ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 414 ฆ่าปิดปากอวิ๋นจงเฮ่อ
ตอนที่ 414 ฆ่าปิดปากอวิ๋นจงเฮ่อ
เมื่อเห็นอวิ๋นจงเฮ่อมีเจตนาลอบโจมตีซานเย่ว์ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบลงมือช่วยเหลือ เพราะเขาเชื่อว่า BOSS เลเวลหกสิบห้าคนหนึ่ง ต่อให้ได้เปรียบเรื่องลอบโจมตี แต่ด้วยความสามารถของซานเย่ว์ตอนนี้ นางรับมือไหวแน่นอน
เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนที่กรงเล็บของอวิ๋นจงเฮ่อกำลังจะโจมตีสำเร็จ ซานเย่ว์พลันเคลื่อนไหวกะทันหัน หลังจากสังเกตได้ว่าอวิ๋นจงเฮ่อจะลอบจู่โจม นอกจากนางจะไม่ถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าวแล้ว กลับก้าวไปข้างหน้าเพื่อชนหน้าอกอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ไม่สนด้วยว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป็นขยุ้มไหล่ขวาของนาง นางสนใจแต่ใช้ฝ่ามือตบตรงหัวใจอีกฝ่ายเท่านั้น โจมตีอย่างสบายๆ เหมือนไม่ได้ออกแรงใดๆ
อวิ๋นจงเฮ่อเห็นแล้วดีใจมาก เพราะอิงจากกระบวนท่าที่เขาใช้ตอนนี้ กรงเล็บของเขาจะคว้าไหล่ของซานเย่ว์ได้ก่อนแน่นอน ถึงตอนนั้นต่อให้ฝ่ามือของนางจะร้ายกาจขนาดไหน แต่ก็แสดงประสิทธิภาพใดๆ ออกมาไม่ได้อยู่ดี ต่อให้นางตบบนร่างกายเขาจริงๆ แต่ก็จะไม่เกิดดาเมจใดๆ ดูแล้วเหมือนชายหญิงกำลังเกี้ยวพาราสีกันมากกว่า
แม้จะบอกว่าแตะต้องผู้เล่นในเชิงสู้สาวไม่ได้ แต่ด้วยคาแรกเตอร์ของอวิ๋นจงเฮ่อ แค่ได้หยอกเย้าผู้เล่นสาวงามสักหน่อยก็บันเทิงใจแล้ว
ทว่า ตอนที่อวิ๋นจงเฮ่อกำลังจะทำสำเร็จ ฝ่ามือขวาของซานเย่ว์ที่ตบไปถึงครึ่งทางก็พลันเร่งความเร็ว ขณะเดียวกันนี้เอง พลังฝ่ามือที่ไร้รูปร่างก็โจมตีฝ่าอากาศออกมา ถูกตำแหน่งหัวใจของอวิ๋นจงเฮ่อพอดี
ฝ่ามือทะลวงใจ!
-14856!
คริติคอลดาเมจ!
ตัวแข็ง!
นี่ก็คือจุดแข็งของฝ่ามืออ่อนโยนที่เหมือนฝ่ามือทะลวงใจ ถึงแม้จะไม่มีเอฟเฟ็กต์บังคับลอยเหมือนที่พบบ่อยในเคล็ดฝ่ามือ แต่ทุกครั้งที่ฝ่ามือโจมตีถูกตัว ก็จะติดสถานะตัวแข็งเป็นเวลาสั้นๆ
หลังจากโจมตีหนึ่งครั้งแล้วสำเร็จ ฝ่ามือขวาของซานเย่ว์กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด ฉวยโอกาสตอนที่อวิ๋นจงเฮ่อติดสถานะตัวแข็ง โจมตีด้วย ‘ฝ่ามือชาดแดง’ ตรงจุดเดิมอีกที
-8869!
ถูกพิษ!
เมื่อโจมตีสองฝ่ามือต่อเนื่อง ซานเย่ว์ก็ได้สร้างผลลัพธ์ที่ตัวเองฝึกฝนอย่างยากลำบากยาวนานทันที ชั่วพริบตาเดียวก็ลดพลังชีวิตของอวิ๋นจงเฮ่อไปได้หนึ่งในสิบ ทั้งยังถือโอกาสทำให้เขาติดสถานะถูกพิษและกระเด็นถอยหลังออกไปด้วย
พอเปิดมาก็ใช้วิธีโต้กลับการลอบจู่โจมสร้างผลลัพธ์แบบนี้ได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงปลื้มใจมาก รู้สึกเหมือนตัวเองมีผู้สืบทอดแล้ว
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ้าสู้กันต่อไป ต่อให้เป็นการสู้แบบตัวต่อตัว ซานเย่ว์ก็เอาชนะอวิ๋นจงเฮ่อที่อยู่ในสถานะนี้ได้อยู่ดี
แต่เขากังวลว่าอวิ๋นจงเฮ่อจะอาศัยวิชาตัวเบาของตัวเองถอยหนีออกไปได้ทุกเมื่อ
และด้วยวิธีการของซานเย่ว์ ถ้าคิดจะรั้งอวิ๋นจงเฮ่อไว้กลับไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าปล่อยให้อวิ๋นจงเฮ่อหนีไป เช่นนั้นพวกเขาสองคนก็จะถูกเปิดโปงแล้วจริงๆ
ยังจะเรียกว่าการแฝงตัวอย่างไรได้อีก!
เพื่อที่จะปิดปาก เยี่ยเว่ยหมิงจึงเลือกลงมืออย่างไม่ลังเล
เขาเพียงขยับขา พลันพุ่งตัวไปทางอวิ๋นจงเฮ่อ ขณะเดียวกัน กระบี่ชิงชัยซึ่งเป็นกระบี่ที่มีพลังโจมตีสูงสุดในบรรดากระบี่ยาวสามเล่มของเขาก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือแล้ว เขาพุ่งตัวตามกระบี่ ใช้ ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ แทงคอหอยของอวิ๋นจงเฮ่ออย่างแม่นยำไร้ความผิดพลาด
-36095!
เมื่อโจมตีสำเร็จหนึ่งครั้ง อวิ๋นจงเฮ่อกลับไม่มีที่เหลือให้โจมตีกลับเลย เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ใช้ ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ ที่ต้องออกท่าทางเยอะต่ออีก เปลี่ยนเป็นดันฝ่ามือซ้ายออกมาหนึ่งที โจมตีไปตรงท้องน้อยของอวิ๋นจงเฮ่ออย่างมั่นคง
อวิ๋นจงเฮ่อเพิ่งได้รับบาดเจ็บซ้ำสอง เคยเสียเปรียบครั้งใหญ่ให้เคล็ดฝ่ามือไร้เสียงของซานเย่ว์มาก่อน เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือที่ดูเหมือนกันมากของเยี่ยเว่ยหมิง มีหรือที่กล้าฝืนรับ
เขาใช้ปลายเท้าแตะพื้น ทะยานร่างขึ้นฟ้าไปข้างหลังทันที เตรียมตัวหนีแล้ว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิง อยากจะหนีไปทั้งตัวมีหรือที่จะง่ายขนาดนั้น
ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงเลียนแบบวิธีการของซานเย่ว์ พลังฝ่ามือที่ใช้ท่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ กระตุ้นล่วงหน้าก็จะแสดงความโหดกับอีกฝ่ายโดยตรง ตอนที่อวิ๋นจงเฮ่อยังไม่หลุดออกจากขอบเขตพลังฝ่ามือ ก็ทำให้เขาสะเทือนจนกระเด็นถอยหลังได้
แต่เพียงชั่วประกายไฟตอนตีหิน เยี่ยเว่ยหมิงกลับเปลี่ยนมาใช้แผนที่มั่นคงและปลอดภัยที่สุด นั่นก็คือพลิกข้อมือคีบลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งไว้ระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วชี้แล้วดีดมันออกมา
-66805!
แกร๊ง!
ฉึก!
“อูย!”
ภาพโมเสกของเลือกสาดกลุ่มหนึ่งกระจายอยู่ตรงหว่างขาของอวิ๋นจงเฮ่อ ความโหดร้ายของฉากนั้น แม้จะผ่านการแก้ไขให้เบลอไปแล้ว แต่ก็ยังทำให้ซานเย่ว์ตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง
จุดสำคัญถูกโจมตีซ้ำแบบนี้ อวิ๋นจงเฮ่ออยากจะกรีดร้องออกมาทันที
แต่เยี่ยเว่ยหมิงยังคิดจะแฝงตัวเข้าหุบเขาว่านเจี๋ยอีก มีหรือที่จะปล่อยให้เขาร้องออกมา
ตอนที่อวิ๋นจงเฮ่อเพิ่งจะอ้าปาก ยังไม่ทันส่งเสียงกรีดร้องออกมา ก็มี ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ ที่คุ้นเคยแทงออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้แทงเข้าปากอวิ๋นจงเฮ่อโดยตรง
-35886!
ตัวเลขคริติคอลดาเมจลอยขึ้นเหนือศีรษะอวิ๋นจงเฮ่ออีกครั้ง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เสียง “อา!” ที่เดิมทีควรจะดังทะลุเมฆกลายเป็นเสียงอู้อี้ว่า “อูย!” แล้ว
ซานเย่ว์ที่ขนลุกเพราะอวิ๋นจงเฮ่อถูกคริติคอลดาเมจตรงจุดสำคัญก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะข่มความรู้สึกอึดอัดในใจ ตอนนี้นางอ้อมไปอยู่ข้างหลังเขา แล้วใช้ ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ ตบหลังศีรษะของเขาต่อเนื่องสองที
เมื่อผ่านการโจมตีสองครั้งนี้ ก็ถือว่าได้ระบายอารมณ์ที่อึดอัดก่อนหน้านี้แล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ชักกระบี่ชิงชัยออกมา แล้วก็เสียบเข้าแผลเก่าเช่นกัน
ในที่สุดค่าพลังชีวิตที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของอวิ๋นจงเฮ่อก็ถูกโจมตีจนเหลือศูนย์ ร่างกายผอมกะหร่องเหมือนแท่งไม้ล้มลงตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง
เขาใช้เท้าเตะหนึ่งที ก็พบว่าเจ้าหมอนี่ยังอ่อนด้อยเหมือนเดิม ไม่น่าเชื่อว่าจะดรอปได้ของกากมากสองชิ้น
[สร้างกำแพงหนึ่งแห่ง: เป็นบทกวีที่ไพเราะบทหนึ่ง หลังจากใช้แล้วเพิ่มค่าประสบการณ์วิชาตัวเบาสองหมื่นแต้ม]
เป็นกระดาษใบหนึ่ง บนนั้นเขียนไว้ว่า: เคาะที่อักษรตัวที่สองสามที
กวีบทนี้เป็นเวอร์ชั่นถูกตอนของ ‘ร่ำลาสะพานเคมบริดจ์’ ผลลัพธ์ที่ได้ห่างไกลกับ ‘ร่ำลาสะพานเคมบริดจ์’ มาก เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นสงสัยว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตนใช้วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ตอนท่อนล่างให้อวิ๋นจงเฮ่อ ของที่ดรอปได้จึงกลายเป็นเวอร์ชั่นถูกตอนหรือไม่
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ขาดแคลนค่าประสบการณ์วิชาตัวเบา จึงโยนให้ซานเย่ว์เสียเลย
ส่วนกระดาษแผ่นนั้นเหมือนจะเป็นเบาะแสภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงจึงเก็บเข้ากระเป๋าไว้ แล้วนำโลงไม้หวงฮว่าที่ราคาค่อนข้างถูกออกมาเก็บศพอวิ๋นจงเฮ่อ
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ×1
ได้รับ ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ ×1
หลังจากเก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋า ทั้งสองก็เดินไปข้างหน้าต่อ เห็นตรงหุบเขามีต้นสนขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง บนลำต้นมีรอยฟันยาวประมาณหนึ่งจั้ง บนนั้นทาสีขาวไว้ประมาณหนึ่งฉื่อ เขียนตัวอักษรตัวใหญ่ไว้เก้าตัว
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วก็อดอ่านออกเสียงไม่ได้ “วันสุดท้ายของปี ขอบัตรรายเดือนเติมนิยายสองเท่า!”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วกลอกตามองบน พูดแก้ไขให้ว่า “อาหมิง เจ้าตาลายแล้วหรือเปล่า บนนั้นเขียนว่า ‘คนแซ่ต้วนที่เข้ามา ฆ่าไม่ละเว้น’ ต่างหาก”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงุนงง พอตั้งใจมองดีๆ ก็พบว่าเป็นอย่างที่ซานเย่ว์บอก ก็เห็นตัวอักษรแปดจากเก้าตัวเป็นสีดำ มีเพียงคำว่า ‘ฆ่า’ ที่เป็นสีแดง “ดูท่าแล้ว ต้วนเจิ้งหมิงนั่นคงพูดไว้ไม่ผิด หุบเขาว่านเจี๋ยไม่เป็นมิตรกับคนสกุลต้วนต้าหลี่อย่างพวกเขาจริงๆ แถมในกระดาษที่ดรอปได้จากอวิ๋นจงเฮ่อก็เตือนไว้แล้วว่ากลไกตรงทางเข้าหุบเขา คงต้องเคาะตรงคำว่า ‘ต้วน’ ต่อเนื่องสามที ทุกคนที่อยากเข้าหุบเขาต้องตีบนนั้น เห็นได้เลยว่าประมุขหุบเขาแค้นตัวอักษรนี้ฝังลึกขนาดไหน”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “จากที่ต้วนเจิ้งหมิงบรรยายไว้ อย่างไรเสียก็มองออกว่าต้วนอวี้เป็นเพียงเหยื่อเพื่อล่อให้พวกเขาไปช่วยเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของสี่คนโฉดก็คือสู้กับทั้งสกุลต้วนต้าหลี่ ในเมื่อเป็นฐานที่มั่นและสนามรบที่ต่อต้านสกุลต้วนต้าหลี่ ก็ต้องหาฝ่ายอำนาจที่มีความแค้นฝังลึกกับสกุลต้วนสิ”
ซานเย่ว์ชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามว่า “อิงตามหลักการของภารกิจทั่วไป ขอเพียงพวกเราเข้าหุบเขาว่านเจี๋ยแล้ว ก็น่าจะเข้าสู่พื้นที่ภารกิจพิเศษแล้ว จะส่งพิราบสื่อสารติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้ชั่วคราว เอาอย่างไร พวกเราจะเข้าไปตอนนี้เลยไหม”
นี่ก็คือจุดที่น่ารักของซานเย่ว์ แม้นางจะไม่แทรกแซงการตัดสินใจของเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก็พูดสิ่งที่ตัวเองมองออกและวิเคราะห์ได้ออกมาหมดเพื่อให้เยี่ยเว่ยหมิงพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
“เข้า ทำไมจะไม่เข้าล่ะ” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “คำอธิบายกับกลยุทธ์ของปู้คุย อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า อย่าบอกนะว่าจะให้พวกเรายืนรออยู่ตรงนี้เฉยๆ ถึงอย่างไรพวกเราก็ปิดปากอวิ๋นจงเฮ่อนั่นไปแล้ว ตอนนี้แผนการแฝงตัวเข้ามายังนับว่าราบรื่น ถ้าไม่ได้จริงๆ รอให้ถึงตอนที่สิ้นหวังค่อยถอยออกมา แล้ววางแผนใหม่ก็ยังไม่สาย”
“ข้าเชื่อฟังเจ้า!”
คำตอบของซานเย่ว์ยังคงเรียบง่ายและตรงไปตรงมาเหมือนเดิม ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงงอนิ้วเคาะคำว่า ‘ต้วน’ บนต้นไม้สามที พลังนิ้วที่ไม่มีอาวุธลับสนับสนุนอาจจะทำร้ายคนไม่ได้ แต่เคาะบนต้นไม้ก็ยังมีเสียงดังชัดเจนเหมือนเดิม
หลังจากดีดสามครั้ง หินก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆ ต้นไม้พลันจมลงพื้น เผยเส้นทางมืดสลัวทอดลึกเข้าไปในป่า
ตอนที่เหยียบเข้าไปในนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็มองแผนที่แวบหนี่ง พบว่าเขตพื้นที่ของระบบถูกสลับแล้วอย่างที่คาดไว้ เปลี่ยนเป็นแผนที่ใหม่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้หลวงจีนหลิวอวิ๋นนั่นก็คงอยู่ในแผนที่นี้เหมือนกันสินะ?
เดินไปข้างหน้าต่อด้วยจิตใจสงสัยใคร่รู้ประมาณสิบกว่าจั้ง จู่ๆ ข้างหน้าก็ปรากฏพื้นที่ว่างที่ค่อนข้างกว้าง เส้นรอบวงประมาณสามจั้ง เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วอดพูดไม่ได้ว่า “ข้ารู้สึกว่าที่นี่เหมือนมีจุดปลดล็อกภารกิจ”
ซานเย่ว์พยักหน้า “ถึงอย่างไรก็กว้างเกินไปหน่อย ในทางเดินที่แคบยาวสายนี้ ถ้าไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย การมีอยู่ของมันก็จะไร้ความหมาย”
“ฮ่าๆๆ…” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะประหลาดก็ดังขึ้น ร่างคนมหึมาโผล่ออกมาจากป่ามาปรากฏตรงหน้าทั้งสองคน ผู้มาเยือนมองเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ด้วยสายตายหยอกล้อพร้อมกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าสองคนจะบุกมาถึงที่นี่ได้ ดูท่าแล้วเจ้าสี่คงแพ้ให้พวกเจ้าสองคนสินะ! ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลย!”
เมื่อพวกเขาหันไปเพ่งมองก็เห็นว่าคนผู้นี้ไม่เพียงแค่รูปร่างสูงใหญ่ อีกทั้งอาวุธที่ใช้ก็ยังแปลกอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้…กรรไกรใหญ่?
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์สังเกตเห็นอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็กำลังหยอกล้ออยู่เช่นกัน
หลังจากกวาดสายตามองบนตัวทั้งสองคน เจ้าร่างใหญ่ก็ตาเป็นประกายทันที เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ยอดยุทธ์ที่มีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น! ก่อนหน้านี้ก็มีต้วนอวี้คนหนึ่ง หลิวอวิ๋นที่เพิ่งเจอก็อีกหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะได้พบคนที่สามเร็วขนาดนี้ สองคนก่อนข้ายังทำให้พวกเขาคำนับข้าเป็นอาจารย์ไม่ได้ เป็นอย่างไร เจ้าจะพิจารณาสักหน่อยไหม”
“คำนับเป็นอาจารย์?” เยี่ยเว่ยหมิงเบะปากพูดอย่างดูถูก “ด้วยความสามารถอย่างเจ้าน่ะหรือ เหมือนจะไม่มีคุณสมบัตินั้นนะ”
“หลีกไป” อีกฝ่ายมองข้ามคำพูดเหน็บแนมของเยี่ยเว่ยหมิง แต่สายตากลับมองซานเย่ว์อย่างตื่นเต้น “เป็นอย่างไร แม่นางน้อย ข้าว่าสมองของเจ้าหน้าตาเหมือนสมองของข้ามาก จะคำนับข้าเป็นอาจารย์ไหม”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ “หน้าตาเหมือนเจ้าอะไรกัน ตอนพูดจาก็ทำปากให้สะอาดหน่อยเถอะ!”