ใดๆ ให้เอ่ยถึง จึงข้ามรายละเอียดไป
ครั้งนี้ในทีมมีทั้งหมดแปดคนที่ได้รับส่วนแบ่งจากการต่อสู้ รวมทั้งพระมารหนิวจื้อชุนด้วย แต่ละคนได้รับรางวัลเป็นค่าประสบการณ์แปดแสนแต้มและค่าตบะสองแสนแต้ม
โจมตีสังหารหลิงทุ่ยซือสองครั้งภายในวันเดียว แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกว่ามูลค่าของเจ้าเวรนี่ตอนเป็นผีสูงกว่าตอนเป็นมนุษย์เยอะ
เพราะนอกจากรางวัลตายตัวอย่างค่าประสบการณ์กับค่าตบะแล้ว เจ้าหมอนี่ยังมอบค่าวีรบุรุษให้เยี่ยเว่ยหมิงเต็มๆ หนึ่งพันแต้ม
ทั้งยังดรอปกระบี่มารที่เป็นระดับอาวุธรล้ำค่าหนึ่งเล่มด้วย!