ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 440 อมเลือดพ่นหน้า
ตอนที่ 440 อมเลือดพ่นหน้า
ขณะที่ใช้กระบี่เดียวปลิดชีพบัณฑิตชุดขาว เยี่ยเว่ยหมิงก็แน่ใจชื่อและสำนักของศัตรูสามคนตรงหน้าแล้ว
ก่อนหน้านี้ในประกาศระบบบอกว่าพวกเขาสามคนร่วมมือกันโจมตีสังหารหัวเฮ่อเกิ้น มีสามชื่อปรากฏซึ่งก็คือ ผู้เล่นสำนักดาวดึงส์ เชิญร่ำสุรา ผู้เล่นเขาอูฐขาว เมฆเคลื่อนเดียวดาย ผู้เล่นสกุลมู่หรง ข้ากำลังหาของ
เรื่องที่ชีชีเปลี่ยนชื่อเป็นเชิญร่ำสุราแล้วไปขอพึ่งพาสำนักดาวดึงส์ก็ได้รับการยืนยันแล้ว ส่วนผู้เล่นชุดเทาที่ใช้วิชาคางคก ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นเมฆเคลื่อนเดียวดายที่มาจากเขาอูฐขาว
ส่วนอีกคนที่เหลือ พอตัดสองคนแรกออกไปแล้ว ก็ต้องเป็นข้ากำลังหาของจากสกุลมู่หรงอย่างไม่ต้องสงสัย
เป็นชื่อที่แย่จริงๆ ถ้ามีคนตะโกนเรียกชื่อเจ้าบนถนน คนบนถนนจะต้องคิดว่าเขากำลังตอบคำถามใครสักคน ไม่ได้คิดว่ากำลังเรียกชื่อคนแน่นอน
แต่ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้สนใจว่าคู่ต่อสู้สามคนชื่ออะไร สิ่งที่ทำให้เขาสนใจจริงๆ ก็คือในกลยุทธ์ทั้งหมดของ ‘ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี’ ที่เขาได้มาจากอินปู้คุย นอกจากความรู้เรื่องทักษะยุทธ์ของเขาอูฐขาวแล้ว ความรู้ที่มีต่อสำนักดาวดึงส์กับสกุลมู่หรงก็มีจำกัดมาก ตอนนี้สิ่งที่รู้เกี่ยวกับสองสำนักนี้ก็จำกัดอยู่แค่สำนักดาวดึงส์ถนัดใช้วิชาพิษ สกุลมู่หรงเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านชื่อสยา
รู้เพียงเท่านี้เอง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาย่อมปล่อยผ่าน เพราะถึงอย่างไรในยุทธภพก็มีสำนักเล็กสำนักใหญ่มากมาย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ทุกสำนักอย่างละเอียดเหมือนนับสมบัติในบ้าน และเขาก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจจุดเด่นของทักษะยุทธ์ทุกสำนักเช่นกัน
แต่วันนี้ในเมื่อเจอกับตัวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าตัวเองต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสองสำนักนี้ให้ลึกขึ้นหน่อย
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสตอนทำภารกิจนี้ถามแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับอย่างเจ้าอ้วนชนะฟ้ากับอินปู้คุยถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเสียเลย แล้วนำส่งข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน เติมช่องโหว่ให้กันและกัน
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เยี่ยเว่ยหมิงที่ทะยานขึ้นฟ้าก็โบกกระบี่ปัดเข็มพิษสิบเจ็ดเล่มที่เชิญร่ำสุรายิงเข้ามาตกไปหมดแล้ว
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงประหลาดใจก็คือ อาวุธลับของเจ้าหมอนี่ปลิ้นปล้อนไม่เป็นรองเคล็ดกระบี่ของเขาเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะท่ากระเพื่อมกระบี่ของเขาก็เป็นสุดยอดวิชาเหมือนกัน แค่เข็มบินสิบเจ็ดเล่มนี้ เกรงว่าตัวเขาที่ลอยอยู่บนฟ้าก็อาจต้านไม่ไหว
เมื่อเห็นร่างของเยี่ยเว่ยหมิงพุ่งขึ้นฟ้า ผู้เล่นเขาอูฐขาว เมฆเคลื่อนเดียวดายกลับสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งอีกครั้ง แล้วเปล่งเสียงประหลาดเหมือนคางคกร้องออกมา ชั่วหายใจเข้าออก ร่างก็พลันดีดขึ้นมา แต่กลับไม่สนใจเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว กระโจนไปทางปาเทียนสือที่กำลังขับพิษแทน
ส่วนเชิญร่ำสุราที่อยู่อีกฝั่งก็ตัดสินใจทำแบบเดียวกับเขา!
เจ้าสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะฉวยโอกาสตอนเยี่ยเว่ยหมิงทะยานขึ้นมาป้องกันข้างล่างไม่ได้ กำจัด BOSS เลือดใกล้หมดคนนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ฟิ้วๆๆๆ เมื่อเห็นปาเทียนสือเหลือเลือดอยู่ไม่เยอะ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกผู้เล่นสองคนนี้ใช้ท่าไม้ตายต่อเนื่องเพื่อกำจัดทิ้ง จู่ๆ ก็มีเมล็ดโพธิ์สิบแปดเม็ดยิงขึ้นมาในแนวเฉียง สกัดเส้นทางที่เชิญร่ำสุรากำลังโจมตีไปทางปาเทียนสือ
จากนั้นก็เห็นเงาร่างสีเขียวอ่อนเร่งฝีเท้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างเมฆเคลื่อนเดียวดายกับปาเทียนสือ มือหยกหนึ่งคู่ตบออกมาเบาๆ รับมือกับวิชาคางคกของเมฆเคลื่อนเดียวดายอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
ฝ่ามือทะลวงใจ VS วิชาคางคก!
บึ้ม!
พลังฝ่ามือที่อานุภาพน่าตื่นตะลึงสองกลุ่มชนกัน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
หลังจากพลังฝ่ามือปะทะกันจนเสียงดันสะเทือนทุ่ง ร่างอรชรของซานเย่ว์ก็สั่นรุนแรง แขนสองข้างมีเสียงกระดูกแตกที่ทำให้คนได้ยินรู้สึกปวดฟัน
-8848
ดาเมจบดขยี้!
กระดูกแตก!
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายในหรือค่าสเตตัส ซานเย่ว์แม้จะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันเกินไป แต่ช่วยไม่ได้ที่นางฝึกเคล็ดฝ่ามือสองวิชานี้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ หรือ ‘ฝ่ามือชาดแดง’ ก็ล้วนไม่ใช่แนวทางดุดันที่เหมาะกับการปะทุซึ่งๆ หน้า แตกต่างกับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ที่ทั้งดุดันทั้งปลิ้นปล้อน
ตอนนี้เพื่อที่จะหยุดยั้งไม่ให้เมฆเคลื่อนเดียวดายโจมตี NPC ฝ่ายตัวเอง นางกลับต้องฝืนสู้กับ ‘วิชาคางคก’ ที่ดุดันกว่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร เสียเปรียบแบบนี้ก็ถือว่าเข้าใจได้
แต่นางคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเกิดผลลัพธ์อย่างนี้ จึงปิดโหมความรู้สึกเจ็บล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด ขณะที่ถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือโจมตีกระเด็นออกไป ธนูเลือดสายหนึ่งก็พุ่งออกจากปากนาง พุ่งตรงไปยังหน้าผากของอีกฝ่าย
ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็กระโดดสูงถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว จากนั้นก็พุ่งศีรษะลงมาตรงจุดที่เชิญร่ำสุรากับเมฆเคลื่อนเดียวดายอยู่
ซานเย่ว์ที่เปลี่ยนใช้ท่า ‘อมเลือดพ่นหน้า’ กะทันหันแม้จะไม่สอดคล้องกับลักษณะของกุลสตรีอย่างร้ายแรง แต่ต้องบอกลยว่าผลลัพธ์ดีเกินคาด
จะว่าไปแล้วความผิดพลาดก็มีข้อดีเหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้ทั่วไป ช่วงเวลาสำคัญที่อาจทำให้ฆ่า BOSS ได้แบบนี้ ไม่แน่ว่าพวกเขาจะทิ้งภาพลักษณ์ตัวเอง ฝ่าเลือดสดที่ถ่มเข้ามาเพื่อไปจัดการปาเทียนสือ
แต่เมฆเคลื่อนเดียวดายกลับมีพื้นเพมาจากเขาอูฐขาว ซึ่งเขาอูฐขาวก็เติบโตขึ้นมาจากการใช้พิษของโอวหยางเฟิง ดังนั้นตอนที่เห็นซานเย่ว์พ่นเลือดใส่หน้า การตอบสนองแรกในหัวของเขาก็คือ เลือดสดคำนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน!
ดังนั้นเมื่อเห็นเลือดที่ซานเย่ว์พ่นกำลังจะมาถึงหน้าตัวเอง เมฆเคลื่อนเดียวดายก็แทบจะใช้พลังฝ่ามือโบกออกโดยจิตใต้สำนึก ทำให้เลือดกลุ่มนั้นกระจายไปในอากาศ
ตอนที่เขาเสียเวลาทำแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็พุ่งตัวลงมาถึงแล้ว สาดเงากระบี่ออกมาเต็มฟ้า ปกคลุมร่างของเมฆเคลื่อนเดียวดายกับเชิญร่ำสุราไว้ในนั้นราวกับทางช้างเผือกไหลลงมา
ท่ากระบี่ร่วง!
เมื่อเจอกับกระบี่ท่าไม้ตายที่ลงมาจากฟ้าของเยี่ยเว่ยหมิง เมฆเคลื่อนเดียวดายกับเชิญร่ำสุรากลับตัดสินใจเลือกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมฆเคลื่อนเดียวดายสูดหายใจลึกอีกครั้ง หน้าอกพลันขยายใหญ่ขึ้น ส่งเสียงร้องคางคกดังสนั่น เตรียมตัวรับกระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ส่วนผู้เล่นเชิญร่ำสุราก็ฉวยโอกาสตอนที่สหายร่วมทีมของตัวเองแบกรับความกดดันส่วนใหญ่ไว้ อาศัยท่าร่างที่รวดเร็วเหมือนเงาผีของเขาดึงตัวเองออกมาจากขอบเขตเคล็ดกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง
จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นเมฆสีแดงสายหนึ่งแล่นเข้าไปในป่าบางตาผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ปาเทียนสือ BOSS โหมดปกติเลเวลแปดสิบแปดที่เหลือพลังชีวิตอยู่ไม่เยอะแล้ว แต่เชิญร่ำสุรากลับไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองอีก
เหมือนตอนแรกที่อยู่เขาชิงเฉิง เมื่อเห็นว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้อประโยชน์ เขาก็ตัดสินใจทิ้งไอเทมดรอปทั้งหมดของอวี๋ชางไห่อย่างไม่ลังเล
เด็ดขาด!
แน่วแน่!
ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย!
เดิมทีตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีด้วยกระบี่นี้ ก็เตรียมตัวสู้แบบหนึ่งต่อสองไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ๆ เชิญร่ำสุราก็ถอยออกไป แรงกดดันของ ‘ท่ากระบี่ร่วง’ นี้จึงมารวมอยู่ที่เมฆเคลื่อนเดียวดายคนเดียว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของท่ากระบี่ร่วง เมฆเคลื่อนเดียวดายเดิมทีก็ใช้วิชาคางคกได้ไม่ชำนาญอยู่แล้ว มีหรือที่จะต้านไหว
เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าต้องตายแน่นอน ในดวงตาเมฆเคลื่อนเดียวดายก็ฉายแววคับแค้น แต่จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวในฉับพลัน กระตุ้นพลังทั้งหมดของตัวเองให้ถึงขีดสุด ใช้พลังฝ่ามือของ ‘วิชาคางคก’ ถล่มขึ้นฟ้า รับกับประกายคมกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงที่ตกลงมาจากฟ้าแล้ว!
ทว่าโลกของจอมยุทธ์ให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าปณิธาน ต่อให้เขาจะเด็ดเดี่ยวอย่างไร แต่ก็ชดเชยความแตกต่างทางความสามารถระหว่างทั้งสองไม่ได้อยู่ดี ภายใต้แสงกระบี่ที่ขวักไขว่ลงมา เมฆเคลื่อนเดียวดายกลายเป็นแสงสีขาวทันที ตามหลังข้ากำลังหาของไปติดๆ กลับไปรายงานตัวที่จุดคืนชีพในหุบเขาว่านเจี๋ยแล้ว
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเหยียบลงพื้น สายตาก็ย้ายไปยังจุดที่เชิญร่ำสุรายืนอยู่ กลับเห็นเงาร่างของเจ้าหมอนั่นหนีเข้าไปในป่าที่ไม่ทึบมากแล้ว จากนั้นก็หนีไปทางหุบเขาว่านเจี๋ยต่อ
เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะไล่ตามคู่ต่อสู้เจ้าเล่ห์คนนี้ทัน เยี่ยเว่ยหมิงจึงหันกลับมาถามปาเทียนสือว่า “ปาซือคง[1] ปฏิบัติการของพวกท่านเกิดเหตุไม่คาดคิดยอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงจนตรอกถึงขั้นนี้”
[1] ซือคง 司空 หนึ่งในสามตำแหน่งขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ทำหน้าที่ดูแลกิจการฝ่ายพลเรือน