ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 432 'บทสวดส่งวิญญาณ' มอบให้อวิ๋นจงนกเขาด้วน
ตอนที่ 432 ‘บทสวดส่งวิญญาณ’ มอบให้อวิ๋นจงนกเขาด้วน
เสียงนี้คุ้นหูมากไม่ใช่หรอกหรือ
ตอนที่เอียงศีรษะแยกแยะอวิ๋นจงเฮ่อที่กลายเป็นอวิ๋นจงนกเขาด้วน ปากส่งเสียงร้องที่น่าสังเวชใจออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน
ชั่วพริบตาเดียว ภาพของอ๋าวป้ายที่สวมชุดนักโทษก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเขา
เป็นเขา!
ท่า ‘กระบี่จงมา’ ของเยี่ยเว่ยหมิง ที่จริงอานุภาพก็ไม่ได้แข็งแกร่ง ถึงขั้นกล่าวได้ว่ามีขีดจำกัดเยอะมาก เมื่อเทียบกับตอนที่เขากุมกระบี่ไว้ในมือ กล่าวได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดินโคลนจริงๆ
ถึงอย่างไรเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็มีฉากหลังเกมเป็นยุทธภพ ไม่ใช่แนวบำเพ็ญเซียน
การขี่กระบี่เหินฟ้า แม้จะกรอกกำลังภายในเข้าไปในกระบี่ล้ำค่าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่หนึ่งคือไม่มีโบนัสค่าสเตตัส สองคือไม่มีการเพิ่มประสิทธิภาพของท่ากระบี่ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อพลังทำลายล้างในตอนสุดท้ายได้ นอกจากกำลังภายในที่มีอยู่ไม่เกินห้าร้อยแต้ม ก็เหลือเพียงพลังโจมตีของตัวกระบี่เองแล้ว ตามทฤษฎีแล้วดาเมจไม่ถึงสองพันแต้มด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นคริติคอลดาเมจ แต่หลังจากหักลบกับพลังป้องกันของอีกฝ่ายแล้ว ดาเมจที่ก่อนหน้านี้โจมตีได้หนึ่งพันกว่า เขาก็ต้องใช้ ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ตีเกราะปราณแท้ของอีกฝ่ายล่วงหน้าก่อนเช่นกัน ถึงจะโจมตีได้ผลลัพธ์แบบนี้
การโจมตีแบบนี้ ถ้าเกิดกับผู้เล่นทั่วไป อย่างมากก็ทำได้แค่เล่นท่า ‘กระบี่จงมา’ เพื่ออวดเก่งเท่านั้น ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงใช้มันสู้กับศัตรู แต่ประสิทธิภาพที่แสดงออกมาได้ก็มีจำกัดมาก
เพียงแต่ ‘หั่นนกเขา’ ที่เพิ่มความเจ็บปวดสองเท่าก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โจมตีครั้งเดียวตัดสินแพ้ชนะได้
อวิ๋นจงนกเขาด้วนถูกทำคริติคอลดาเมจตรงอวัยวะสำคัญ พอกรีดร้องออกมา ทั้งตัวก็เอียงล้มลงไปแล้ว
ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงกำชับ เพื่อนที่เหลือในทีมฉวยโอกาสตอนที่อวิ๋นจงนกเขาด้วนสูญเสียความสามารถในการต่อต้าน กรูเข้าไปโจมตีพร้อมกันแล้ว
ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงลงมือก่อน จี้สกัดจุดอย่างต่อเนื่องจนทั่วตัว ตามติดด้วยซานเย่ว์ที่พุ่งเข้ามาใช้ ‘ฝ่ามือชาดแดง’ หลายกระบวนท่าที่ลดค่าสเตตัสรายการต่างๆ ของศัตรูได้
หลังจากนั้น กระบี่ภูเขาหิมะกับดาบวิหคทองก็โจมตีพร้อมกัน สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงที่เก็บกระบี่ทองปัวสวินและนำกระบี่ชิงชัยออกมาอีกครั้งก็เข้าร่วมขบวนโจมตีเจ้านกเขาด้วนตกน้ำเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ากู้สถานการณ์คืนไม่ได้แล้ว อวิ๋นจงนกเขาด้วนที่ก่อกรรมทำชั่วมาทั้งชีวิตก็รู้สึกสิ้นหวังที่สุด แต่พอสายตามองไปยังหลิวอวิ๋นที่อยู่นอกวงล้อมโจมตี ก็เหมือนเจอฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย เขาข่มความเจ็บปวดถึงหัวใจที่มาจากหว่างขา พร้อมตระกโกนเสียงดังว่า “ไต้ซือช่วยข้าด้วย ข้ายินดีออกบวช ข้ายอมบวช!”
“อามิตตาพุทธ!” พอได้ยินว่าอวิ๋นจงนกเขาด้วนยินดีออกบวชเป็นชาวพุทธ หลิวอวิ๋นที่ต้องการแต้มบุญกุศลด่วนเพื่อเพิ่มเลเวลพุทธธรรมก็ตาเป็นประกายทันที หลังจากเอ่ยนามพระพุทธเจ้าเสียงดังเพราะใช้วิชาราชสีห์คำรามช่วยก็ประนมมือพร้อมกล่าวว่า “วางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมเป็นพุทธะ วันนี้เจ้ากับอาตมาพบกันถือว่าเป็นวาสนา ในเมื่อเจ้ามีใจใฝ่ทางพุทธศาสนา อาตมาจะปฏิเสธการโปรดเจ้าได้อย่างไร”
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนชัดเจนอย่างหลิวอวิ๋นกล้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่ยอมให้สหายร่วมทีมเสียเปรียบแน่นอน เยี่ยเว่ยหมิงส่งสายตาให้สหายที่อยู่ข้างกายทันที สหายในทีมแม้จะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็หยุดโจมตีโดยจิตใต้สำนึก
อวิ๋นจงนกเขาด้วนลุกขึ้นมาจากพื้นทันที คุกเข่าหันหน้าไปทางหลิวอวิ๋นพร้อมบอกว่า “ศิษย์ยินดีออกบวช ศิษย์ยินดีออกบวช!”
“อืม!” หลิวอวิ๋นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นทันที แล้วบอกว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาตมาก็จะท่อง ‘บทสวดส่งวิญญาณ’ ให้เจ้าฟัง ขอให้เจ้าไปเกิดใหม่เร็วๆ ชาติหน้าอย่าลืมเกิดมาเป็นคนดีล่ะ”
อวิ๋นจงนกเขาด้วน “???”
สุดท้ายก็ตายอยู่ดี?
หลังจากพวกเพื่อนในทีมยกนิ้วหัวแม่มือให้หลิวอวิ๋น ก็พากันลับอาวุธเตรียมลงมืออีกครั้ง หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเตะอีกฝ่ายล้ม พวกเขาก็ต่างคนต่างปล่อยท่าไม้ตายไปทักทายจุดสำคัญของอวิ๋นจงนกเขาด้วนอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจ
ส่วนหลิวอวิ๋นก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ เขานั่งขัดสมาธิบนพื้น แล้วเริ่มสวดมนต์ “โมฮันกา กานซันซา ดูซังมายาฮา มาโนบานลายา บานซาซาง โดเกอเรอบา ตีซาจิน ชิวเมบาวา…”
ต้องบอกเลยว่าไต้ซือหลิวอวิ๋นท่านนี้มีพุทธธรรมล้ำลึกจริงๆ ถึงขั้นเปล่งเสียงสวดมนต์เป็นภาษาสันสกฤตที่คนฟังไม่เข้าใจแต่ก็รู้ว่ายอดเยี่ยมออกมา
พวกสหายร่วมทีมแม้จะฟังไม่ออกสักตัว แต่กลับรู้สึกได้ว่าเสียงสวดมนต์ที่เปลี่ยนจากปากเขาไพเราะมาก ราวกับทุกตัวอักษรมีจังหวะพิเศษ เหมือนกำลังร้องเพลง…
เมื่อร้องจบ…อะแฮ่ม เมื่อสวดจบแล้ว หลิวอวิ๋นก็นิ่งไปสองวินาที ก่อนจะสวดเสียงสูงว่า “ข้าเห็นเหยี่ยวภูเขา[1]…”
ชั่วพริบตานั้น สหายทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกัน แล้วหันไปมองทางสหายหลวงจีน
เมื่อครู่เขาเพิ่งร้อง…อะแฮ่มๆ สวดประโยคภาษาจีนในบทสวดมนต์ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นเนื้อเพลงล่ะ เหมือนไม่ใช่บทสวดมนต์เลยนะ?
เมื่อสายตาแปดคู่จ้องมาที่ตนพร้อมกัน ต่อให้เป็นคนสุขุมอย่างหลิวอวิ๋นก็อดหน้าแดงด้วยความอับอายไม่ได้ เขากระแอมหนึ่งทีแล้วบอกว่า “เอ่อ คือ สวดผิด เมื่อครู่นี้สวดผิดจริงๆ! พวกเจ้าจัดการต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจอาตมา…” ขณะที่พูดก็ทำสีหน้าจริงจัง กลับมาสวดภาษาสันสกฤตที่ฟังไม่รู้เรื่องอีกครั้ง ใช้ทำนองเดียวกับก่อนหน้านี้ เริ่มสวด ‘บทสวดส่งวิญญาณ’ ของเขาอีกครั้ง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง อวิ๋นจงนกเขาด้วนที่สูญเสียพลังต่อสู้ไปแล้ว ตอนนี้กำลังถูกผู้เล่นห้าคนล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ประเดี๋ยวเดียวพลังชีวิตก็ลดลงจนเหลือต่ำกว่าหนึ่งแสนแล้ว
ดูจากประสบการณ์กับน้องดาบก่อนหน้านี้ เหมือนว่าโหมดแบ่งไอเทมตามค่าผลงาน ถ้าแย่งโจมตีเป็นคนสุดท้ายได้ ก็ยังจะได้ผลตอบแทนจำนวนหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นอวิ๋นจงนกเขาด้วนเสียค่าพลังชีวิตจนอยู่ต่ำกว่าขีดความปลอดภัยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็คีบลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งไว้ระหว่างนิ้วอย่างแนบเนียนทันที
ขอเพียงรอให้ค่าพลังชีวิตของเขาลดต่ำจนถึงระดับที่โจมตีครั้งเดียวปลิดชีพได้ เขาก็จะใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ส่งอีกฝ่ายขึ้นสวรรค์ทันที
ตอนนี้เอง กลับเห็นเซียนสาวน้อยนักกินหนึ่งในสมาชิกทีมพลันทะยานตัวขึ้นฟ้า ใช้สองมือกำด้ามดาบล้ำค่าไว้แน่น แล้วฟันลงตรงคอของอวิ๋นจงนกเขาด้วนที่อยู่บนพื้น!
กระบวนท่าที่เจ็ดสิบสามของวิชาดาบวิหคทอง…เจ้าตายข้ารอดคนเดียว!
แต่ระหว่างที่อีกฝ่ายดิ้นรนหลบหลีก ดาบนี้กลับไม่ถูกเป้าหมายอย่างที่นางคาดไว้ กลับฟันโดนใต้รักแร้ของอวิ๋นจงนกเขาด้วนแทน
-98982!
ปลิดชีพ!
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารอวิ๋นจงเฮ่อ BOSS โหมดปกติเลเวล รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 1500000แต้ม ค่าตบะ350000 แต้ม!]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักเส้าหลิน หลิวอวิ๋น ผู้เล่นสำนักมือปราบ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบ ซานเย่ว์…สังหาร BOSS เลเวล 85 น้องสุดท้องของสี่คนโฉด สุดเหี้ยมชั่วโฉดอวิ๋นจงเฮ่อ
เนื่องจากอวิ๋นจงเฮ่อเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากถูกสังหารครั้งนี้จึงไม่รีเฟรชใหม่อีก
หลังจากนี้ ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่มีอวิ๋นจงเฮ่ออีก!
ผู้เล่นเจ็ดคนที่เข้าร่วมการสังหารจะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก: ชื่อเสียงยุทธภพ 500000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 130000 แต้ม!]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักเส้าหลิน…]
……
ท่ามกลางประกาศระบบต่อเนื่องสามรอบ เพื่อนทุกคนในทีมต่างก็มีสีหน้างุนงง มองไปบนตัวเซียนสาวน้อยนักกินด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์พร้อมกัน มองจนนางอึดอัดไปทั้งตัว
เยี่ยเว่ยหมิงเป็นคนแรกที่เผยรอยยิ้มปล่อยวาง แล้วถามเหมือนไม่ได้จริงจังว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ทักษะหรือไม่ก็อุปกรณ์ของเจ้าคงจะมีค่าสเตตัสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพสินะ?”
[1] เนื้อเพลงส่วนหนึ่งของเพลง Alive ของ Sa DingDing