ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 416 กระบี่จงมา·ข้าวสารสองกระสอบ·สังหารพันปี!
ตอนที่ 416 กระบี่จงมา·ข้าวสารสองกระสอบ·สังหารพันปี!
[รองเท้าเจ้าลมกรด (อาวุธล้ำค่า): …ท่าร่าง +300 ความว่องไว +200 เลเวลทักษะวิชาตัวเบาทั้งหมด +1!]
ท่าร่างสามร้อยแต้ม บวกความว่องไวอีกสองร้อยแต้ม แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นเยอะมาก
ยิ่งไปกว่านั้น รองเท้าคู่นี้ก็ยังมีค่าสเตตัสเสริมเป็นเลเวลท่าร่าง +1 กล่าวได้ว่าเป็นรองเท้าที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่ง
ตอนแรกที่อยู่ทุ่งหญ้ามองโกล เยี่ยเว่ยหมิงมีเพียงวิชาตัวเบา ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ สาเหตุที่เขากล้าพูดประชดน้องดาบที่มีวิชาตัวเบาระดับสูงว่า ‘เจ้าวิ่งเร็วจริงๆ’ ที่จริงก็เป็นเพราะเขามีที่พึ่ง นั่นก็คือรองเท้าเจ้าลมกรดคู่นี้นั่นเอง
เมื่อซานเย่ว์ใส่รองเท้าแล้ว ไม่เพียงแค่ความเร็วของท่าร่างที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก แม้แต่ทักษะความว่องไวก็เพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกันด้วย ยามเผชิญหน้ากับเย่ว์เหล่าซานเลเวลเจ็ดสิบก็โต้ตอบกันไปมาระหว่างต่อสู้ได้เช่นกัน
ส่วนการที่เคล็ดฝ่ามือของนางมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นไม่ได้ผลงานของอุปกรณ์ แต่มาจากคัมภีร์โบราณยุคก่อนราชวงศ์ฉินเล่มหนึ่งในกระเป๋าที่เพิ่มพลังต่อสู้ได้ต่างหาก
คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร: …วิทยายุทธ์ประเภทหมัดฝ่ามือเลเวล +1!
เมื่อมีอุปกรณ์สองอย่างนี้ ประกอบกับสามเคล็ดฝ่ามือที่มีจุดแข็งต่างกันอย่าง ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ ‘ฝ่ามือชาดแดง’ และ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ซึ่งซานเย่ว์ฝึกจนชำนาญและสลับใช้งานได้ตามใจคิด ก็ทำให้นางสู้กับเย่ว์เหล่าซานเลเวลเจ็ดสิบได้อย่างสูสี
ในการต่อสู้ศึกนี้ ซานเย่ว์แสดงความดุร้ายของ ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ ความอำมหิตของ ‘ฝ่ามือชาดแดง’ และความปลิ้นปล้อนของ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ออกมาอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์การต่อสู้ของนางโชกโชนกว่าเมื่อก่อนไม่รู้ตั้งเท่าไร
ถ้าเป็นแบบนี้ แม้ซานเย่ว์จะอาศัยจุดอ่อนที่อีกฝ่ายสมองไร้ไหวพริบค่อยๆ วางแผนรับมือ แต่เนื่องจากเลเวลของทั้งสองแตกต่างกันมาก โอกาสชนะของนางก็ยังไม่เกินเจ็ดส่วนอยู่ดี
ที่พึ่งพาที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ซานเย่ว์กล้าตบอกรับประกันว่าเอาชนะได้แน่นอน ยังคงเป็นอุปกรณ์ชิ้นที่สามที่เยี่ยเว่ยหมิงให้นางยืม
หลังจากประมือกับเย่ว์เหล่าซานไปสิบกว่ากระบวนท่า แต่กลับไม่ได้เปรียบใดๆ ในการต่อสู้ ในที่สุดซานเย่ว์ก็ไม่เสียเวลาอีก หลังจากหลบกรรไกรปากจระเข้ที่ตัดเข้ามาและโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ามือ ระหว่างที่ถอยหลังก็พลันยิงเมล็ดโพธิ์เจ็ดเมล็ดต่อเนื่องกันและยิงวัตถุสีแดงเพลิงซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไรใส่อีกฝ่าย
เมื่อเห็นความดุดันของอาวุธลับที่ซานเย่ว์ยิงออกมา เย่ว์เหล่าซานก็รีบโบกกรรไกรปากจระเข้ขึ้นมาต้าน หลังจากเขาปัดเมล็ดโพธิ์เจ็ดเมล็ดร่วงลงพื้นหมดแล้ว ตรงหน้ากลับมืดลงกะทันหัน เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบดบังแสงอาทิตย์เหนือศีรษะ
เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นวัตถุสีแดงเพลิงนิรนามก่อนหน้านี้พอดี ตอนนี้มันขยายใหญ่ขึ้นแล้ว กลายเป็นนกตัวใหญ่สีแดงที่ขนาดตัวเท่าลูกวัวบินวนอยู่บนฟ้าเหนือศีรษะของเขา ดวงตาคู่นั้นจ้องเขาไม่ละสายตา เตรียมจะโฉบลงมาในแนวเฉียง รอโจมตีเจ้าร่างใหญ่คนนี้ได้ทุกเมื่อ
“ข้าเลือกเจ้าแล้ว เจ้าแดง!” พอปล่อยสัตว์เลี้ยงของเยี่ยเว่ยหมิงมาช่วยต่อสู้ ซานเย่ว์ก็มีความมั่นใจหลายร้อยเท่าทันที นางพลันพุ่งตัวไปข้างหน้า ฝ่ามือขาวหมดจดดุจหยกเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือดแล้ว พร้อมตะโกนเสียงสูงอย่างพวกจูนิเบียวว่า “มาร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้างข้าสิ!”
หลังจากนั้นห้านาที…
“ท่านอาจารย์สูงส่ง โปรดรับการคำนับของศิษย์!”
เย่ว์เหล่าซานถูกซานเย่ว์กับเจ้าแดงร่วมมือกันโจมตีจนเลือดนอง ตอนนี้กำลังคุกเข่าโขกศีรษะที่พื้น คำนับซานเย่ว์เป็นอาจารย์ตามสัญญา ทำเอานางที่กำลังลำพองใจเพราะเพิ่งสู้ชนะ BOSS เลเวลเจ็ดสิบทำอะไรไม่ถูก
มีชายวัยกลางคนร่างใหญ่มาคุกเข่าตรงหน้าแบบนี้ นางรู้สึกไร้ประสบการณ์เหมือนหญิงสาวที่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวครั้งแรก
ยังเป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆ กล่าวถึงประเด็นสำคัญของการประลองครั้งนี้ออกมาโดยตรง “เย่ว์เหล่าซาน เจ้าคำนับอาจารย์อย่างนี้ ถือว่าขาดธรรมเนียมบางอย่างไปนะ”
เย่ว์เหล่าซานได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ ลุกพรวดขึ้นมาจากพื้นทันทีแล้วกล่าวอย่างดุดันว่า “ข้าคือเย่ว์เหล่าเอ้อร์!”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดเลิกคิ้วไม่ได้ “เจ้าอยากเป็นเหล่าเอ้อร์ขนาดนั้นเชียวหรือ”
เย่ว์เหล่าซานโมโหกว่าเดิม “เหล่าเอ้อร์[1]ที่ข้าหมายถึง กับเหล่าเอ้อร์ที่เจ้าพูดถึง เป็นคนละเหล่าเอ้อร์กัน! เจ้าหนุ่มน้อยหน้าขาว เจ้ากล้าด่าข้าอ้อมๆ อย่างนั้นหรือ คอยดูเถอะ ข้าจะใช้กรรไกรตัดเจ้าเป็นสองท่อน!” พอพูดจบ ก็โบกกรรไกรปากจระเข้ตัดเข้ามาทางเอวของเยี่ยเว่ยหมิง
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่รู้สึกเสียหน้าที่ตัวเองสู้แพ้ จึงใช้วิธีนี้เบี่ยงเบนความสนใจโดยไม่รู้ตัว
เมื่อภารกิจคำนับอาจารย์จบลง พลังชีวิตของเจ้าเวรนี่ก็กลับมาเต็มในชั่วพริบตาเดียว เขาถึงได้มีความกล้าหาญพอจะท้าสู้กับเยี่ยเว่ยหมิง
แต่เยี่ยเว่ยหมิงเป็นใครกัน เขาเป็นคนที่สนใจปัญหาของคนอื่นด้วยหรือ
ขณะมองเย่ว์เหล่าซานโจมตีมาทางตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็กวักมืออย่างไม่จริงจัง กระบี่ทองปัวสวินปรากฏอยู่ในฝ่ามือขวาของเขาแล้ว พอเขาพลิกมือยื่นไปข้างหน้า แม้ลงมือทีหลัง แต่กระบี่กลับแทงถึงหว่างคิ้วของเย่ว์เหล่าซานก่อน
ตัดสินตามความเร็วในการออกกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงกับความยาวของกระบี่ทองปัวสวิน หากทั้งสองคนไม่มีใครเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน กระบี่ทองปัวสวินของเยี่ยเว่ยหมิงก็จะถึงคอหอยของอีกฝ่ายก่อนแน่นอน
อาศัยค่าสเตตัสพิเศษที่ทำให้ความรู้สึกเจ็บรุนแรงขึ้นของกระบี่ทองปัวสวิน เมื่อถูกกระบี่นี้แทงเมื่อไร อีกฝ่ายจะต้องแบกรับความเจ็บปวดมหาศาลเพราะถูกแทงจุดสำคัญแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการโจมตีเดิม ถึงขั้นถูกขัดจังหวะกระบวนท่าตอนโจมตีด้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน เยี่ยเว่ยหมิงก็มั่นใจว่าหลังจากแทงอีกฝ่ายหนึ่งกระบี่แล้ว ตัวเองจะหลบกรรไกรของอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน
ทว่าแม้เย่ว์เหล่าซานจะเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง แต่เมื่อต่อสู้กันขึ้นมากลับไม่ได้โง่ เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าตรงหน้าจะทำให้ตัวเองเสียเปรียบ เขาก็รีบเก็บกรรไกรและถอยหลังไป
แต่คนทึ่มอย่างเขาจะเข้าใจหลักการที่แม้แต่ BOSS ฉลาดๆ มากมายยังต้องได้รับบทเรียนเลือดก่อนถึงจะหลาบจำได้อย่างไร: หาเรื่องเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว คิดจะถอยก็ถอยง่ายๆ ได้อย่างไร
เมื่อเห็นเย่ว์เหล่าซานถอยหลัง มือที่กุมกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงกลับคลายออกกะทันหัน ปล่อยให้กระบี่ทองปัวสวินแทงไปข้างหน้าต่อตามแรงเฉื่อย การเปลี่ยนแปลงนี้ดูเหมือนไร้เหตุผล แม้แต่เย่ว์เหล่าซานก็เผยสีหน้าดูถูกแวบหนึ่ง แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับดีดนิ้วหนึ่งที ใช้นิ้วกลางดีดบนหางกระบี่
แกร๊ง!
พลังของดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้บนกระบี่ทองปัวสวิน พลังนิ้วทำให้กระบี่ล้ำค่ากลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งยิงไล่ตามเย่ว์เหล่าซานทันที
เย่ว์เหล่าซานหลบทันแค่จุดสำคัญตรงคอหอยเท่านั้น บ่าขวากลับถูกคมกระบี่ปาด ขณะที่เลือดสดไหลออกมา ค่าสเตตัสพิเศษของอาวุธโหดชิ้นนี้ก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน
แกร๊ง! หลังจากกระบี่ทองปัวสวินปาดทำร้ายเย่ว์เหล่าซานแล้ว ด้ามกระบี่ที่ตอกอยู่บนลำต้นของต้นสนข้างหลังเขาก็ยังสั่นเล็กน้อย
“เจ้าหนุ่มหน้าขาว บังอาจใช้กลอุบายกับบิดาหรือ!”
ไม่อย่างนั้นจะพูดได้อย่างไรว่าเย่ว์เหล่าซานเป็นเจ้าทึ่มคนหนึ่ง ถ้าเป็น BOSS ที่ฉลาดสักหน่อย หลังจากเสียเปรียบแล้วหนึ่งครั้งจะต้องเกรงกลัวความหน้าเนื้อใจเสือของเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่เห็นว่าในมื่อเยี่ยเว่ยหมิงไร้กระบี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งเสียงร้องประหลาดแล้วถือกรรไกรปากจระเข้กระโจนเข้ามาอีกครั้ง
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับยิ้มบางๆ มือขวาใช้ท่า ‘มังกรโรมรันกลางไพร’ รับกับกรรไกรที่โจมตีเข้ามาจนมันเบี่ยงออกไป จากนั้นมือซ้ายก็ใช้ท่ามังกรซ่อนกบดานผลักที่หน้าอกของอีกฝ่าย
แม้เจ้าหมอนี่จะหลบได้ทันเวลา แต่ก็ยังถูกฝ่ามือที่ปลดล็อกการใช้งานล่วงหน้าของเขาตบจนปราณแท้ป้องกันตัวสลาย ถือโอกาสโจมตีจนเกิดตัวเลขดาเมจที่ไม่สูงไม่ต่ำขึ้นมาชุดหนึ่ง
แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ใช้ฝ่ามือพิชิตมังกรสองท่านี้จนอีกฝ่ายตาย ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้แจกรางวัลภารกิจให้ซานเย่ว์ ยังไม่ทันโม่แป้งเสร็จก็ฆ่าลา[2]เสียแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงจะทำเรื่องโง่ๆ ทำนองนั้นได้อย่างไร
ท่าไม้ตายที่แท้จริงของเขาก็คือ…
“กระบี่จงมา!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่ใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ทำลายปราณแท้ป้องกันตัวของเย่ว์เหล่าซาน ค่าสเตตัสพิเศษ ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ที่มาพร้อมกับฉายา ‘คนกระบี่’ ก็เริ่มทำงาน ดึงกระบี่ทองปัวสวินที่ดีดออกไปก่อนหน้านี้กลับมาจากลำต้นเงียบๆ อาศัยกำลังภายในและพลังจิตที่เยี่ยเว่ยหมิงกรอกเข้าตัวกระบี่ก่อนหน้านี้เป็นแรงฉุด ฉวยโอกาสตอนที่เย่ว์เหล่าซานยังยืนตรงตัวไม่ได้ แทงไปยังจุดที่ค่อนข้างอ่อนแอตรงข้างหลังเขาเสียเลย
กระบี่จงมา…ข้าวสารสองกระสอบ…สังหารพันปี!
“อา!”
เมื่อเสียงกรีดร้องที่ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น เย่ว์เหล่าซานก็โยนกรรไกรปากจระเข้ในมือทิ้ง แล้วใช้สองมือกุมสะโพกทันที ร่างกระโดดสูงขึ้นมาสองจั้งกว่า แสดงให้เห็นถึงวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมที่ไม่สอดคล้องกับร่างกายของเขา
แต่แม้เขาจะมีวิชาตัวเบาระดับสูง แต่อย่างไรเสียก็เหาะไม่ได้ หลังจากกระโดดจนถึงขีดจำกัดความสูง จู่ๆ ก็ตกลงมาอีกแล้ว
ตุ้บ!
ว่ากันว่ายิ่งกระโดดสูง ตอนตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ เห็นได้ชัดว่าวิชาตัวเบาของเย่ว์เหล่าซานไม่ถึงขั้นทำให้ตัวลอยขึ้นสูงถึงระดับที่ตกลงมาบาดเจ็บ แต่ได้โปรดอย่าลืมว่าจุดสำคัญบางจุดบนร่างกายเขาเพิ่งจะถูกกระบี่ทองปัวสวินแทงเน้นๆ หนึ่งที
ตรงจุดนั้นยังมีเลือดออกอยู่เลย!
แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขากลับกระโดดสูงแล้วก็ตกลงมาสะเทือนพื้นอย่างแรง…ความรู้สึกแบบนั้น จะลองไปคิดเอาเองสิ!
อย่างไรเสียเย่ว์เหล่าซานก็เจ็บจนกลิ้งบนพื้นสามตลบ เสร็จแล้วถึงได้รีบอาศัยทักษะการฟื้นฟูตัวเองมาห้ามเลือดและความเจ็บปวดตอนอยู่โหมดต่อสู้กับผู้เล่น
เขาพลิกตัวกระโดดขึ้นมาจากพื้น หลังจากมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างระแวงแวบหนึ่ง ก็หันตัวเลี้ยวหนีไปเลย แม้แต่กรรไกรปากจระเข้ที่เขาทำตกไว้ก็ไม่สนใจแล้ว
แต่ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายหนีเข้าป่า เห็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ถลันตัวออกมาขวางอยู่ตรงหน้าแล้ว เขามองกระบี่ทองปัวสวินที่ถูกระบบล้างรอยเลือดและสิ่งสกปรกออกแล้วแวบหนึ่งแล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ในเมื่อจะคำนับเป็นอาจารย์ ก็ต้องนำของขวัญที่เหมือนจะคำนับอาจารย์ออกมาสักหน่อยสิ”
“ไอ๊หยา…เจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่คิดรอบคอบจริงๆ ถ้าเจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมแล้ว” เวลาที่สมควรจะโง่ เจ้าทึ่มก็รู้จักทำตัวโง่เช่นกัน เขาแสร้งทำเป็นเข้าใจกระจ่างในฉับพลันแล้วเดินมาตรงหน้าซานเย่ว์ นำกรรไกรเล็กด้ามหนึ่งที่ทาสีดำทั้งหมดยื่นให้ซานเย่ว์พร้อมบอกว่า “ท่านอาจารย์ผู้สูงส่ง โปรดรับของขวัญเล็กน้อยของศิษย์ด้วย ศิษย์ขอตัวก่อน!”
ผลปรากฏว่าหลังจากเก็บกรรไกรปากจระเข้ขึ้นมาแล้วเตรียมจะหนี กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงขวางไว้ก่อน
เย่ว์เหล่าซานร้อนรนทันที “เจ้าหนุ่มหน้าขาว ของข้าก็ให้ไปแล้ว เจ้าจะเอาอย่างไรอีก”
สำหรับคำเรียก ‘เจ้าหนุ่มหน้าขาว’ ที่เย่ว์เหล่าซานเรียกตน เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าเป็นคำชม ไม่โกรธเลยสักนิด เพียงใช้สายตาที่สงบนิ่งมองซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกัน
นางเห็นแล้วยิ้ม ส่งลิงก์อุปกรณ์ในช่องทีมทันที
[1] เหล่าเอ้อร์ 老二 มีสองความหมาย 1. น้องรอง 2. คนปัญญาอ่อน
[2] ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง 卸磨杀驴 เป็นสำนวนหมายถึงหมดประโยชน์แล้วฆ่าทิ้ง