ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 426 บาปนี้ใครจะรับไว้
ตอนที่ 426 บาปนี้ใครจะรับไว้
เมื่อได้ยินคำถามของสาวน้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นประกายทันที
สาวน้อยเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องช่วยคน
ในหุบเขาว่านเจี๋ยแห่งนี้ สองคนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือย่อมมีเพียงต้วนอวี้กับมู่หว่านชิง
นางเรียกต้วนอวี้ว่าพี่ใหญ่ เห็นได้ชัดว่าจิตใจเอนเอียงไปทางพระเอกอย่างต้วนอวี้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจจะได้เบาะแสใหม่ๆ จากนางก็ได้?
พอนึกถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะเอ่ยปากพูด แต่กลับเห็นเจ้าอ้วนชนะฟ้าส่งข้อความมาในช่องทีม [หากข้าเดาไม่ผิด แม่นางคนนี้คงจะเป็นจงหลิง ลูกสาวอจงว่านโฉว ประมุขหุบเขาว่านเจี๋ย เหมือนนางก็ชอบต้วนอวี้เช่นกัน แต่ความรู้สึกไม่ได้รุนแรงเท่ามู่หว่านชิง ตอนหลังเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นน้องสาวของต้วนอวี้ นางก็ยอมเป็นน้องสาวที่ดีคนหนึ่งอย่างสงบใจแล้วจริงๆ ไม่ได้มีความคิดอะไรที่รุนแรงเกินไป]
“ช้าก่อน”
ส่วนจงหลิงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นตรงหน้ามีคนเยอะขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครตอบคำถามนางสักคน นางจึงเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว “นี่! นี่พวกเจ้ารู้จักมารยาทกันบ้างไหม ข้ากำลังถามพวกเจ้าอยู่นะ!”
เอ…
เมื่อได้ยินจงหลิงเตือนอีกครั้ง ทุกคนก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
พวกเขาย่อมบอกอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้วว่า ‘พวกเรากำลังศึกษาปัญหาทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อเจ้า’ ดังนั้นเยี่ยเว่ยหมิงจึงส่ายหน้าตอบอย่างนุ่มนวล “ที่จริงพวกเราได้รับการไหว้วานจากผู้ปกครองพี่ต้วนของเจ้า ให้มาที่นี่เพื่อช่วยเขาออกไป…
…แต่เมื่อครู่หลังจากได้เห็นพี่ใหญ่ของสี่คนโฉดก็พบว่าหากอาศัยแค่พวกเราไม่มีทางทำภารกิจช่วยคนให้สำเร็จได้เลย พูดให้ชัดก็คือสู้เขาไม่ไหว ดังนั้น พวกเราต้องบอกข้อมูลที่พวกเรารู้ให้จักรพรรดิเป่าติ้งทราบก่อน แล้วค่อยปรึกษากันอีกที”
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักครู่เดียว ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นสนทนา “หากเจ้าอยากให้พวกเราช่วยพี่ต้วนของเจ้าออกมา ทางที่ดีก็บอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ข้ารู้สักหน่อยสิ อย่างเช่นในหุบเขาว่านเจี๋ย นอกจากสี่คนโฉดแล้ว ช่วงนี้มีคนนอกคนอื่นอีกหรือไม่”
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามแบบนี้ เจ้าอ้วนชนะฟ้าที่พอรู้เนื้อเรื่องอยู่บ้างก็ขมวดคิ้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “สหายเยี่ยหมายความว่า เนื้อเรื่องของหุบเขาว่านเจี๋ยอาจจะมีภารกิจสองทิศทาง?”
เมื่อได้ยินความเป็นไปได้นี้ เพื่อนที่เห็นข้อความในช่องทีมก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน
ถ้าเป็นภารกิจทิศทางเดียว เช่นนั้นสำหรับยอดฝีมือในเกมอย่างพวกเขา ขอเพียงเตรียมตัวมากพอ อยากจะทำภารกิจให้สำเร็จก็น่าไม่ยาก อย่างไรเสีย ลักษณะการทำงานของ NPC ก็ไม่เคยเปลี่ยนอยู่แล้ว ภารกิจที่ตกมาถึงตัวผู้เล่นก็ไม่เกินขอบเขตความสามารถของผู้เล่นเช่นกัน
แต่หากอีกฝ่ายก็มีผู้เล่นเข้าร่วมภารกิจเหมือนกัน เช่นนั้นก็จะเพิ่มตัวแปรเข้าไปนับไม่ถ้วน ตัวเลขระดับความยากของภารกิจก็จะเพิ่มขึ้นหลายตัว เรื่องราวจะเปลี่ยนเป็นอย่างไรกันแน่ นั่นก็พูดยากเช่นกัน
และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ระดับความยากของภารกิจที่เพิ่มขึ้นเพราะผู้เล่นเปลี่ยนแปลง ระบบจะไม่บันทึกคะแนนแฝงไว้ในภารกิจด้วย ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เลย!
สำหรับคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง จงหลิงกลับให้คำตอบว่า “ยังมีอีกหลายคน! แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวยุทธ์ทั่วไปที่พ่อข้าเชิญมาดูเรื่องสนุกๆ ในจำนวนนั้นยังมีผู้เล่นอย่างพวกเจ้าด้วย แต่พ่อข้าไม่ให้ข้าเข้าใกล้ ข้ามองเห็นใกล้ๆ ว่าเป็นผู้เล่นสามคน ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งสวมชุดสีแดง น่าจะเป็นผู้หญิง”
ผู้เล่นสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง?
ข้อมูลนี้คลุมเครือเกินไปหน่อย แต่ก็มองออกว่าจงหลิงคนนี้รู้ข้อมูลจำกัดจริงๆ ไม่ได้จงใจปิดบังอะไร
หลังจากซานเย่ว์ยืนยันแล้วว่านางไม่ได้โกหก ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะล้วงข้อมูลที่มากกว่านี้จากปากนางแล้วเช่นกัน แต่ขณะที่ยืนลูบคางตัวเองอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดไปด้วย “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ก็คือต้วนอวี้กับมู่หว่านชิงที่โดนยาพิษจะอดทนได้นานแค่ไหน…
…ถ้าทุกอย่างดำเนินไปตามต้นฉบับเดิม พวกเขาจะต้องอดทนได้ถึงตอนที่มีคนมาช่วยแน่นอน ถึงอย่างไรก็เป็นตัวเอกของเรื่อง ไม่ทำลายภาพลักษณ์ตัวเองเร็วขนาดนั้น…
…อาจเป็นเพราะตอนนี้มีผู้เล่นมาเข้าร่วม ใช่ว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรที่พวกเราไม่อยากเห็น…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จงหลิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว! พี่ต้วนกับพี่มู่ถูกพิษ ร้อนรุ่มไปทั้งตัว มีเหงื่ออกมาก แม้แต่สติสัมปชัญญะก็ไม่ค่อยชัดเจนแล้ว พวกเราต้องคิดหาทางช่วยพวกเขาให้เร็วที่สุด…ใช่แล้ว ข้าได้ยินพี่ต้วนบอกมาว่าพวกเขาถูกพิษที่ชื่อว่า ‘ผงชายหญิงสู่สม’ อะไรสักอย่าง!”
ในสายตาของแม่นางน้อยไร้เดียงสาผู้นี้ ผงชายหญิงสู่สมถูกจัดเป็นประเภทเป็นยาพิษแล้ว
ตอนนี้ในหุบเขาว่านเจี๋ยมียอดฝีมืออย่างต้วนเหยียนชิ่งอยู่ พวงเขาคิดจะไปขโมยยาถอนพิษคงทำไม่ได้แน่ ทำได้เพียงใช้วิธีการอื่นเพื่อช่วยถอนพิษให้ต้วนอวี้กับมู่หว่านชิง
อย่างน้อยก็ต้องระงับฤทธิ์ยาที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาสองคน เพื่อให้พวกผู้เล่นได้ทำภารกิจช่วยเหลือในขั้นต่อไป ถ่วงเวลาให้เยอะกว่านี้
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังส่ายหน้า กล่าวอย่างจนใจว่า “ตามหลักแล้วยาชนิดนี้ไม่จัดเป็น ‘ยาพิษ’ ต่อให้มีค่าสเตตัสต้านพิษสูงแค่ไหน แต่พอเจอกับยานี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ถ้า NPC โดนยานี้แล้ว นอกเสียจากจะหายาถอนเฉพาะทาง ไม่อย่างนั้นก็ต้องระบายพิษออกมา…
…แต่ตอนนี้ด้วยฐานะของต้วนอวี้กับมู่หว่านชิง ไม่เหมาะจะระบายออกมาจริงๆ…ทำอย่างไรดีล่ะ”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบมองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าเพื่อนๆ ในทีมก็ก็กำลังมองมาที่ตนด้วยสีหน้าเฝ้าคอยเช่นกัน
เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดนึกถึงหนิวจื้อชุนสหายออกรบของตนไม่ได้
ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ด้วย ตนคงไม่ต้องลำบากใจขนาดนี้หรือเปล่า
ด้วยนิสัยที่ชอบอวดฉลาดและทำตัวเด่นของเขา จะต้องแย่งรับบาปนี้ไปแบกเองอย่างไม่ลังเลแน่นอน
ราชาแห่งแพะรับบาปที่ใช้งานดีที่สุดไม่อยู่ข้างกาย เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงหาสินค้าทดแทนที่คุณสมบัติเหมาะสมท่ามกลางเพื่อนในทีมที่มีจำกัด
เยี่ยเว่ยหมิงมองไปที่เจ้าอ้วนชนะฟ้าก่อน แต่สายตาของเจ้าหมอนี่บอกเขาแล้วว่ามองออกหมดแล้ว แต่จะไม่เป็นแบะรับบาปเด็ดขาด!
ซานเย่ว์กับเซียนสาวน้อยนักกินเป็นผู้หญิง เรื่องนี้ให้นางเอ่ยปากเองไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ขุนเขาลำธารย่อมพานพบเหมือนจะสนิทกับเซียนสาวน้อยนักกินมาก แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่อยากวิจารณ์ลับหลังว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันหรือไม่ แต่ถ้าให้สหายรับบาปนี้ไว้ต่อหน้าเพื่อนผู้หญิงของตัวเอง ก็ดูไม่ค่อยเข้าท่านัก
ใช้วิธีตัดคำตอบที่ผิดออกไปทีละข้อ ในที่สุดสายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ล็อกเป้าหมายที่ตัวต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง
ตัดสินใจเลือกเจ้าแล้วกัน เดิมทีก็เป็นบาปของสกุลต้วนต้าหลี่ของพวกเจ้าอยู่แล้ว ทำแบบนี้้คงไม่เกินไปหรอกมั้ง