ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 477 ให้เราขยับไม้พายคู่กัน
ตอนที่ 477 ให้เราขยับไม้พายคู่กัน
ตำรากระบี่ที่มีชีวิต?
เนื้อเรื่องแบบนี้คุ้นๆ นะ…
เดี๋ยวก่อนนะ นี่คือค่าตอบแทนของต้วนอวี้ที่ปู้คุยเคยเอ่ยถึงในกลยุทธ์ตามต้นฉบับเดิมไม่ใช่หรอกหรือ
ขอร้องล่ะ! ถึงอย่างไรต้วนอวี้ก็ได้เรียนรู้ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ แล้ว เจ้าจะจับเขาก็พอจะยอมรับได้
ข้าได้มาเพียง ‘กระบี่จงชง’ อย่างเดียวเอง!
เจ้าเล่นแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าเกินไปหรอกหรือ
เล่นไม่ไหวใช่ไหม
แน่นอน สำหรับวิธีการของจิวหมัวจื้อ ในฐานะผู้เล่นที่ฟื้นชีพได้ไม่จำกัด เยี่ยเว่ยหมิงต้องไม่กลัวแน่นอน
เขาก็แค่กำลังครุ่นคิดถึงแผนรับมือ พร้อมถามตามอำเภอใจว่า “ตามความเข้าใจของข้า ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ มีทั้งหมดหกส่วน แบ่งให้ศิษย์ทั้งหกของท่านนำกลับถู่ปัวไปแล้ว…
…หรือพูดได้อีกอย่างว่า นอกจากหนึ่งส่วนที่อยู่ในมือของข้าแล้ว อีกห้าส่วนที่เหลือก็อยู่กันคนละที่ อาจจะยังอยู่ในมือศิษย์ของท่าน หรืออาจจะตกอยู่ในมือผู้เล่นคนอื่นไปแล้วก็ได้”
ขณะอมยิ้มมองจิวหมัวจื้อ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกอีกว่า “สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ข้าไม่ใช่คนแรกที่ได้ตำรากระบี่ คาดว่าคงไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย…
…เหตุใดท่านจึงจับตัวข้าคนเดียว ไม่ไปจับคนอื่นที่มีตำรากระบี่อยู่ในมือ หรือไม่ก็ไปต้อนรับลูกศิษย์ผู้น่ารักพวกนั้นของท่าน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิวหมัวจื้อก็อมยิ้มมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าตัวเองพิเศษมากอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วสะท้านใจอยู่พักหนึ่ง ตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสดีในการสืบข้อมูล จึงรีบซักไซ้ว่า “แล้วไม่ใช่หรอกหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” จิวหมัวจื้อไม่คิดจะปิดบัง ตอบอย่างไม่อ้อมค้อมทันทีว่า “ตั้งแต่เจ้าได้ตำรากระบี่มา ก็ถือว่าได้ปลดล็อกภารกิจหนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้าพาเจ้าไปเยี่ยมท่านผู้เฒ่ามู่หรงปั๋วที่กูซู ก็เป็นเพียงช่วงหนึ่งของภารกิจเท่านั้น…”
เมื่อได้ยินจิวหมัวจื้อพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจกระจ่างทันที
ในเมื่อเข้ามาอยู่ในภารกิจแล้ว เช่นนั้นจิวหมัวจื้อที่อยู่ตรงหน้าก็คงไม่ใช่ร่างแท้ของ BOSS โหมดปกติ แต่เป็น BOSS โหมดภารกิจที่ถูกทำให้อ่อนแอลงเท่านั้น
ซึ่ง BOSS ที่อยู่ในโหมดภารกิจ เมื่อเทียบกับร่างแท้แล้ว นอกจากพลังฝีมือที่ต่างกันมาก ก็ยังมีจุดเด่นใหญ่ๆ อีกข้อหนึ่ง
ตราบใดที่ร่างแท้ยังไม่ตาย เช่นนั้นเมื่ออยู่ในโหมดภารกิจแบบนี้ ก็จะถูกคัดลอกซ้ำออกมาได้ไม่จำกัดตามความต้องการของภารกิจ!
ไม่ว่าจะคัดลอกอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ก็เพียงไม่ได้อยู่ในฉากเดียวกัน NPC สองคนที่ปรากฏตัวในเวลาเดียวกัน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่น
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่ว่าใครจะได้ตำรากระบี่ไป ขอเพียงเขากล้าเรียน ก็เท่ากับว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ก็จะเหมือนกับที่เยี่ยเว่ยหมิงได้รับตอนนี้ ยกตัวอย่างเช่นเมฆเคลื่อนเดียวดายที่ได้ตำราลับ ‘กระบี่ซางหยาง’ ก่อนหน้านี้?
ในเมื่อเป็นภารกิจ เช่นนั้นก็ต้องมีเป้าหมายแน่นอน
ซึ่งตอนนี้เป้าหมายภารกิจของตนก็คงจะเป็น…คิดหาทางหนีจากเงื้อมมือจิวหมัวจื้อ?
ในใจพอจะเดาได้คร่าวๆ แล้ว แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังแสร้งถามเหมือนไม่ตั้งใจว่า “ท่านบอกว่าจะนำตำรากระบี่ที่ข้าวาดมอบให้มู่หรงปั๋ว แต่ตามที่ข้ารู้มา เจ้าหมอนั่นจบเห่ไปตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว”
สำหรับคำว่า ‘จบเห่’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้บรรยายความตายของมู่หรงปั๋ว จิวหมัวจื้อกลับเหมือนไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด
แต่กลับเห็นเขายืนขึ้นช้าๆ ข้างกองไฟ ในมือถือเนื้อไก่ที่ย่างสุกแล้ว เดินมายืนข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกล่าวสิ่งที่ให้คนตัวสั่นออกมา
“อาตมาจะทำให้เจ้ากลายเป็นตำรากระบี่ แล้วย่างไฟส่งให้ท่านผู้เฒ่ามู่หรงปั๋วก็ได้”
จิวหมัวจื้อมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “วางใจเถอะ เมื่ออยู่ในกติกาของระบบ เจ้าไม่ตายทันทีที่เจอไฟในระหว่างพิธีเซ่นไหว้หรอก ระหว่างนั้นเจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ แค่เสียค่าประสบการณ์และค่าตบะนิดหน่อยเท่านั้น…
…นอกจากนี้ ‘กระบี่จงชง’ ที่อยู่ในคอลัมน์ทักษะก็จะหายไปหลังจากที่เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้ว”
พอพูดจบ เขาก็ไม่อธิบายอะไรกับเยี่ยเว่ยหมิงอีก ยื่นไก่ย่างในมือจ่อตรงปากเยี่ยเว่ยหมิงทันที “อาตมาไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สิ่งเหล่านี้เตรียมไว้ให้เจ้า”
ขณะที่พูด ตัวเองกลับนำขนมเปี๊ยะออกมาแล้วกัดคำหนึ่ง
ขณะมองไก่ย่างที่ปรุงอย่างหยาบๆ ในฐานะพ่อครัวระดับพิเศษที่เลเวลฝีมือทำครัวสูงถึงเก้า เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะพูดแขวะสักสองสามประโยค
จู่ๆ บนฟ้าก็มีเสียงประกาศระบบที่คุ้นเคยดังขึ้น
[ประกาศระบบ: พระทิเบตรูปหนึ่งที่พกตำรากระบี่ถูกสังหารแล้ว ตำรากระบี่ส่วนที่สามถือกำเนิด!]
[ยินดีกับผู้เล่นสกุลต้วนต้าหลี่ อาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง ได้รับ ตำรา ‘กระบี่ส้าวชง’ หนึ่งใน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจรฉบับไม่สมบูรณ์’!]
เยี่ยเว่ยหมิงมองไปทางจิวหมัวจื้อ อีกฝ่ายส่ายหน้า แต่กลับไม่พูดอะไร
ตำรากระบี่ที่ปรากฏขึ้นใหม่ทางฝั่งนั้น ย่อมมีร่างแยกอื่นๆ ของจิวหมัวจื้อโหมดภารกิจไปรับมือ ไม่จำเป็นต้องให้เขากังวล
……
เมืองซูโจว โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล “เจ้าหนู เจ้าบอกข้าว่านี่คือตำรา ‘กระบี่จงชง’ อย่างนั้นหรือ”
“เจ้าคิดว่าอาตมาโง่สินะ!”
ในห้องขีดหนึ่งอักษรฟ้าของโรงเตี๊ยม ในมือจิวหมัวจื้อกำลังถือม้วนกระดาษ บนกระดาษโล้นๆ วาดเส้นสีดำเอาไว้เต็ม
เห็นบนม้วนกระดาษนั้นเป็นภาพการ์ตูนตลกที่วาดเค้าโครงไว้อย่างง่ายๆ คนในภาพก็คือตัวเอกอันดับหนึ่งในการ์ตูนตลก หน้าตาเหมือนหวังหนีหม่า[1]ที่เจ้าเล่ห์สุดๆ
กลับเห็นสหายหวังหนีหม่าท่านนี้ทำท่าเหมือนคิดว่าตัวเองหล่อมาก ใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอว แล้วยื่นมืออีกข้างไปข้างหน้า ท่าทางประหลาดมาก
เขาเก็บนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนางของตัวเอง ชูเพียงนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยขึ้นมา เป็นรูปแบบที่ตลกขบขันมาก
เมื่อได้ยินคำถามของจิวหมัวจื้อ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามกลับอย่างเต็มปากเต็มคำมากว่า “ตำรากระบี่นี้ ท่านเตรียมทำพิธีส่งให้วิญญาณของมู่หรงปั๋วไม่ใช่หรอกหรือ เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว!”
จิวหมัวจื้อก็ไม่ตอบแล้วเช่นกัน เพียงใช้สีหน้า ‘เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ’ มองเยี่ยเว่ยหมิง
เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากว่า “คนเป็นเซ่นไหว้คนตาย แน่นอนว่าต้องใช้ของปลอมมาตบตา เหมือนตุ๊กตาคนกระดาษ วัวกระดาษ ม้ากระดาษอะไรพวกนั้น ใช้หลักการนี้เหมือนกันหมดไม่ใช่หรอกหรือ…
…เชื่อข้าเถอะ ถ้าพูดถึงงานพิธีฝังศพ ข้าคือมืออาชีพ!” ขณะที่พูด เขายังทำท่าทางเหมือนหวังหนีหม่า ทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์เลขหกในภาษาจีนด้วย “ดรรชนีกระบี่หกชีพจร วางใจได้”
‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ มารดาเจ้าสิ!
ตอนนี้จิวหมัวจื้อนึกเสียใจทีหลังที่เอ่ยถึงมู่หรงปั๋วให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง ถ้าบอกตรงๆ ว่าตัวเองจะเรียนก็ไม่ต้องมากเรื่องขนาดนั้นแล้ว
แต่ดูตอนนี้สิ ต้องฟังเจ้าเด็กนี่พูดเรื่องพิธีฝังศพของภาคกลางตลอดทาง ทั้งยังไปสั่งซื้อโลงศพชั้นดีที่ร้านขายโลงศพฉี่หลิงอีกหลายใบ
กระทั่งตอนนี้จิวหมัวจื้อก็เพิ่งรู้เช่นกันว่าเจ้าเด็กนี้เป็นสมาชิกวีไอพีของร้านขายโลงศพด้วย!
จะว่าไปแล้ว นี่ข้าจับตัวประหลาดอะไรมา
ตอนนี้จิวหมัวจื้อไม่มีความอดทนจะมาต่อปากต่อคำกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
เขาคว้าตัวเยี่ยเว่ยหมิงพุ่งออกจากโรงเตี๊ยมเสียเลย
ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว พวกเขาก็มาถึงริมน้ำแล้ว
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้น เรือเล็กลำหนึ่งลอยอยู่บนคลื่นสีมรกตของทะเลสาบ สาวน้อยชุดเขียวใช้สองมือพายเรือเข้ามาช้าๆ นางกำลังร้องเพลง เนื้อเพลงประมาณว่า
“ให้เราขยับไม้พายคู่กัน เรือน้อยลอยฝ่าคลื่น ผิวน้ำสะท้อนภาพเจดีย์ขาวงดงาม รอบข้างล้อมด้วยต้นไม้เขียวและกำแพงแดง…” เสียงเพลงอ่อนโยนไร้พิษภัย สนุกสนานชวนให้ใจเต้น
เนื่องจากเยี่ยเว่ยหมิงถูกจี้สกัดจุด ถูกอีกฝ่ายผนึกวิชาไว้เช่นกัน ไม่มีทางโคจรพลังไปที่สายตาได้ ตอนมองไกลๆ รู้สึกเพียงว่าเงาร่างนี้ดูคุ้นเคยมาก จนกระทั่งเรือของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เงาตรงหน้าจึงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสาวน้อยอาปี้ ผู้ที่เคยแจกรางวัลภารกิจให้เขาที่หมู่บ้านชื่อสยา
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่สนใจเลยว่า NPC ที่อยู่ข้างกายจะคิดอย่างไร พูดแขวะตรงๆ เลยว่า “เพิ่งมาถึงริมน้ำก็เจอเรือแล้ว ลักษณะเหมือนอยู่ในโหมดภารกิจจริงๆ ไม่เสียเวลาเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิวหมัวจื้อก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้าหนู ตอนนี้รู้จักกลัวหรือยังล่ะ”
[1] หวังหนีหม่า 王尼玛 ตัวละครในการ์ตูนตลกของจีน