ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 415 ภารกิจคำนับอาจารย์ของเย่ว์เหล่าซาน
ตอนที่ 415 ภารกิจคำนับอาจารย์ของเย่ว์เหล่าซาน
ตอนนี้ซานเย่ว์โมโหมาก อยากจะตบเจ้าคนโง่ตรงหน้าสักฉาด
แม่นางคนนี้จิตใจดี อ่อนโยน น่ารักขนาดนี้ จะไปหน้าตาเหมือนเจ้าได้อย่างไร
เจ้าน่ะหน้าตากวนบาทา ยังกล้ามาดึงข้าลงไปเทียบ มีอย่างที่ไหนกัน!
คิดว่าตัวเองกำลังเทียบกับใครอยู่!
ไม่ใช่แค่ซานเย่ว์เท่านั้นที่โมโห เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกเจ้าโง่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้รีบออกหน้าแทนซานเย่ว์ เพียงยืนกอดอกเงียบๆ อยู่ข้างนางเท่านั้น ทำท่าเหมือนรอดูละครสนุกๆ
“นี่!” เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยเว่ยหมิงแบบนี้ ซานเย่ว์ก็หมุนหัวหอกเข้าหาสหายร่วมทีมทันที “เจ้าหมอนี่ เวลาแบบนี้ดันเอาแต่หัวเราะเยาะข้า เจ้าต้องช่วยเหลือข้าสิ”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “เจ้าบอกมาว่าจะให้ช่วยอย่างไร ข้าก็จะช่วยอย่างนั้น หากเจ้าต้องการฆ่าคน ข้าก็จะถือกระบี่ หากเจ้าต้องการคำนับอาจารย์ ข้าก็จะช่วยเจ้าเสนอเงื่อนไขกับเจ้าหมอนี่ ครั้งนี้ข้าเชื่อฟังเจ้า”
ตั้งแต่เจ้าโง่นี่ปรากฏตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าการเล่นลูกไม้ของอีกฝ่ายอาจจะมีภารกิจลับซ่อนอยู่ เพียงแต่เงื่อนไขการปลดล็อกภารกิจลับนี้ค่อนข้างพิเศษ วิธีการทำภารกิจให้สำเร็จก็คงจะประหลาดสุดๆ เช่นกัน
เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากทำลายโอกาสของซานเย่ว์ แต่ก็ไม่อยากหลับหูหลับตาออกความคิดให้นางไปทำภารกิจน่ารังเกียจเพื่อรางวัลภารกิจที่ยังไม่รู้ว่าจะดีหรือแย่เช่นกัน
ดังนั้นครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงจึงทำได้เพียงสนับสนุนด้านกำลังที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ตัดสินใจแทนนาง
ส่วนที่บอกว่าให้คำแนะนำ
สำหรับซานเย่ว์แล้ว คำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิงมักจะเท่ากับกำลังช่วยตัดสินใจแทนนาง
ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ซานเย่ว์เข้าเกมมาจนถึงตอนนี้ นางก็ไม่ใช่มือสมัครเล่นเหมือนตอนแรกแล้ว ในฐานะผู้เล่นที่คลั่งไคล้การทำภารกิจอย่างนาง แน่นอนว่าตระหนักได้ว่านี่อาจจะเป็นเบาะแสของภารกิจลับ
นางถึงขั้นไม่ต้องสงสัยเหมือนเยี่ยเว่ยหมิง เพราะในมือนางมีหลักฐานที่ประจักษ์ชัดแจ้ง!
“ข้าอยากให้เจ้าออกความคิดให้ข้า ดูว่าจะทำภารกิจนี้อย่างไรดี” ขณะที่พูด ซานเย่ว์ก็ส่งหลักฐานของนางเข้าไปในช่องทีมเสียเลย เป็นภารกิจกภาพหนึ่งที่นางจับภาพไว้
[คำนับเป็นอาจารย์]
โจมตีเอาชนะเย่ว์เหล่าซาน ทำให้เขาคำนับคุณเป็นอาจารย์ หรือไม่ก็ถูกเขาโจมตีจนแพ้ แล้วคำนับเขาเป็นอาจารย์
ระดับภารกิจ: เลือกได้
รางวัลภารกิจ: ยังไม่ทราบ
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: กลายเป็นลูกศิษย์ของเย่ว์เหล่าซาน
3 ดาว (สู้กับเย่ว์เหล่าซานเลเวล 50)
4 ดาว (สู้กับเย่ว์เหล่าซานเลเวล 50)
5 ดาว (สู้กับเย่ว์เหล่าซานเลเวล 70)
6 ดาว (สู้กับเย่ว์เหล่าซานเลเวล 80)
7 ดาว (สู้กับร่างแท้โหมดปกติของเย่ว์เหล่าซานเลเวล 87 )
ปฏิเสธภารกิจ (เข้าสู่โหมดตะลุยด่านแบบทีมตามปกติ)
……
หลังจากเห็นข้อมูลแนะนำของตัวละคร เยี่ยเว่ยหมิงก็เอามือลูบคางพร้อมบอกว่า “ถ้าจะให้ข้าออกความคิด ข้าว่าภารกิจนี้ยิ่งระดับสูง รางวัลก็ยิ่งดี แต่เมื่อเจ้ารับภารกิจนี้แล้ว จะต้องเข้าสู่โหมดเล่นคนเดียว ถึงตอนนั้นเกรงว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าต้องประเมินกำลังตัวเอง…
…ถ้าจะพูดให้ละเอียดกว่านี้หน่อยก็คือ ขอเพียงเป็นเลเวลที่เจ้ามีความมั่นใจจะท้าสู้คนเดียวในระดับหนึ่ง ไม่ใช่เลเวลที่เจ้าคิดว่าตัวเองสู้ไม่ไหวแน่นอน ลองดูสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วกล่าวด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน “อย่างนั้นหรือ เดิมทีข้าอยากจะท้าสู้เลเวลที่ข้ามั่นใจที่สุด ถ้าข้าแพ้ขึ้นมา ข้าก็ไม่อยากคำนับเจ้าคนสมองมีปัญหาเป็นอาจารย์หรอก แถมขีดจำกัดเลเวลของเจ้าหมอนั่นต่ำขนาดนั้น มองปราดเดียวก็รู้ว่าบนตัวไม่ได้มีของดีอะไร”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วโน้มน้าวต่อ “ข้าให้เจ้าเลือกแบบนี้ ข้าก็ย่อมมีเหตุผลของข้าอยู่แล้ว” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเสริมว่า “หากเจ้าชนะแล้ว แน่นอนว่ายิ่งศัตรูเลเวลสูง รางวัลก็ยิ่งดี ถ้าเจ้าสู้แพ้ขึ้นมา ข้าก็ลงมือสังหารเขาได้ทันที แบบนี้เจ้าก็ไม่ต้องคำนับเขาเป็นอาจารย์แล้ว…
…จากนั้น ข้าค่อยคิดหาทางสังหารร่างแท้โหมดปกติของเขา จากนี้ไปเกมนี้ก็จะไม่มี NPC คนนี้ ต่อให้เจ้าอยากจะคำนับอาจารย์ แต่ก็หาตัวเขาไม่เจอแล้ว”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตาลุกวาว หากมีหลักประกันหนึ่งชั้นแบบนี้ นางก็ทดลองท้าทายระดับความยากที่ตัวเองรับไหวได้แล้ว
ที่จริงสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้บอกก็คือ ตอนที่เขาเห็นภาพภารกิจที่ซานเย่ว์ส่งมา ความคิดแรกของเขาก็คือให้ซานเย่ว์เลือกท้าสู้กับร่างแท้ของเย่ว์เหล่าซานโหมดปกติเสียเลย
จากนั้นเขากับซานเย่ว์ก็ลงมือพร้อมกัน มีความมั่นใจแปดส่วนว่าจะทำให้อีกฝ่ายตายที่นี่ทันที
เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนอะไรที่จะได้รับจากตัวเจ้าหมอนี่ ก็ดรอปได้ทั้งหมดในรวดเดียว แบบนี้ไม่สะใจหรอกหรือ
อย่างไรเสีย หลังจากผ่านภารกิจเทศกาลสารทจีนก่อนหน้านี้มาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ก็ได้รับรางวัลเป็นค่าตบะและอุปกรณ์ไม่น้อย พลังต่อสู้ของทั้งสองสูงกว่าตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยร่วมมือกันต่อสู้กับอวิ๋นจงเฮ่อหนึ่งระดับ
ต่อให้รับมือกับ BOSS โหมดปกติเลเวลเจ็ดสิบแปดซึ่งคู่ควรกับกลยุทธ์หน้าเนื้อใจเสือของเขา โอกาสชนะก็มีมากกว่าอยู่ดี
แต่พอลองคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม
ในเมื่อเป็นภารกิจหนึ่ง เกรงว่าระบบคงมีการป้องกันวิธีการหน้าด้านบุ่มบ่ามตามอำเภอใจแบบนี้อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นโหมดท้าสู้เดี่ยว ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีวิธีสอดมือแทรกแซงระหว่างต่อสู้ของพวกเขาได้ ระบบจะทำอย่างนั้นแน่นอน
และเมื่อเผชิญหน้ากับ BOSS เลเวลแปดสิบเจ็ดโหมดปกติ ต่อให้เอาชนะได้แต่ก็ต้องทำศึกหนักแน่นอน ระหว่างนั้นสร้างเรื่องวุ่นวายได้มากมาย ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีทางคาดเดาได้ก็ตาม
ถ้าล่อสองคนโฉดอันดับหนึ่งกับอันดับสองมา เกรงว่าเขาก็คงควบคุมสถานการณ์ไม่ไหวเช่นกัน
เพื่อไม่ให้สูญเสียมหาศาลเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยจนทำให้เขาล้มเหลวในภารกิจคืน ‘มังกรผยองได้สำนึก’ สู่เจ้าของ สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดใจกล้าบ้าบิ่นนั่นไป แล้วให้ซานเย่ว์เลือกท้าสู้กับศัตรูเลเวลที่นางค่อนข้างมั่นใจ
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ซานเย่ว์ก็วิเคราะห์อย่างระมัดระวัง “คู่ต่อสู้เลเวลห้าสิบกับหกสิบ ข้ามั่นใจว่าจะชนะได้แน่นอน ส่วนเลเวลเจ็ดสิบถ้าระวังตัวหน่อย ข้าก็มีความมั่นใจสามส่วน”
เมื่อเห็นสายตากึ่งอมยิ้มของเยี่ยเว่ยหมิง ซานเย่ว์ก็ทำได้เพียงอธิบายอย่างจนใจ “อย่ามองข้าอย่างนั้น ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่เจ้า ความมั่นใจสามส่วนนี้คือขีดจำกัดสูงสุดของข้าแล้ว ถ้าให้เลือกเลเวลแปดสิบ ข้าก็ไม่มั่นใจในชัยชนะเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึง BOSS ร่างแท้โหมดปกติ”
พอพูดจบซานเย่ว์ก็ยักไหล่ “สถานการณ์โดยละเอียดก็เป็นแบบนี้ เจ้าคิดว่าข้าควรจะสู้กับเลเวลหกสิบ หรือเจ็ดสิบดี”
เมื่อเห็นของสามอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงวางไว้ในแถบซื้อขาย ซานเย่ว์ก็ตาเป็นประกายทันที แล้วพูดอย่างมั่นใจมากกว่า “อาหมิง เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ! พอมีของสามอย่างนี้แล้ว แม้ข้าจะยังท้าสู้ศัตรูเลเวลแปดสิบไม่ได้ แต่สำหรับศัตรูเลเวลเจ็ดสิบ ข้ามั่นใจเต็มร้อยว่าจะเอาชนะได้ เจ้าคอยดูแล้วกัน!”
พอพูดจบ ซานเย่ว์ก็กดเลือกยืนยันอย่างไม่เกรงใจ รับอุปกรณ์สามชิ้นที่เพียงพอจะพลิกสถานการณ์ต่อสู้ได้มาจากเยี่ยเว่ยหมิง
หลังใส่อุปกรณ์สองในสามไว้บนตัวอย่างแนบเนียน รูปลักษณ์ภายนอกของซานเย่ว์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลังจากเลือกศัตรูเลเวลเจ็ดสิบอย่างมั่นใจในตัวเองแล้ว ซานเย่ว์ก็ถลันตัวอ้อมไปอยู่ข้างหลังเย่ว์เหล่าซาน แล้วยกฝ่ามือตบแผ่นหลังของอีกฝ่าย
ความเร็วของท่าร่าง ความไวของพลังฝ่ามือ เมื่อเทียบกับตอนสู้กับอวิ๋นจงเฮ่อก่อนหน้านี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ!