ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 493 วิชาควบคุมกระบี่!
ตอนที่ 493 วิชาควบคุมกระบี่!
[ตำราลับทักษะยุทธ์] ตำราลับทักษะยุทธ์ที่ได้จากจิวหมัวจื้อ หลังจากแลกเปลี่ยนกันสำเร็จแล้ว ก็จะสุ่มกลายเป็นหนึ่งในวิทยายุทธ์ที่จิวหมัวจื้อถนัด
เมื่อเห็นคำว่า ‘สุ่ม’ บนปกตำราลับในมือ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ในสายตาของเขา คำว่าสุ่มมักจะหมายถึงกับดัก
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าแม้ตัวเองอาจจะไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุด แต่ก็ไม่ใช่คนที่โชคดีแน่นอน
ถ้าเป็นไปได้ เขาชอบควบคุมการเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในมือตัวเองมากกว่า ไม่ใช่ส่งต่อให้ ‘การสุ่ม’ ที่เทียบกันไม่ติดมาตัดสินใจให้
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แล้วตอบอย่างแน่วแน่มาก “อันนี้ไม่ได้ เปลี่ยนใหม่”
คาดไม่ถึงว่าจิวหมัวจื้อได้ยินแล้วยิ้มเจื่อนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอธิบายว่า “ที่จริงตำราลับสุ่มเล่มนี้คือของที่ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะหามาได้แล้ว แม้จะมีโอกาสต่ำมาก แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่นิดหน่อยที่จะได้สุดยอดวิชาบนตัวข้า”
ขณะที่พูด ก็ชี้นิ้วไปบนท้องฟ้า “ถึงอย่างไร เจ้าก็เข้าใจกฎสูงสุดของสวรรค์ ไม่ยอมให้เจ้าฝ่าฝืนตามอำเภอใจหรอก”
พอได้ยินจิวหมัวจื้อพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็นับว่าเข้าใจกระจ่างแล้ว
สงสัยจะเป็นเพราะ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ในมือตนอนาถเกินไปจริงๆ อนาถจนถูกระบบกำหนดให้เป็นวิทยายุทธ์ระดับกลาง
แม้จะเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของสุดยอดวิชา แต่มูลค่าของมันก็ควรจะสูงสุดในบรรดาวิทยายุทธ์ระดับกลาง
แต่ไม่ว่าจะสูงสุดอย่างไร ระดับกลางก็คือระดับกลาง ระบบไม่อนุญาตให้จิวหมัวจื้อนำของที่ล้ำค่าเกินไปออกมาแลก
แต่ถ้าเป็นการสุ่ม ก็ยังพอมีโอกาสได้ของดีอยู่บ้าง หากเป็นการแลกเปลี่ยนกันโดยตรง คงจะได้แค่ส่วนหนึ่งของวิทยายุทธ์ระดับสูงที่คุณภาพค่อนข้างแย่ หรือถึงขั้นได้เพียงวิทยายุทธ์ระดับกลางเท่านั้น
ตอนนี้กลับได้ยินจิวหมัวจื้อพูดต่อว่า “ที่จริงเจตนาเดิมของอาตมา ก็ชอบใช้วิธีแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนให้แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นมากกว่า ส่วนในระหว่างนั้นจะได้เปรียบบ้างหรือเสียเปรียบบ้าง อาตมากลับไม่ถือสาเลย
เขาพูดพลางประนมมือพร้อมกล่าวอย่างจริงใจมากกว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดด้วยกฎสูงสุดของสวรรค์ อาตมาก็ถึงขั้นยอมนำตำราลับ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ เจ็ดเล่มในมือออกมาทีเดียวเลย จอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะได้ทำความเข้าใจด้วยกัน ร่วมใช้สุดยอดวิชาบู๊ลิ้มด้วยกัน!”
สำหรับคำพูดนี้ของจิวหมัวจื้อ ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงเชื่อไปแล้วเกินครึ่ง
ก่อนหน้านี้เขาถูกจิวหมัวจื้อพาเดินทางจากต้าหลี่ไปที่ซูโจว เพื่อหาวิธีการหลุดพ้น เขาเคยอ่านกลยุทธ์ของอินปู้คุยส่วนที่เกี่ยวข้องกับจิวหมัวจื้อหลายครั้ง อนุมานวิธีการทำเรื่องของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซึ่งหลังจากการวิเคราะห์ครั้งนี้ เขาพบว่าคนต่ำช้าที่แท้จริงอย่างจิวหมัวจื้อ เวลาจะทำเรื่องอะไรสักอย่างล้วนใช้สมองเต็มที่ ถึงขั้นไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยด้วย
ก็เหมือนเมื่อก่อนที่ไปแลกตำรากระบี่ที่วัดเทียนหลง ตอนแรกนำสามตำราสุดยอดทักษะของเส้าหลิน ‘ดรรชนีเด็ดบุปผา’ ‘ดรรชนีใบตาล’ และ ‘ดรรชนีกัลป์ไร้ลักษณ์’ ออกมา ปากก็บอกว่ายินดีนำสามเล่มนี้มาแลกกับตำรา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’
ที่จริงแล้วทุกคนล้วนเข้าใจดี ว่าตอนที่เจรจากัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ไม่อาจเผยเส้นตายของตัวเองออกมาตามตรง
ส่วนขั้นตอนการแลกเปลี่ยนโดยละเอียด ต้องให้ทั้งสองฝ่ายค่อยๆ เจรจาและต่อรองกันในรายละเอียดด้านต่างๆ เจรจาจนสุดท้ายเกิดผลลัพธ์ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ การซื้อขายแลกเปลี่ยนถึงจะบรรลุผล
ดังนั้นก่อนที่จะถึงวัดเทียนหลง สุดยอดทักษะของเส้าหลินที่เตรียมไว้ไม่ได้มีเพียงสามเล่มแน่นอน
อิงตามที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดเดา เขาน่าจะทำสำเนาสุดยอดทักษะของเส้าหลินทั้งหมดที่ตัวเองเรียนแล้วพกไว้ข้างกาย
ถ้าอีกฝ่ายยินยอมที่จะแลกเปลี่ยนกันจริงๆ ต่อให้มอบสุดยอดทักษะของเส้าหลินทั้งหมดที่เรียนให้ จิวหมัวจื้อก็จะไม่เสียดายอยู่ดี
แต่น่าเสียดาย ไต้ซือคูหรงแห่งวัดเทียนหลงแค่อยากจะปกป้องสมบัติของบ้านตัวเอง ไม่ได้อยากได้สุดยอดทักษะของเส้าหลินเลยสักนิด ไม่ได้ส่งสัญญาณ ‘เรื่องนี้เจรจากันได้’ เลย จิวหมัวจื้อถึงได้ต้องล้มเลิกแผนแรก เปลี่ยนจากแลกกันเป็นแย่งชิงแทน
ขั้นตอนนี้ดูเหมือนลึกลับ แต่ที่จริงแล้วการแลกเปลี่ยนครั้งนั้นวัดเทียนหลงเป็นฝ่ายได้เปรียบ ฝ่ายที่เสียหายที่แท้จริงคือเส้าหลิน จิวหมัวจื้อลงทุนน้อยได้ผลมาก ย่อมไม่สนใจอยู่แล้วว่าในการแลกเปลี่ยนตัวเองจะ ‘ขาดทุน’ หรือไม่
เพราะในการแลกเปลี่ยนครั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะได้สุดยอดทักษะของเส้าหลินมากี่เล่ม สิ่งที่เขาต้องจ่ายก็เป็นเพียงตำราลับฉบับสำเนาเท่านั้น แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
ในการแลกเปลี่ยนครั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ขาดทุนได้ มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ขาดทุน
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ เดิมทีก็ไม่ใช่ของจิวหมัวจื้ออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะได้ฉบับไม่สมบูรณ์มา ทำให้การฝึกวิชานี้เกิดความผิดพลาด
ครั้งนี้มีโอกาสชดเชยให้สมบูรณ์แล้ว จิวหมัวจื้อย่อมไม่สนใจเช่นกันว่าระหว่างเขากับเยี่ยเว่ยหมิงใครจะได้เปรียบกว่า
ตราบใดที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ขอ ‘ดาบเปลวอัคคี’ เช่นนั้นผู้ที่ขาดทุนที่แท้จริงก็คือบุคคลที่สามเสมอ เพื่อที่จะชดเชย ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ให้สมบูรณ์อย่างราบรื่น เขาย่อมถือโอกาสแสดงน้ำใจต่อเยี่ยเว่ยหมิงโดยไม่ต้องออกแรงอยู่แล้ว
แต่ก็น่าเสียดาย เมื่อการกระทำแบบนี้เกี่ยวข้องกับผู้เล่น ก็จะถูกกติกาของระบบจำกัดไว้ ไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย
มองออกแล้วว่าจิวหมัวจื้อจนปัญญา เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่พัวพันกับประเด็นนี้อีก
เขาจึงเก็บตำราลับนั่นทันที จากนั้นนำสมุดบัญชีที่บันทึกวิชา ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ฉบับไม่สมบูรณ์ออกมาแลกกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
หลังจากจิวหมัวจื้อได้รับตำราแล้ว บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา หลังจากหัวเราะสองที ก็ลุกขึ้นยืนอย่างอดใจรอไม่ไหว โค้งตัวคำนับเยี่ยเว่ยหมิงแล้วกล่าวอำลาจากไปทันที
ไม่ชักช้าเสียเวลาเลยสักนิด!
หลังจากส่งจิวหมัวจื้อไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ย้ายสายตากลับไปบน ‘ตำราลับทักษะยุทธ์’ นั่นอีกครั้ง แต่กลับพบว่าหลังจากแลกเปลี่ยนกับจิวหมัวจื้อแล้ว ค่าสเตตัสเปลี่ยนไปเป็น…
[วิชาคุมกระเรียน (ระดับสูง)] วิชาดูดวัตถุผ่านอากาศที่ร้ายกาจของยุทธภพ
เงื่อนไขการฝึก
สติปัญญา 50
ค่าตระหนักรู้ 80
กำลังภายในสูงสุด 20000 แต้ม!
……
‘วิชาคุมกระเรียน’ แม้จะเป็นเพียงวิทยายุทธ์ระดับสูง แต่เงื่อนไขการฝึกของมันสูงมาก สูงเกินสุดยอดวิชาหลายวิชาแล้ว!
แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง
เพราะแม้เงื่อนไขการฝึกจะสูง แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เขารับไหว ให้ฝึกตอนนี้เลยก็ยังได้
เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปนานแล้วเกิดความผิดพลาด เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ลังเลอีก ถือตำราลับไว้ในมือแล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียดทีละหน้า
หลังจากนั้นพักหนึ่ง…
[ติ๊๊ง! คุณตั้งใจอ่านศึกษาตำราลับ ‘วิชาคุมกระเรียน’ ตระหนักรู้วิทยายุทธ์ระดับสูง ‘วิชาคุมกระเรียน’ ได้รับค่าประสบการณ์ ‘วิชาคุมกระเรียน’ 1000 แต้ม]
[วิชาคุมกระเรียน (ระดับสูง)] วิชาดูดวัตถุผ่านอากาศที่ร้ายกาจของยุทธภพ
กำลังภายในสูงสุด 20000 แต้ม!
วิชาดูดวัตถุผ่านอากาศที่ร้ายกาจของยุทธภพ
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 1000/2000
ดูดวัตถุผ่านอากาศเพื่อใช้โจมตี ใช้กำลังภายในของตัวเองให้เป็นฝ่ามือ ควบคุมวัตถุผ่านอากาศได้ตามอำเภอใจ!
ควบคุมวัตถุโจมตีผ่านอากาศ จะได้โบนัสค่าสเตตัส 5% (อัตราส่วนโบนัสโดยละเอียด อิงตามการเปลี่ยนแปลงของเลเวลเคล็ดวิชา)
กำลังภายในที่ใช้: 1000 แต้ม
……
เยี่ยเว่ยหมิงหลับตาลง สัมผัสรับการเปลี่ยนแปลงของวิชานี้เงียบๆ มุมปากเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา
‘วิชาคุมกระเรียน’ นี้ ถ้าถูกคนธรรมดาในยุทธภพเก็บได้ คงถูกนำมาเทียบกับ ‘วิชาจับมังกร’ อย่างเลี่ยงได้ยาก
หากอิงตามข้อมูลที่แสดงตอนเขาเรียนรู้ตำราลับ ‘วิชาคุมกระเรียน’ นี้แม้ประสิทธิภาพจะยังไม่ดุดันแข็งกร้าวเท่า ‘วิชาจับมังกร’ แต่ถ้าพูดถึงความแยบยลในการพลิกแพลง วิชานี้กลับเหนือกว่า!
เป็นคำวิจารณ์ที่เจ๋งมากใช่ไหมล่ะ
แต่ในสายตาเยี่ยเว่ยหมิง ความหมายแฝงของประโยคนี้ก็คือ ‘วิชาคุมกระเรียน’ แม้จะชื่อเสียงเทียบเคียงได้กับ ‘วิชาจับมังกร’ แต่อานุภาพยังด้อยกว่าเยอะมาก
ระหว่างสองวิชานี้ต่างกันขนาดไหน?
ก็คล้ายกับความต่างระหว่างเฉียวเฟิงเหนือกับมู่หรงใต้!
ที่เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินแบบนี้ สาเหตุก็เพราะ…
ในกลยุทธ์ ‘วีรบุรุษยิงอินทรีย์’ ที่อินปู้คุยส่งมาให้ ตอนที่พูดถึงความแตกต่างระหว่าง ‘ฝ่ามือเหล็ก’ ของฉิวเชียนเริ่นกับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ก็อธิบายแบบนี้เช่นกัน
ดังนั้นถ้า ‘วิชาคุมกระเรียน’ ตกอยู่ในมือของผู้เล่นคนอื่น ก็คงทำได้เพียงใช้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งเท่านั้น
ที่จริงประโยชน์ของมันเทียบไม่ได้กับวิทยายุทธ์ระดับสูงที่ใช้สำหรับโจมตีหลักเลย ยกตัวอย่างเช่น ‘ดรรชนีเด็ดบุปผา’ ‘ดรรชนีใบตาล’ อะไรทำนองนั้น…
แต่ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเลือกใช้คอลัมน์สกิลอันล้ำค่าเพื่อเรียนวิชานี้แล้ว ก็ย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นของที่ไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ แต่หลังจากอยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิง ไม่แน่ว่าจะแสดงประสิทธิภาพที่คนอื่นคาดไม่ถึงออกมาไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น…
ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงพิจารณาละเอียดว่าจะใช้ ‘วิชาคุมกระเรียน’ ทำให้สิ่งที่คิดก่อนหน้านี้เป็นจริงได้อย่างไร ข้างหูกลับมีเสียงแจ้งเตือนของระบบที่ทำให้คนฮึกเหิมอีกครั้ง
[ติ๊ง! พบว่า ‘วิชาคุมกระเรียน’ มีค่าสเตตัสที่สอดคล้องกับเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ของฉายากระบี่ ‘คนกระบี่’ ของคุณมาก จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่]
ใช่/ปฏิเสธ
ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รวมเลย!
ก็ต้องรวมอยู่แล้ว!
ที่จริงหลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเรียน ‘วิชาคุมกระเรียน’ สิ่งที่อยากทำก็เกี่ยวข้องกับเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ในฉายากระบี่ของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าอยากทำให้เป็นความจริง ก็ต้องทดลองกับอุปกรณ์ในช่วงหลังก่อนถึงจะทำได้
ถ้าระบบยินดีช่วยเหลือ รวมสองสิ่งนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะลดความยุ่งยากให้เขาได้ไม่น้อยเลย
ถึงขั้นว่าในค่าสเตตัสด้านต่างๆ ก็จะดีกว่าการที่ของใช้สองวิชานี้ประกอบกันด้วย
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะทิ้งโอกาสดีที่นานๆ มาทีแบบนี้!
[ติ๊ง! รวมทักษะสำเร็จ กรุณาตั้งชื่อให้ทักษะใหม่]
พอได้ยินว่าทำแบบนี้ได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว
จะว่าไปแล้วตอนที่เขาได้ฉายาแนวทางกระบี่ก่อนหน้านี้ ทำไมไม่ให้ตั้งชื่อเองบ้างล่ะ
เยี่ยเว่ยหมิงบ่นในใจเงียบๆ แล้วอ่านค่าสเตตัสของสกิลใหม่หลังจากรวมกัน ก่อนจะตั้งชื่อสกิลใหม่อย่างน่าไม่อายว่า…วิชาควบคุมกระบี่!
[ติ๊ง! ตรวจสอบแล้วพบว่าตอนนี้ในเกมยังไม่มีทักษะชื่อเดียวกัน สอดคล้องกับมาตรฐานการตั้งชื่อ ตั้งชื่อทักษะใหม่สำเร็จ!]
[วิชาควบคุมกระบี่ (ระดับสูง)]
คุมกระบี่ผ่านอากาศ ทำร้ายศัตรูผ่านอากาศได้!
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 1000/2000
ควบคุมกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่ทั้งหมดที่เคยเรียนมาผ่านอากาศได้ ตอนคำนวณระดับความแข็งแกร่งของพลังโจมตี พบว่าได้รับโบนัสค่าสเตตัส 5% รวมทั้งเอฟเฟ็กต์พิเศษที่มากับทักษะและอุปกรณ์ของผู้ฝึกด้วย
ตอนที่ใช้วิชานี้ จะเชื่อมโยงกับกระบี่ล้ำค่าที่ควบคุมได้ทุกเมื่อ ใช้วิธีกรอกกำลังภายในเข้าไปในนั้นเพื่อชดเชยพลังที่เสียไปตอนควบคุมกระบี่
กำลังภายในที่ใช้: 2000 แต้ม
……
ดูจากค่าสเตตัสที่อธิบายไว้ก็มองออกแล้วว่ากำลังภายในที่ใช้สำหรับ ‘วิชาควบคุมกระบี่’ มากกว่าที่ใช้กับ ‘วิชาคุมกระเรียน’ เป็นสองเท่า ดูแล้วเหมือนเปลืองกำลังภายในมาก แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น
เพราะข้อมูล ‘กำลังภายในที่ใช้ 2000 แต้ม’ ไม่ได้บอกว่าทุกครั้งที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้วิชาควบคุมกระบี่แสดงกระบวนท่าของวิชากระบี่แล้วจะต้องใช้กำลังภายใน 2000 แต้มเสมอไป
แต่ตอนที่เขาใช้งาน ‘วิชาควบคุมกระบี่’ จะต้องกรอกกำลังภายใน 2000 แต้มเข้าตัวกระบี่เพื่อรักษาให้กระบี่ล้ำค่าทำงานอยู่กลางอากาศได้ ในระหว่างนั้นถ้าใช้กระบวนท่ากระบี่ที่แตกต่างกัน จำนวนกำลังภายในที่ใช้ก็ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่กำลังภายในที่อยู่ในตัวกระบี่ไม่ถูกใช้จนหมด เขาก็ควบคุมกระบี่โจมตีได้ทุกเมื่อ ใช้ได้สมใจนึกสุดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้กำลังภายในที่เก็บอยู่ในตัวกระบี่จะถูกใช้หมดก็ไม่เป็นไร เขาอาศัยเอฟเฟ็กต์พิเศษที่รวม ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ กับ ‘วิชาควบคุมกระบี่’ กรอกกำลังภายในเข้าไปเติมได้ทุกเมื่อ
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เทียบเท่ากับแบตสำรองสองพันมิลลิแอมป์?
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ‘วิชาควบคุมกระบี่’ ก็นำมาใช้เป็นวิธีการพิเศษที่ทำให้คนคาดคิดไม่ถึงเท่านั้น
เพราะหากพูดถึงพลังโจมตี พลังทำลายล้างของการควบคุมกระบี่ผ่านอากาศก็ยังไม่ดีเท่ากันถือกระบี่ออกกระบวนท่าเอง
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่รีบร้อนใช้ค่าตบะเพิ่มเลเวลให้มัน
เมื่อเทียบกับวิชาที่ถูกกำหนดให้ใช้งานไม่บ่อยแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ ‘เงาของเทพกระบี่’ หลังจากเพิ่มเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลางจนถึงระดับสมบูรณ์แล้วมากกว่า
พอลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขก เยี่ยเว่ยหมิงก็วิ่งตรงไปยังสระจระเข้ที่อยู่ห่างออกไปทางฝั่งตะวันตกสามสิบลี้
หลังจากออกจากเมืองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำแผนที่ออกมาดูทิศทางให้แน่ใจก่อน
จากนั้นใช้พลังจิต เรียกกระบี่ชิงชัย กระบี่ทองปัวสวินและกระบี่รอยมังกรออกมาพร้อมกัน เขากรอกกำลังภายในใส่ในกระบี่เหล่านั้นเล่มละสองพันแต้ม แล้วก็ควบคุมกระบี่ล้ำค่าสามเล่มนี้ให้ต่อหัวต่อหางกันบินอยู่กลางอากาศทันที
ขณะที่กระบี่ล้ำค่าสามเล่มนี้ถูกเยี่ยเว่ยหมิงควบคุม มันก็กลายเป็นวงล้อกระบี่ที่เฉียบคมไร้เทียมทาน ขณะที่บินอย่างรวดเร็ว ก็มีเสียงฝ่าอากาศดังระคายหูเป็นระยะ
ขณะมองวงล้อกระบี่ที่รุกก็โจมตีได้ ถอยก็ป้องกันได้แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็ทะยานร่างขึ้นไปอยู่กลางอากาศเหนือวงล้อกระบี่
เขาใช้มือซ้ายชี้กระบี่ไปข้างหน้า กระบี่ล้ำค่าสามเล่มที่เดิมทีบินวนก็เปลี่ยนทิศทางทันที ฝ่าอากาศตรงไปทางสระจระเข้แล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ เท้าซ้ายอยู่บนสันของกระบี่ทองปัวสวินที่อยู่ลำดับท้ายสุดจากกระบี่สามเล่มนี้พอดี จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ก้าวที่สอง เหยียบกระบี่รอยมังกร
ก้าวที่สาม ย่ำกระบี่ชิงชัย…
กระทั่งเหยียบก้าวที่สี่ กระบี่ทองปัวสวินที่เดิมทีอยู่หลังสุดก็ตามมาทันแล้ว มาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาพอดี
แล้วเป็นดำเนินไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเหยียบกระบี่มาตลอดทาง ช่างสง่างามยิ่งนัก!
แม้วิธีการเดินทางของเขาตอนนี้ สุดท้ายแล้วยังเป็นวิชาตัวเบา
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกว่า…
ตัวเองแทบจะได้สัมผัสกับความรู้สึกยามขี่กระบี่บินทั้งๆ ที่อยู่ในเกมที่มีฉากหลังเป็นแนวกำลังภายใน