ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 407 คำชี้แนะของกูตู๋ฉิวไป้
ตอนที่ 407 คำชี้แนะของกูตู๋ฉิวไป้
ฟังจากคำพูดของตู๋กูฉิวไป้ ก็ตัดสินได้ไม่ยากว่านี่คือข้อมูลที่น่าสนใจพอที่จะกระตุ้นให้เยี่ยเว่ยหมิงเลือดเดือดได้
นั่นก็คือ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ของเขาตอนนี้แม้จะเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนของสุดยอดวิชา แต่ขีดจำกัดของมันไม่ได้ธรรมดาเหมือนสุดยอดวิชาฉบับสมบูรณ์แน่นอน แต่ยังเพิ่มขอบเขตของมันให้เป็น ‘วิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ ซึ่งอยู่เหนือกว่าสุดยอดวิชาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ตู๋กูฉิวไป้ก็พูดเพียงครึ่งเดียว ตอนท้ายจะต้องซ่อนความลับเรื่องเพิ่มเคล็ดกระบี่นี้ให้เป็น วิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานแน่นอน จะให้เขาไม่สนใจไม่ได้หรอก
ทว่าเมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามซักไซ้ ตู๋กูฉิวไป้กลับส่ายหน้าเบาๆ “ข้าพูดมากไปแล้ว ในเมื่อข้ามองออกว่าสิ่งที่ขาดไปในเคล็ดกระบี่คืออะไร ในเมื่อหวงฉางสร้างเคล็ดกระบี่นี้มาเพื่อเจ้า เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ แต่สาเหตุที่เขายังไม่บอกเจ้าตอนนี้ ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง ให้เจ้ารู้ล่วงหน้าอาจไม่ใช่เรื่องดี”
ได้ยินชื่อหวงฉางสองครั้งจากปากตู๋กูฉิวไป้ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วว่าลูกพี่ของสำนักตัวเองมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่
มิน่าล่ะ ตอนที่เขาเห็น ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ ที่ไม่สมบูรณ์ของซานเย่ว์ ก็บอกได้ทันทีว่าทำให้วิชาฝ่ามือนี้สมบูรณ์ได้
สงสัย ‘คัมภีร์เก้าอิม’ ที่มี ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ แฝงอยู่ในนั้นจะเป็นฝีมือของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
ผู้ที่สร้าง ‘คัมภีร์เก้าอิม’ ขึ้นมา หนึ่งใน BOSS เลเวลสองร้อยที่อินปู้คุยบอกว่ามีจำนวนน้อยมากใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ หวงฉาง!
ฟังจากคำพูดของตู๋กูฉิวไป้ เยี่ยเว่ยหมิงก็จับประเด็นสำคัญได้แล้ว “เมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสตู๋กูบอกไว้ว่า ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ นั่น หวงโส่วจุนสร้างขึ้นมาเพื่อผู้น้อย หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
กูตู๋ฉิวไป้ทำตามความปรารถนาตัวเองสำเร็จแล้วอารมณ์ดีมาก เมื่อได้ยินคำถามก็อธิบายอย่างอดทน “เป็นส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชาเหมือนกัน แต่เจ้ารู้สึกไหมว่า ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ใช้งานได้คล่องมือกว่า ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ เยอะ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าซ้ำๆ
นี่คือความจริงที่ไม่ต้องสงสัยเลย!
‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แม้จะมีประสิทธิภาพมากและปลิ้นปล้อนสุดๆ แต่ทุกฝ่ามือล้วนมีจุดปลิ้นปล้อนที่ไม่เหมือนกันหมดเสียทีเดียว กล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมไม่ธรรมดา แต่ถ้าคิดจะแสดงประสิทธิภาพที่มันควรจะมีออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังต้องวางแผนให้แยบยลเมื่ออยู่ในการต่อสู้ ถึงจะแสดงด้านที่หน้าเนื้อใจเสือซึ่งเป็นคุณสมบัติเดิมที่สมบูรณ์แบบของมันออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ
แต่ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ กลับไม่ต้องทำอย่างนั้น แค่ใช้มันอย่างตรงไปตรงมา ก็แสดงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของมันออกมาได้แล้ว!
“นั่นก็ถูกแล้ว” กูตู๋ฉิวไป้พูดต่อ “วิทยายุทธ์ระดับสุดยอดใดๆ ก็ตาม ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาล้วนอิงตามเงื่อนไขต่างๆ เพื่อสร้างให้เหมาะสมกับตัวเอง เมื่ออยู่ในมือผู้สร้าง มันจึงแสดงอานุภาพอันน่าหวาดกลัวที่ยากจินตนาการออกมาได้…
…หากคนรุ่นหลังต้องการเรียน นอกจากต้องมีเงื่อนไขพิเศษที่สอดคล้องกันแล้ว จะแสดงอานุภาพที่ควรจะมีออกมาได้หรือไม่ ก็ต้องดูระดับความเข้ากันได้ระหว่างคนคนนั้นกับวิทยายุทธ์…
…อย่างเช่น ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ของข้า ถ้าไม่อยู่ในมือหลวงจีนที่ไม่อยากได้อยากมี แสดงอานุภาพของมันออกมาได้สามส่วนก็ขอบคุณมากแล้ว…
…หลักการของวิทยายุทธ์อื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน…
…นอกจากนี้ ทุกคนที่เดินไปถึงจุดสูงสุดของแนวทางยุทธ์ ก็ล้วนมีแนวทางยุทธ์เฉพาะของตัวเอง” ตู๋กูฉิวไป้อธิบายอย่างใจเย็น “ข้าก็มีแนวทางยุทธ์ของข้า หวงฉางก็มีแนวทางยุทธ์ของหวงฉาง แต่สามกระบวนท่าของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ที่เขาถ่ายทอดให้เจ้า แม้จะแฝงด้วยแก่นแท้แนวทางยุทธ์ของข้ากับเขาสองคน แต่แนวทางของพวกเราสองคนกลับเข้ากันได้ดีมาก…
…ตามที่ข้าเฝ้าสังเกตมา คนที่เหมาะสมกับ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ที่สุดไม่ใช่ข้า หรือว่าหวงฉาง แต่เป็น…” พอพูดถึงตรงนี้ กูตู๋ฉิวไป้ก็ชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าเดิม กล่าวคำที่เยี่ยเว่ยหมิงเดาออกตั้งนานแล้วแต่กลับไม่กล้าเชื่อ “เจ้า!…
…มองจากจุดนี้ก็รู้เลยว่าหวงฉางให้ความสำคัญกับเจ้าขนาดไหน!”
หวงโส่วจุนเก่งขนาดนี้เชียวหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้ตื้นตันใจแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เวลามาตื้นตันใจ โอกาสที่อยู่ตรงหน้าหาได้ยาก เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อทันที “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตู๋กูบอกไว้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาบอกให้ข้ารู้ว่าเงื่อนไขเพิ่มคุณภาพ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ไปเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานคืออะไร เช่นนั้นผู้อาวุโสตู๋กูบอกได้หรือไม่ว่าเมื่อไรเวลานั้นจะมาถึง”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ หวงฉางย่อมมีการพิจารณาของเขาเอง” ตู๋กูฉิวไป้ยิ้มน้อยๆ “แต่ถ้าข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นหลังจากที่เจ้าเรียนกระบวนท่าที่เขาสร้างขึ้นมาหมดแล้ว เขาน่าจะบอกเจ้าว่าตอนหลังต้องทำอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกุมหมัดคารวะตู๋กูฉิวไป้อย่างนอบน้อม “ผู้น้อยเข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสตู๋กูที่ชี้แนะ”
ตู๋กูฉิวไป้พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวเสริมว่า “ก่อนจะจากกัน ข้ามีข่าวมาบอกเจ้าโดยไม่คิดเงิน ต่อให้เป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานกับวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานด้วยกันเอง แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่เช่นกัน ถ้าเจ้าอยากทำให้เคล็ดกระบี่ของเจ้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ที่ข้าสร้างขึ้นมาในปีนั้นก็ควรค่าที่เจ้าจะนำไปดูประกอบอย่างจริงจัง”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วฮึกเหิมทันที “ผู้อาวุโสตู๋กูถือโอกาสแจกภารกิจที่มีรางวัลเป็น ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ได้หรือไม่ ยากหน่อยก็ไม่เป็นไร แน่นอนว่าไม่เอาภารกิจที่ผู้น้อยไม่มีทางทำสำเร็จได้ ยกตัวอย่างเช่นให้ใช้เคล็ดกระบี่เอาชนะท่าน อะไรทำนองนั้น”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายถ่ายทอด ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ให้ตนโดยตรง เพราะเขารู้ว่านั่นเป็นเรื่องเหลวไหล
ตู๋กูฉิวไป้ได้ยินแล้วกลับส่ายหน้า “ภารกิจระดับแปดดาว เจ้าก็ทำสำเร็จโดยอาศัยเล่ห์เหลี่ยม ได้รับฉายาของผู้ที่มีแนวทางกระบี่ยอดเยี่ยมทั้งยังเพิ่มคุณภาพ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ถือเป็นขีดจำกัดรางวัลสูงสุดเท่าที่ข้าจะให้ได้แล้ว เจ้าไม่สังเกตเชียวหรือ หลังจากทำให้ความปรารถนาของข้าเป็นจริง แม้แต่ค่าประสบการณ์สักแต้มก็ไม่ได้รับเลย นั่นเป็นเพราะข้ารวมค่าประสบการณ์ไว้กับรางวัลทั้งหมดแล้ว”
“…ข่าวที่ข้าบอกก่อนหน้านี้ ถือเป็นการชี้แนะให้เด็กรุ่นหลานที่ข้าถูกชะตาก็ได้ แต่ภารกิจนี้ ข้าให้เจ้าอีกไม่ได้จริงๆ”
ฟังจากประโยคนี้ก็รู้แล้ว
หลังจากผ่านความกลัดกลุ้มตอนแรกมาแล้ว ตู๋กูฉิวไป้ก็รู้สึกดีกับคนรุ่นหลังที่ ‘มอบความพ่ายแพ้ให้เขา’ อย่างเยี่ยเว่ยหมิงมาก
ต่อให้พวกเขาจะแข่งว่าใครหน้าด้านกว่ากันก็ตาม
ในเมื่อกูตู๋ฉิวไป้พูดแบบนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วเช่นกันว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “ไม่ปิดบังความจริง เฟิงชิงหยางผู้สืบทอด ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ของท่าน กับลิ่งหูชงที่เป็นผู้สืบทอดของเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับข้าเท่าไหร่…
…ในระหว่างที่ข้าสังหารโจรราคะก่อนหน้านี้ ข้าฝืนสังหารโดยไม่สนใจที่พวกเขาเข้ามาขวาง ล่วงเกินพวกเขาไว้ไม่น้อย ถ้าอยากจะรับภารกิจจากพวกเขา ก็เกรงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้”
“นั่นก็เป็นเรื่องของเจ้าแล้ว” พอตู๋กูฉิวไป้โบกมือ ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงก็กลายเป็นแสงสีขาวหายไปจากเขตลับตู๋กูในชั่วพริบตาเดียว มาโผล่อยู่ในบ้านใหม่ของตัวเองอีกครั้ง
ขณะมองเพื่อนหกคนที่ยืนล้อมวงเพื่อปกป้องอยู่รอบๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ
เขาขยับร่างกายเล็กน้อย บอกใบ้ว่าตัวเองออกมาจากเขตลับตู๋กูอย่างปลอดภัยแล้ว พร้อมบอกว่า “ตอนนี้ใกล้หมดเวลากิจกรรมวันสารทจีนแล้ว ข้าว่าทุกคนคงไม่มีอารมณ์วิ่งออกไปเจอผีอีกแล้วกระมัง…
…วันนี้ข้าตั้งใจจะแสดงฝีมือสักหน่อย เชิญทุกคนมากินมื้ออร่อยที่บ้านสักมื้อ จะถือโอกาสแบ่งของที่ได้ตอนฆ่า BOSS ในภารกิจด้วย”