ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 450 แผนร้ายกาจของต้วนเหยียนชิ่ง
ตอนที่ 450 แผนร้ายกาจของต้วนเหยียนชิ่ง
สำหรับความระมัดระวังของต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเหยียนชิ่งย่อมเข้าใจได้อยู่แล้ว ดูจากเรื่องที่อีกฝ่ายเคยทำมาก่อนหน้านี้ ขอเพียงต้วนเจิ้งหมิงไม่ใช่คนโง่ ก็คงไม่นำชีวิตของตัวเองและครอบครัวเข้าไปเสี่ยงกับแผนการที่เขายังไม่อธิบายให้กระจ่างง่ายๆ
เมื่อได้ยินต้วนเจิ้งหมิงซักไซ้รายละเอียดของแผนการ ต้วนเหยียนชิ่งกลับเผยสีหน้าเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “แผนการของข้าก็คือทุบหม้อข้าวจมเรือ[1] อีกประเดี๋ยวให้เจ้า ข้า ไต้ซือคิ้วเหลืองและเจ้าขยะต้วนเจิ้งฉุนนั่นออกหน้าท้าสู้จิวหมัวจื้อด้วยกัน จากนั้นพวกเราก็หาโอกาสสู้กับจิวหมัวจื้อด้วยกำลังภายใน”
พอได้ยินต้วนเหยียนชิ่งบอกว่าจะแข่งกำลังภายในกัน หลายคนที่อยู่ตรงนั้นก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งพร้อมกัน
เหตุผลไม่ใช่เพราะอะไร เพราะในระหว่างที่ประลองยุทธ์กัน การสู้ด้วยกำลังภายในอันตรายที่สุด อันตรายกว่าใช้อาวุธสู้กันไม่รู้ตั้งเท่าไร
อีกทั้งการสู้ด้วยกำลังภายในก็เป็นวิธีการประลองที่ไม่มีการพลิกแพลงเลยสักนิด เมื่อสู้กันจนถึงตอนสุดท้าย ผลที่ได้ก็คือผู้แข็งแกร่งชนะ ผู้อ่อนแอแพ้
เมื่อสู้แพ้แล้ว ผลลัพธ์อย่างเบาก็คือบาดเจ็บสาหัส ผลลัพธ์อย่างหนักก็คือตายคาที่!
ต้วนเหยียนชิ่งรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังต่อสู้ของฝ่ายตัวเองสู้จิวหมัวจื้อไม่ได้ แต่ดันเสนอวิธีการต่อสู้ที่อันตรายแบบนี้ขึ้นมา เขามีเจตนาแอบแฝงอะไรกันแน่
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคน ต้วนเหยียนชิ่งกลับแสดงออกอย่างเยือกเย็นที่สุด “บวกกับกำลังของพวกเราสี่คน ถ้าสู้กันด้วยกำลังภายใน แม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลวงจีนผู้นั้น แต่อย่างน้อยก็ควบคุมเขาได้พักหนึ่ง ทำให้เขาไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น…
…เมื่อถึงตอนนั้นค่อยให้เยี่ยเอ้อร์เหนียง เย่ว์เหล่าซาน รวมทั้งจอมยุทธ์น้อยเหล่านี้และคนที่เจ้าพามาหาโอกาสช่วยคนออกมา ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยก็มีโอกาสแปดส่วนพี่จะช่วยต้วนอวี้และน้องสาวออกมาจากห้องหินได้!”
พอพูดถึงตรงนี้ ต้วนเหยียนชิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ขณะมองสีหน้าสงสัยของทุกคน เขาก็กล่าวอย่างไร้กังวลว่า “ข้ารู้ว่าตอนนี้ยังเชื่อข้าไม่ได้ อีกประเดี๋ยวหลังจากลงมือแล้ว ข้าจะฉวยโอกาสไปปะทะกำลังภายในกับจิวหมัวจื้อก่อน พวกเจ้าสามคนค่อยเข้ามาเป็นกำลังหนุนหลังจากข้าทำสำเร็จแล้วก็พอ…
…พอเป็นเช่นนี้ หากจะมีใครตาย ก็จะเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างข้าที่ตายก่อน!”
พอเขากล่าวถึงตรงนี้ สายตาก็วาดมองบนใบหน้าต้วนเจิ้งหมิง หลวงจีนคิ้วเหลืองและต้วนเจิ้งฉุน แล้วเปล่งเสียงจากท้องถามต่อว่า “เป็นอย่างไร พวกเจ้าคิดว่าคำแนะนำของข้าดีหรือไม่”
เมื่อฟังขอเสนอของต้วนเหยียนชิ่งจบ ต้วนเจิ้งหมิงก็ตกอยู่ในความสับสนทันที
ส่วนในช่องทีมของพวกเยี่ยเว่ยหมิง เจ้าอ้วนชนะฟ้าก็อดส่งข้อความถามไม่ได้ว่า [ช่างโหดนัก ต้วนเหยียนชิ่ง! เข้าใจนะว่าเขาอยากให้ลูกชายสืบทอดตำแหน่ง แต่อดทนรอไม่ไหวขนาดนี้เชียวหรือ]
หลิวอวิ๋นเสริมว่า [เขาอยากจะดึงพวกต้วนเจิ้งหมิงไปตายพร้อมเขา สละชีวิตของพวกเขาเพื่อลดฝีมือของจิวหมัวจื้อ…
…พอเป็นเช่นนี้ พวกเขาสี่คนแม้มีโอกาสตายมากกว่ารอด แต่จิวหมัวจื้อที่ฝีมือตกลงอย่างรุนแรงก็ไร้ความสามารถที่จะไล่ตามโจมตีต้วนอวี้ที่ถูกพาตัวออกไปแล้วเช่นกัน…
…และหากต้วนเจิ้งหมิงกับต้วนเจิ้งฉุนตายทั้งคู่ การที่ต้วนอวี้ได้รับตำแหน่งฮ่องเต้ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ถูกจังหวะขั้นตอนแล้ว]
[ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น] เมื่อเห็นสหายร่วมทีมทั้งสองของตัวเองเตรียมจะหาข้อสรุปของเรื่องนี้แล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อดพูดไม่ได้ว่า [ที่จริงข้ากลับรู้สึกว่า ที่ต้วนเหยียนชิ่งเสนอวิธีการแบบนี้ สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาจนใจ…
…หากมีทางเลือกอื่น ข้าชื่อว่าต้วนเหยียนชิ่งไม่ใช้แผนการระดับต่ำแบบนี้เร่งผลักดันให้ต้วนอวี้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้แน่นอน]
เจ้าอ้วนชนะฟ้าไม่เห็นด้วยกับความความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง [แต่สำหรับต้วนเหยียนชิ่ง เมื่อตายแล้วก็อาจเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง เขาเลือกสละตัวเองเพื่อต้วนอวี้ ข้าไม่คิดว่าไม่มีจุดไหนที่ไม่สมเหตุสมผล…]
[แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่เจ้าอาจมองข้ามเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่งนะ]
เยี่ยเว่ยหมิงโต้กลับอีกครั้ง [ในฐานะที่เจ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับ น่าจะรู้นะว่าต้วนเหยียนชิ่งตกต่ำจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร หากไม่มีผู้อาวุโสปกป้องกับทักษะยุทธ์อันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินคอยปกป้องตัวเอง ต่อให้ต้วนอวี้รับตำแหน่งฮ่องเต้แล้ว แต่เจ้าคิดว่าเขาจะมีโอกาสกุมอำนาจฮ่องเต้อย่างราบรื่นมากกว่า หรือจะมีโอกาสเดินตามรอยต้วนเหยียนชิ่งมากกว่า]
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ในที่สุดเจ้าอ้วนชนะฟ้าก็ไม่พูดอะไรอีก ขณะเดียวกันก็ทอดถอนใจเงียบๆ ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจหลักทำนองคลองธรรมในโลกนี้ลึกซึ้งกว่าตนหนึ่งชั้น
หารู้ไม่ เพื่อที่จะครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาแทบทั้งคืนเพื่อสมมติว่า ‘ถ้าข้าเป็น XXX’
ตอนเริ่มแรก เขาแค่คิดจะใช้วิธีการนี้ศึกษาความคิดและการลงมือปฏิบัติที่จิวหมัวจื้อกับพวกเชิญร่ำสุราอาจจะใช้ แต่พอคิดไปคิดมา เขากลับพบว่าถ้าอยากจะแก้ไขสถานการณ์ อาศัยแค่รู้เขารู้เราอย่างเดียวยังไม่พอ
อย่างไรเสีย ต่อให้เขาจะเจอวิธีการที่อาจจะได้ผล แต่ก็ต้องอาศัยกำลังของ NPC ด้วยอยู่ดี
แต่ปัญหาก็คือ ทำไมต้วนเจิ้งหมิงต้องเชื่อฟังแผนการของเขา?
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ต้วนเจิ้งหมิงกับต้วนเหยียนชิ่งพูดคุยกันถูกอัธยาศัยมาก ทั้งสองปรึกษาถึงรายละเอียดวิธีการช่วยคนแล้ว แต่สำหรับแผนการของพวกเขา กลับเป็นแค่การฉวยโอกาสตอน NPC ยอดฝีมือฝ่ายตัวเองถ่วงเวลาจิวหมัวจื้อ ร่วมมือกับกลุ่ม NPC ช่วยคนออกไป
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าลดความยุ่งยากในการทำภารกิจให้พวกเขา แต่หากทำอย่างนั้นจริงๆ ระดับความสำเร็จของภารกิจนี้ก็จะต้องถูกตัดสินให้อยู่ระดับต่ำสุดแน่นอน
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่า…แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน?
อย่างไรเสีย จุดประสงค์ของเขาก็มีแค่ปลดล็อกเงื่อนไขในการเรียน ‘มังกรผยองได้สำนึก’ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติทุกภารกิจให้สำเร็จแบบสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
อย่างน้อยๆ ก่อนที่เขาจะแน่ใจว่ารางวัลของภารกิจที่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าดินนี้มีมูลค่าสูงกว่าไพ่ลับปกป้องชีวิตอันล้ำค่า เขาก็จะไม่ทดลองทำอย่างนั้นง่ายๆ เด็ดขาด
ทว่าราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง ตอนที่สมาชิกสกุลต้วนต้าหลี่พูดคุยกันอยู่ตั้งนานและต้วนเจิ้งหมิงตอบรับข้อเสนอของต้วนเหยียนชิ่งแล้ว เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นข้างหูสมาชิกทีมหกคนที่ทำภารกิจนี้ (ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงตายแล้วถูกเตะออกจากกลุ่ม)
[ติ๊ง! เนื่องจากเส้นเรื่องหลักคลาดเคลื่อนเยอะมากเพราะถูกรบกวนจากกำลังภายนอก ตอนนี้จึงมอบหมายภารกิจชั่วคราว ‘แก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ’]
[แก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ]
คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์เพื่อรับประกันว่าพวกต้วนเจิ้งหมิงกับต้วนเหยียนชิ่งจะไม่ตายระหว่างการต่อสู้ ทำให้เนื้อเรื่องกลับเข้าสู่ลู่ทางที่ถูกต้อง
ระดับภารกิจ: 8 ดาว
รางวัลภารกิจ: จะได้รับรางวัลภารกิจมากมาย โดยอิงตามการแสดงความสามารถของผู้เล่นระหว่างที่ทำภารกิจ
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ไม่มี
[จะรับภารกิจนี้หรือไม่]
รับ/ปฏิเสธ
……
เมื่อเห็นแจ้งเตือนระบบเด้งออกมากะทันหัน เพื่อนในทีมก็สบตากันแวบหนึ่ง แต่กลับมองเห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน
แม้ทุกคนจะเคยคิดมาก่อนว่าถ้าเนื้อเรื่องบิดเบือนเพราะการกระทำของผู้เล่น ระบบจะปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้สอดคล้องกัน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือการที่ระบบเล่นแบบนี้!
ประกาศภารกิจให้ผู้เล่นคนอื่น อาศัยกำลังของผู้เล่นแก้ไขปัญหาที่ผู้เล่นก่อขึ้นมา ช่างเป็นการวางหมากที่ดีจริงๆ
ด้านหนึ่งมอบผลตอบแทนมหาศาลให้ผู้เล่นที่ทำลายเนื้อเรื่อง เหมือนกำลังกระตุ้นให้ผู้เล่นทำแบบนี้ อีกด้านหนึ่งก็ประกาศภารกิจให้ผู้เล่นฟื้นฟูเนื้อเรื่องที่ถูกทำลาย แก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ
ตอนดูผู้เล่นวิ่งเต้นเพื่อเรื่องนี้ ระบบคงรู้สึกสะใจมากสินะ?
หรือว่าภารกิจที่ตรงข้ามกันแบบนี้ ที่แท้แล้วระบบกำลังอาศัยโอกาสทั้งหมดที่เป็นไปได้มาทดสอบความสามารถและคุณธรรมของผู้เล่น
สำหรับวิธีการของระบบ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่า…
ขอแค่รางวัลเหมาะสม ทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่!
ชะตาของข้า ข้าลิขิตเองอย่างนั้นหรือ
คนที่ดึงดันกับความคิดนี้ มีแต่คนที่ไม่เคยโดนความโหดร้ายในโลกแห่งความจริงโบยตีเท่านั้นแหละ!
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว การที่ถูกระบบหรือถูกใครบางคนส่งเรื่องราวที่ใช่ว่าเขาจะยอมรับไม่ได้มาให้ มีแต่ตอนที่เขารู้สึกไม่พอใจเท่านั้น เขาถึงจะลองต่อต้าน
แต่การที่ระบบโยนภารกิจนี้มาให้ตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกพอใจมาก
แม้จะไม่ได้บอกชัดเจนว่ารางวัลภารกิจคืออะไร แต่ดูจากรางวัลที่นับตามการแสดงความสามารถของผู้เล่น ก็หมายความว่ายิ่งแสดงความสามารถออกมาดีเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น
เขาชอบโหมดการแบ่งรางวัลแบบนี้ที่สุดแล้ว!
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาครุ่นคิดมาอย่างหนักหนึ่งคืน เขาก็พบว่าถ้าอยากแก้ไขสถานการณ์นี้จริงๆ ที่จริงก็ต้องเสียสละมากพอสมควร
อย่างน้อยที่สุดเขาก็มีความมั่นใจเก้าส่วนว่าจะช่วยต้วนอวี้กับมู่หว่านชิงออกมาจากคุกห้องหินในสภาพสมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องอาศัยประกาศิตกระบี่บุปผาโรย!
ชั่วพริบตาหลังจากคิดถึงผลดีผลเสียชัดเจนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งข้อความในช่องทีมสองสามประโยค จากนั้นก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วกุมหมัดคารวะต้วนเจิ้งหมิงที่กำลังสั่งเสีย “ฮ่องเต้ต้วน ที่จริงถ้าอยากจะช่วยต้วนอวี้ออกมา ก็ใช่ว่าจะมีเพียงวิธีการของผู้อาวุโสต้วนเหยียนชิ่งเสมอไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของผู้เล่นและ NPC ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็จ้องไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง
กลับเห็นบนใบหน้าเขามีแต่รอยยิ้มแห่งความมั่นใจ พร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า “หากผู้อาวุโสทุกท่านเชื่อใจผู้น้อย รายชื่อสุดท้ายที่จะเข้าร่วมต่อสู้ด้วย ให้เป็นผู้น้อยดีไหม”
[1] ทุบหม้อข้าวจมเรือ 破釜沉舟 หมายถึงทุ่มสุดตัว