ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 481 ผึ้งเมา
ตอนที่ 481 ผึ้งเมา
ต้องกล่าวว่าอาจูกับอาปี้สมแล้วที่มีพื้นเพมาจากสาวใช้ของตระกูลใหญ่ เพียบพร้อมไปด้วยมารยาทในการรับแขก
แม้จะถูกข่มขู่ แต่ก็ยังเตรียมอาหารเลิศรสหรูหราไว้ให้เยี่ยเว่ยหมิงกับจิวหมัวจื้อ
ร่างกายท่อนล่างของเยี่ยเว่ยหมิงถูกสกัดจุดไว้ทั้งหมด เจ้าโล้นจิวหมัวจื้อถึงขั้นใช้เชือกมัดสองเท้าของเขาติดกับขาเก้าอี้เอาไว้อย่างแน่นหนา ท่าทางเหมือนกลัวเขาจะหนี
เนื่องจากกำลังจะรับประทานอาหาร ร่างกายท่อนบนจึงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่กลับรวบรวมกำลังภายในไม่ได้เลยสักนิด
หลังจากได้บทเรียนที่เจ็บปวดจาก ‘สิบแปดฝ่ามือพังเรือ’ ก่อนหน้านี้ ตอนนี้จิวหมัวจื้อจึงป้องกันเยี่ยเว่ยหมิงเหมือนป้องกันโจร ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
แต่เมื่อตัวอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมที่จะแสดงฝีปาก “เจียงหนานแห่งนี้ ขุนเขาก็งาม ลำน้ำก็งาม คนงามยิ่งกว่า มีเพียงขุนเขาเช่นนี้ ถึงจะมีลำน้ำเช่นนี้ ถึงได้หล่อเลี้ยงคนเช่นนี้ออกมาได้…
…และมีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้น ถึงจะหลอมรวมจิตวิญญาณของทิวทัศน์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับฝีมือการทำครัวจนกลายเป็นอาหารเลิศรสเช่นนี้ได้ หายาก หายากจริงๆ!”
“อ้อ?” พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงชมแบบนี้ อาจูก็แปลกใจทันที “ในเมื่อคุณชายเยี่ยชอบอาหารเหล่านี้ เช่นนั้นท่านก็ลองเดาสิว่าข้าเป็นคนทำ หรืออาปี้เป็นคนทำ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบทันทีว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้ว จุดที่ล้ำค่าที่สุดของอาหารเหล่านี้อยู่ที่ท่วงทำนองเฉพาะตัวของอาหารแต่ละจาน หากวิเคราะห์จากคำว่าทำนอง ที่จริงคำตอบนี้ก็เดาได้ไม่ยาก”
เยี่ยเว่ยหมิงเปิดหน้าทักษะฝีมือการทำครัวของระบบ พร้อมพูดเป็นต่อยหอยว่า “ขาหมูรมควันอิงเถามีความความเปรี้ยวหวานหอมกรอบ ลิ้นเป็ดดอกเหมยก็เป็นแนวคิดที่ฉลาดหลักแหลม สีแดงสวยและหอม สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับสตรีที่งามทั้งกายและใจอย่างแม่นางอาจูมาก ต้องเป็นฝีมือของแม่นางอาจูแน่นอน…
…ส่วนแกงหน่อไม้ใบบัวก็ดูใสๆ เรียบง่าย ลูกชิ้นปลาหยกนุ่มและหอม สีเขียวสดรสชาติไม่ธรรมดา เข้ากับลักษณะของสตรีที่เปี่ยมคุณธรรมและอ่อนโยนอย่างแม่นางอาปี้ คงจะเป็นฝีมือของอาปี้ไม่ผิดแน่”
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดจาฉะฉานมีหลักฐาน อาจูกับอาปี้ก็ตาเป็นประกายพร้อมกัน อาปี้รีบถามว่า “คุณชายเยี่ยก็รู้ทักษะการทำครัวด้วยหรือเจ้าคะ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า
ตอนนี้อาจูกลับถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายเยี่ยช่วยชี้แนะจุดบกพร่องในอาหารของพวกเราได้หรือไม่คะ”
อาหารเหล่านี้ ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงเคยชิมมาแล้วสองคำ ทักษะฝีมือการทำครัวช่วยให้เขาแน่ใจระดับทักษะของพวกนางทั้งสอง จึงกล่าวอย่างมั่นใจทันทีว่า “ฝีมือการทำครัวสิบคะแนน แม่นางทั้งสองทำได้เจ็ดคะแนน หากอยากก้าวหน้าอีกขั้น ก็ต้องลองท้าทายตัวเอง”
“หรือไม่พวกเจ้าก็ลองเรียนทำอาหารที่อีกฝ่ายถนัดดู เมื่อไรที่พวกเจ้าทำอาหารที่อีกฝ่ายถนัดออกมาได้ในรูปแบบของตัวเอง ก็น่าจะอยู่ไม่ห่างจากแปดคะแนนแล้ว”
อาจูถามต่อ “เช่นนั้น หากพวกเราอยากพัฒนาขึ้นอีกก้าวจากพื้นฐานนี้ล่ะ”
“เช่นนั้นข้าก็ลำบากใจจริงๆ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างจนใจ “ไม่ปิดบังความจริง ฝีมือการทำครัวของข้ามีเพียงเก้าคะแนนเท่านั้น ทั้งยังได้ระดับนี้เพราะโอกาสและความบังเอิญด้วย ระดับของตัวเองยังไม่มั่นคง จะให้ชี้แนะผู้อื่นกลับทำไม่ได้”
เขาชะงักครู่เดียว แล้วบอกอีกว่า “จิวหมัวจื้อ หรือเจ้าจะแก้มัดเชือกกับคลายจุดบนตัวข้าก่อนล่ะ ให้ข้าลงครัวทำอาหารเอง ให้เจ้ากับแม่นางทั้งสองได้ชิมสักหน่อยเป็นไร”
“ช่างเถอะ” จิวหมัวจื้อไม่แม้แต่จะเหลือบหนังตาขึ้น ตอบอย่างใจเย็นสุดๆ ว่า “ต่อให้เจ้าทำแล้ว อาตมาก็ไม่กล้ากิน เจ้าประหยัดแรงไว้ดีกว่า”
พอแผนการล้มเหลว เยี่ยเว่ยหมิงก็มองเหยียดอีกฝ่ายปราดหนึ่ง แล้วบอกว่า “ใจแคบ!” แล้วเริ่มกินอาหารเงียบๆ
“คุณชายเยี่ยอย่าเอาแต่กินสิเจ้าคะ สุรานี้ข้ากับพี่อาจูใช้เวลาหมักด้วยกันมาตั้งสามปีเชียวนะ ต่อให้เป็นฝีมือการทำครัวของจอมยุทธ์น้อยเยี่ย แต่เกรงว่าภายในเวลาสั้นๆ นี้ก็คงทำไม่ได้อยู่ดี” ขณะที่กำลังรินสุราให้เยี่ยเว่ยหมิง อาปี้ก็แนะนำไปด้วย จากนั้นก็รินให้จิวหมัวจื้อหนึ่งจอก “ไต้ซือเชิญดื่มเจ้าค่ะ”
พอพูดจบก็ขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง เสร็จแล้วถึงได้วางไหสุราลง
ส่วนอาจูที่นั่งอีกด้านก็จุดไม้จันทน์หอมเสร็จแล้ว นางบอกว่า “ต่อไปยังมีอาหารจานใหญ่อีกเจ้าค่ะ ข้ากับอาปี้ขอตัวไปดูก่อน”
พอพูดจบก็คำนับทั้งสองแล้วพากันเดินออกจากห้องรับประทานอาหารไป
เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยร่างกายหมื่นพิษไม่กล้ำกรายของตัวเอง จึงไม่มีของต้องห้ามใดๆ สำหรับเขาเลย จานไหนอร่อยก็กินจานนั้น กินจนปากมันแผล็บ
จิวหมัวจื้อกินของว่างไปไม่กี่คำเท่านั้น พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงดื่มสุรา จู่ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่อาปี้กำชับตอนท้าย เขายิ้มบางๆ เลือกที่จะทำผิดศีล ดื่มสุราจนหมดจอกแล้ว
สัญชาติญาณบอกเขาว่า ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงดื่มอย่างบ้าระห่ำไม่หยุด ก็แสดงว่าสุรานี้ไม่มีปัญหา การไม่ดื่มต่างหากกลับทำให้เกิดพิษ
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงกับจิวหมัวจื้อไม่ถูกกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครพูด แค่ต่างคนต่างกินอาหารของตัวเอง
รอจนกระทั่งพวกเขากินจนอิ่ม ก็ยังไม่เห็นพวกอาจูกลับมา
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงหึ่งๆ ดังมาจากที่ไกลๆ ผึ้งนับไม่ถ้วนชนประตูห้องโผเข้ามาหาทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องแล้ว
มารดาเจ้าเถอะ!
เมื่อเห็นฝูงผึ้งที่บินเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าโรคกลัวรูของตัวเองใกล้กำเริบแล้ว
แต่เขากลับถูกสกัดจุดไว้ สองขาถูกมัด ไม่มีทางหลบหรือตบป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพได้เลย ส่วนจิวหมัวจื้อหลังจากโบกฝ่ามือจนผึ้งบางส่วนกระจายไปแล้ว ก็ทำลายหน้าต่างเพื่อหาทางหนีทันที
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วร้อนใจมาก “นี่! หลวงพี่ เจ้าก็พาข้าไปด้วยสิ!”
จิวหมัวจื้อกลับไม่แยแส พบว่าในบรรดาผึ้งเหล่านั้นมีตัวที่บินตามเขามาไม่น้อยเลย เขาทำได้เพียงโบกฝ่ามือโจมตีไปข้างหลัง
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่าพระรูปนี้ไม่มีเวลามาช่วยตนเลย ตอนที่เพิ่งเตรียมจะใช้ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ ทะลวงคลายจุด แต่จู่ๆ กลับพบว่ามีลมฝ่ามือที่ทรงพลังกลุ่มหนึ่งพัดเข้ามา
เขาหันไปมองด้วยความตกใจ กลับพบว่าตอนที่จิวหมัวจื้อกำลังโบกฝ่ามือโจมตีผึ้ง พลังฝ่ามือหนึ่งในนั้นบังเอิญโจมตีมาทางฝั่งนี้พอดี ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงมีปฏิกิริยาอะไร ฝ่ามือนั้นก็โจมตีถูกบนตัวเขาเต็มๆ แล้ว!
โชคดีเช่นกันที่ฝ่ามือนี้ของจิวหมัวจื้อโจมตีเข้ามาเพื่อรับมือกับผึ้งที่เข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน พลังฝ่ามือค่อนข้างกระจัดกระจาย อานุภาพไม่แรงมาก
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังถูกหนึ่งฝ่ามือของเขาตบจนกระเด็นออกไป ตอนที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ เก้าอี้ที่มัดอยู่กับตัวเขาก็ถูกพลังฝ่ามือชนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแถบพลังชีวิตเหนือศีรษะของเขาที่เดิมทียังเต็มอยู่ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน!
ตู้ม!
พอตกลงในน้ำ เยี่ยเว่ยหมิงที่เปิดใช้งานหมดความรู้สึกเจ็บกลับไม่รู้สึกเจ็บมากอย่างที่คาดไว้ แต่ความง่วงกลับถาโถมเข้ามาอย่างไม่อาจต้านทานได้
ตอนนี้ถึงได้นึกออก ว่าก่อนที่จิวหมัวจื้อจะโจมตีฝ่ามือนั้นมา บนตัวเขาถูกผึ้งพวกนี้ปล่อยไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร
ซึ่งความง่วงที่เขารู้สึกตอนนี้ ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน
เช่นนั้น คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ…พิษผึ้ง!
เป็นพิษผึ้งอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ข้าก็ต้านไม่ไหว?
จะว่าไปแล้ว ข้าเป็นคนที่หมื่นผิดไม่กล้ำกรายไม่ใช่หรือ
ทำไมถึงต้านเหล็กในของผึ้งไม่กี่ตัวพวกนี้ไม่ไหว
เพียงชั่วประกายไฟตอนตีหิน เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจปัญหาบางอย่างแล้ว ตามด้วยคำถามมากมายที่พรั่งพรูขึ้นในใจ
แต่เขาไม่มีเวลาไปครุ่นคิดอย่างละเอียด เมื่อถูกพิษผึ้งโจมตี เขาก็ประคองสติของตัวเองได้ยากแล้ว ประกอบกับสำลักน้ำเย็น ตอนนี้จึงหมดสติโดยสิ้นเชิง
……
“คุณชายเยี่ย คุณชายเยี่ย…”
ขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ยินเสียงเรียกที่กระวนกระวาย
จากนั้นก็รู้สึกว่ามีครนผลักแขนเขาเบาๆ ลองปลุกให้เขาตื่น
ขณะที่สะลึมสะลือ เขาแยกออกเพียงว่านั่นคือเสียงผู้หญิง
อยากจะลืมตาดูว่าใครกันที่เรียกตน แต่กลับรู้สึกหนักหนังตาที่สุด ไม่มีทางลืมตาได้เลย
ความรู้สึกแบบนี้แย่มาก ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างรุนแรง
ต้องฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!
แต่ตอนนี้ นอกจากเขาจะไม่ได้แก้พิษผึ้งแล้ว สาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือจุดเลือดลมของเขาถูกสกัดไว้จนเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก มีต่างหากสาเหตุที่ทำให้เขาฟื้นไม่ได้ในทันที
วิธีการที่ใช้ได้แค่ตอนนี้มีแค่…