ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 418 จั่วจื่อมู่ไร้ยางอาย
ตอนที่ 418 จั่วจื่อมู่ไร้ยางอาย
ต้องบอกเลยว่าจั่วจื่อมู่เป็นคนที่เหนือความคาดหมายจริงๆ
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งเห็นเจ้าหมอนี่ยังนึกว่าเขาจะกลายมาเป็นแรงสนับสนุนให้ตนเพื่อที่จะช่วยลูกอยู่เลย
แต่เมื่อเยี่ยเอ้อร์เหนียงข่มขู่ก็เกิดหักมุมขึ้นมาเสียอย่างนั้น เจ้าเวรนี่ก็กลายเป็นแรงนับสนุนที่แข็งแกร่งให้เยี่ยเอ้อร์เหนียงทันที
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีตัวประกันอยู่ในมือ ด้วยนิสัยของจั่วจื่อมู่ที่เป็นฝ่ายเสนอว่าจะลักพาตัวเด็กมาแลก การที่เขาตัดสินใจแบบนี้ก็ไม่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกแปลกใจเลยสักนิด
แต่หลังจากสองคนตรงหน้าเผยค่าสเตตัส BOSS ของพวกนางออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าตัวเองเดาผิดอีกแล้ว
[จั่วจื่อมู่]
เจ้าสำนักอู๋เลี่ยงสาขาตะวันออก
เลเวล: 59
พลังชีวิต: 160000/160000
กำลังภายใน: 90000/90000
……
นี่ไม่ใช่ปัญหาว่ากำลังเสริมของใคร เพราะไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน ก็ถือเป็นกำลังเสริมไม่ได้ทั้งนั้น!
อย่างมากก็เป็น…มอนสเตอร์อีลิทที่อยู่ข้างกาย BOSS?
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมตอนที่บอกว่าเจ้าสองคนนี้เผยค่าสเตตัส BOSS ใช้คำว่า ‘พวกนาง’ ไม่ใช่ ‘พวกเขา’ เพราะกำลังหลักของพวกนางก็คือเยี่ยเอ้อร์เหนียง!
[เยี่ยเอ้อร์เหนียง]
เลเวล: 77
พลังชีวิต: 360000/360000
กำลังภายใน: 250000/250000
……
เมื่อเทียบกับจั่วจื่อมู่เลเวลห้าสิบเก้าที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเอ้อร์เหนียงต่างหากที่เป็นศัตรูโหดที่แท้จริง!
แต่ในสายตาเยี่ยเว่ยหมิง คำขู่ที่มาจากนางก็เหมือนจะไม่ใหญ่โตอะไร
ในเมื่อ BOSS เผยค่าสเตตัสออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกำชับซานเย่ว์เสียเลยว่า “จั่วจื่อมู่ส่งให้เจ้าจัดการแล้วกัน” พอพูดจบ เขาก็ถลันตัวเข้าไปทางเยี่ยเอ้อร์เหนียงทันที
มือขวาของเขาพลันดึงอากาศแล้วกระบี่แสงทองก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือ ดูแล้วเหมือนถูกเขาดึงออกมาจากอากาศ
ความอวดเก่งเต็มสิบ!
ในกระเป๋าของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้มีกระบี่ยาวระดับอาวุธล้ำค่าอยู่สามเล่ม การใช้งานของแต่ละเล่มไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว เขาเลือกกระบี่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริงของศัตรูที่สุดมาใช้ต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
เยี่ยเอ้อร์เหนียงที่อยู่ตรงหน้า ดูท่าแล้วไม่น่าจะอ่อนแอ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เขาก็ยังเลือกกระบี่แสงทองที่ค่าสเตตัสครอบคลุมทุกด้านที่สุดมาใช้รับมือกับศัตรูอย่างระมัดระวัง
แม้กระบี่ล้ำค่าสามเล่มนี้จะอยู่ในมือเขาแล้ว แต่ในสายตาคนนอก ล้วนมองเห็นมันเป็นกระบี่อาญาสิทธิ์
กระบี่เล่มหนึ่งอยู่ในมือ เยี่ยเว่ยหมิงพุ่งตามกระบี่ออกไปทันที ใช้ท่าปลุกปั่นกระบี่แทงตรงไปที่คอหอยของเยี่ยเอ้อร์เหนียง
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ลงมือรวดเร็วมากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหักค่าวีรบุรุษ เขาตั้งใจผ่อนความเร็วตอนออกกระบี่ กังวลว่าเยี่ยเอ้อร์เหนียงจะตาลีตาลานใช้ทารกน้อยในอ้อมกอดมาบังกระบี่ ถึงตอนนั้นถ้าเขาเก็บกระบี่ไม่ทันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าค่าวีรบุรุษของเขาจะถูกหัก
ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเห็นกระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงแทงเข้ามา ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเอ้อร์เหนียงจะเบี่ยงตัวโดยจิตใต้สำนึก ย้ายทารกในมือให้ห่างจากกระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงก่อน ส่วนตัวเองก็แค่หลบพ้นแค่จุดสำคัญบนร่างกายเท่านั้น ไหล่ซ้ายกลับถูกกระบี่นิดหน่อย
-11534!
คมกระบี่แสงทองปาดผ่านไหล่ซ้ายเยี่ยเอ้อร์เหนียง แต่เนื่องจากอีกฝ่ายหลบทัน คมกระบี่เพียงแฉลบฟันเนื้อหนังออกไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สร้างผล ‘ตัดเส้นเอ็น’ แต่อิงตามวิธีคำนวณดาเมจในเกม กระบี่นี้ก็ยังโจมตีหักค่าพลังชีวิตของนางไปแล้วหลักหมื่น
เมื่อถูกโจมตีครั้งนี้ เยี่ยเอ้อร์เหนียงสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน จิตสังหารปรากฏในดวงตาทั้งคู่
วินาทีต่อมา ไม่น่าเชื่อว่านางจะโยนทารกที่ตัวเองเพิ่งใช้ร่างกายปกป้องมาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ขณะเดียวกันตัวเองก็ถอยหลังออกไป
นางไม่ได้ออกแรงโยนมากนัก แต่ถ้าปล่อยให้เป็นการตกแบบเสรี ก็มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ แถมอีกฝ่ายยังเป็น NPC ถ้าทำร้ายชีวิตเด็กผู้บริสุทธิ์ระหว่างต่อสู้ เกรงว่าค่าวีรบุรุษก็ต้องหักจากผู้เล่นอย่างเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ดี
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าต่อไประบบจะหักค่าวีรบุรุษของเขาเท่าไร ถ้าครั้งนี้หักเยอะเกินไป ทำให้ฉายาของเขาเปลี่ยนจากปราชญ์จอมยุทธ์กลายเป็นฮีโร่ ตอนที่กลับไปรายงานผลภารกิจ ถ้าซ่งปิงอี่ผิดสัญญาขึ้นมาจะทำอย่างไร
การคำนวณต่างๆ แวบผ่านเข้ามาในหัวเร็วมาก เยี่ยเว่ยหมิงใช้มือข้างหนึ่งรับทารกมาไว้ในอ้อมกอด ตอนที่คิดจะตามเยี่ยเอ้อร์เหนียงไป เขากลับพบว่าหลังจากนางโยนทารกทิ้งไว้แล้วก็เลี้ยวเข้าไปในป่าทึบทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
หนีไปง่ายๆ อย่างนั้นแล้ว…
อยู่ในสภาพที่ค่าพลังชีวิตเกือบเต็มแท้ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่านางจะหนีไปแล้ว!
ขั้นตอนแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วหน้าเหวอไปเลย
จะว่าไป เจ้าเป็น BOSS เลเวลเจ็ดสิบเจ็ดไม่ใช่เหรอ เพิ่งเริ่มประลองก็หนีแล้ว?
ต่อสู้แบบขอไปทีอย่างนี้จะดีจริงๆ เหรอ
แต่กลุ้มใจก็ส่วนกลุ้มใจ ถึงอย่างไรฝีมือของเยี่ยเอ้อร์เหนียงก็ไม่ได้แย่อยู่แล้ว ถ้านางไม่มีความคิดจะพัวพันต่อสู้เลย คิดแต่จะหนีไปอย่างเดียว ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็รั้งนางไว้ไม่อยู่
“ลูกของข้า!” เมื่อเห็นเยี่ยเอ้อร์เหนียงกลัวการต่อสู้แล้วหนีไป จั่วจื่อมู่ที่กำลังถูกซานเย่ว์ทุบก็ทำท่าเหมือนจะรุกโจมตี แต่ก็กระโดดออกจากวงต่อสู้ไปแล้ว
ส่วนซานเย่ว์เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ไล่ตามโจมตีต่อเช่นกัน เพียงยืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากทั้งสอง เตรียมพร้อมเพื่อลงมือทุกเมื่อ เพียงรอให้เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่ง นางก็จะโจมตีผู้ชายที่วางมาดภูมิฐานให้ตายคาที่เสียเลย
ตอนนี้ท่าทางดุร้ายของจั่วจื่อมู่กลับหายไปแล้ว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก กล่าวอย่างหน้าด้านว่า “จอมยุทธ์น้อยทั้งสอง พวกท่านสองคนล้วนเป็นขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ โอบอ้อมอารีมีเมตตา คุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า วีรบุรุษแห่งฟ้าดิน องอาจห้าวหาญ…เมื่อครู่นี้ข้ามีความปรารถนาแรงกล้าที่จะปกป้องลูกชาย ถูกเยี่ยเอ้อร์เหนียงบีบคั้นจนต้องลงมือกับพวกท่าน หวังว่าปราชญ์จอมยุทธ์จะใจกว้าง อย่าถือสากันเลย”
ขณะที่พูด เขาก็เตรียมตัวจะรับลูกกลับมาจากมือของเยี่ยเว่ยหมิง
“ช้าก่อน!” เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังก้าวหนึ่ง หลบมือของอีกฝ่ายที่กำลังจะรับตัวเด็กไป พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคิดจะนำเด็กคืนกลับไปอย่างนั้นหรือ”
จั่วจื่อมู่ได้ยินแล้วตะลึงงัน จากนั้นก็ยิ้มสู้อีกครั้ง กล่าวเสียงต่ำว่า “พวกท่านทั้งสองล้วนเป็นขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ หากไม่คืนเด็กให้ข้า หรือว่าต้องการจะให้ข้าแสดงท่าทีอะไรหรือเปล่า…
…แน่นอน ทั้งสองช่วยชีวิตลูกข้ามาจากมือนางแก่ใจร้ายเยี่ยเอ้อร์เหนียง ข้าก็ควรนำบางสิ่งมาแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ แต่น่าเสียดายที่ข้ามาเพื่อไล่ตามเยี่ยเอ้อร์เหนียง ตอนออกมาฉุกละหุกมาก บนตัวไม่ได้พกของล้ำค่าอะไรมาก ท่านดูนี่…”
มองออกเลยว่าจั่วจื่อมู่คนนี้ไม่อยากควักทุน เตรียมจะนำตัวเด็กกับไปเฉยๆ โดยไม่จ่ายอะไร
ที่จริงแล้วหากจั่วจื่อมู่คนนี้ไม่ได้นิสัยแย่มาก คนที่มีคุณธรรมและไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเยี่ยเว่ยหมิงก็อาจจะไม่รับผลประโยชน์พวกนี้ก็ได้
อย่างไรเสีย วิญชูชนเมื่อต้องการทรัพย์สิน ก็ต้องหามาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง!
การนำลูกของอีกฝ่ายมาข่มขู่เพื่อรีดไถผลประโยชน์ เรื่องพรรค์นี้เขาทำไม่ลง
แต่ปัญหาก็คือ ตั้งแต่จั่วจื่อมู่โผล่เข้ามาในฉากก็แสดงความชั่วร้ายสุดขีดออกมาแล้ว กล่าวได้ว่าแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ออกมาสารพัด
สำหรับคนประเภทนี้ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่เกรงใจเขาอยู่แล้ว
ดูจากท่าทางของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะคำพูดประชดประชันทั้งสอง อยากจะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงยอดยุทธ์คุณธรรมบีบให้พวกเขาต้องคืนเด็กให้แต่โดยดี
แบบนี้เรียกว่าอะไร คิดจะรังแกวิญญูชน ก็ต้องใช้วิธีการที่สมเหตุสมผล?
คิดว่าตัวเองกำลังเล่นกับใครอยู่!
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งไม่คิดจะให้ท้ายเขา เดิมทีเยี่ยมเว่ยหมิงเตรียมจะขูดเลือดขูดเนื้อเขานิดหน่อยเท่านั้น
แต่ในเมื่อจั่วจื่อมู่กล้าเล่นลูกไม้นี้กับข้า ก็อย่าโทษว่าข้ามือโหดใจดำก็ ถลกหนังเจ้าออกหนึ่งชั้นก็แล้วกัน!
ถ้าวันนี้ไม่ทำให้รู้สักหน่อยว่าผู้ช่ำชองแนวทางกระบี่คืออะไร เจ้าก็จะไม่รู้ว่าเหตุใดดอกไม้จึงเป็นสีแดง!
พอนึกถึงตรงนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มไร้พิษภัย พร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า “ตัวคนไม่มีของล้ำค่าก็ไม่เป็นไร พวกเราลงนามสัญญากันไว้ก่อนได้”