ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 496 ต่างฝ่ายต่างเกิดจิตสังหาร
ตอนที่ 496 ต่างฝ่ายต่างเกิดจิตสังหาร
เมื่อเห็นเซี่ยเยียนเค่อที่มีเจตนาสังหารมาอยู่ตรงหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกชาหนังศีรษะอยู่พักหนึ่ง
ตอนนี้เขาไม่กล้าเรียกเจ้าแดงที่เป็นสัตว์เลี้ยงออกมา จะได้ไม่กระตุ้นความทรงจำไม่ดีบางอย่างของประสกหมัวเทียนแล้วฆ่าเขาตรงนี้ ไม่มีจุดไหนให้พูดแก้ตัวแล้วจริงๆ
ทว่าน้องดาบเหมือนจะไม่สังเกตเห็นความอึดอัดของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากเห็นเซี่ยเยียนเค่อแล้ว ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติมาก นางกุมหมัดคำนับเซี่ยเยียนเค่อ “ผู้น้อยคำนับจอมยุทธ์เซี่ย พวกเรามาหาโก่วจ๋าจ่ง เขาอยู่บนหน้าผาหมัวเทียนใช่ไหมคะ”
“ไม่อยู่” เซี่ยเยียนเค่อตอบอย่างตรงไปตรงมามาก
“เขาไปไหนแล้ว” น้องดาบรีบถามอีก
เซี่ยเยียนเค่อได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากรู้ไหม”
ครั้งนี้กลับไม่รอให้น้องดาบตอบ เยี่ยเว่ยหมิงชิงพูดก่อนว่า “นางอยากเจอ แต่ข้าไม่อยากเจอ ลาก่อน!”
พอพูดจบ เขาก็เตรียมกระโดดหน้าผาทันที
อาศัยวิชาตัวเบาของเขาตอนนี้ ต่อให้ไม่มีเจ้าแดง แต่ถ้าอยากกระโดดลงจากหน้าผาหมัวเทียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ทว่า ยังไม่ทันรอให้เขาเคลื่อนไหว กลับเห็นเงาคนถลันมาตรงหน้า เซี่ยเยียนเค่อก้าวขึ้นมาขวางตรงหน้าเขาแล้ว “หยุดนะ! อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป เจ้าเห็นหน้าผาหมัวเทียนเป็นอะไร”
ขณะมองรอยยิ้มกลับกลอกของเซี่ยเยียนเค่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วว่าเรื่องในวันนี้คงไม่จบลงด้วยดี
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ต้องโทษตน ถ้าก่อนออกเดินทางถามน้องดาบสักหน่อยว่าจะมาพบใคร ก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
แต่น่าเสียดาย ต่อให้มีเงินก็ซื้อคำว่า ‘รู้ตั้งแต่แรก’ ไม่ได้!
ความจริงก็เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดไว้ คนที่เซี่ยเยียนเค่อเกลียดที่สุดตอนนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเยี่ยเว่ยหมิง
เกิดเป็นต้นไม้ยังมีเปลือก เกิดเป็นคนต้องมีศักดิ์ศรี
ถ้าก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงแค่เรียกเขาออกมารับมือกับจิวหมัวจื้อ ต่อให้เขาไปท้าสู้แบบตัวต่อตัว แต่ก็สู้อีกฝ่ายไม่ไหวเลยโดนอีกฝ่ายตีตาย เขาเองก็จะไม่บ่นเช่นกัน ถึงขั้นขอบคุณเยี่ยเว่ยหมิงจากใจที่ช่วยให้สมปรารถนาด้วย
อย่างไรเสีย ในฐานะจอมยุทธ์แห่งคำสัญญาอันดับหนึ่งในใต้หล้า หากเขาตายในระหว่างที่ทำตามสัญญา รู้ไปถึงไหนก็ถือเป็นเรื่องที่ดีงามของยุทธภพ
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเรียกเขาออกมาในฐานะของสัตว์เลี้ยง ให้ไปร่วมมือกับยอดฝีมือคนอื่นล้อมโจมตีจิวหมัวจื้อ!
ล้อมโจมตีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การออกมาในฐานะสัตว์เลี้ยงนั้นน่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว!
ล้อมโจมตีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การออกมาในฐานะสัตว์เลี้ยงนั้นน่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว!
เรื่องนี้ถ้ารู้ไปถึงไหน เซี่ยเยียนเค่อก็จะกลายเป็นเรื่องตลกในยุทธภพ
แต่นี่ดันเป็นเรื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงขอหลังจากคืนประกาศิตเหล็กนิลแล้ว เป็นเพราะคำสัญญาที่ทำให้เขาไม่อาจไม่ตอบรับ
ถึงขั้นว่าหลังจากจบเรื่องแล้ว เขาก็จะไม่เป็นฝ่ายมาล้างแค้นเยี่ยเว่ยหมิงก่อนเพราะเรื่องนี้
อย่างไรเสีย การฆ่าคนที่เคยขอให้เจ้าทำงานให้หลังจากที่เจ้าทำงานเสร็จ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ก็จะทำให้ชื่อเสียงของจอมยุทธ์แห่งคำสัญญาดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
แต่ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เจ้าเด็กนี่จะเป็นฝ่ายขึ้นมาที่หน้าผาหมัวเทียนของเขาก่อน เช่นนั้นก็ทำตามกฎของหน้าผาหมัวเทียนได้
อะไรนะ?
เจ้าบอกว่าหน้าผาหมัวเทียนไม่มีกฎอะไร?
ไม่!
ต้องมีกฎแน่นอน
ในฐานะเจ้าของหน้าผาหมัวเทียน ข้าตั้งกฎขึ้นมาได้ทุกเมื่อ!
เจ้าโจรชั้นต่ำ ครั้งนี้เจ้าจะไม่ตายก็ให้มันรู้ไป
เมื่อเห็นเซี่ยเยียนเค่อทำสีหน้าเหมือนทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตัวเองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับแบมืออย่างจนใจ “ที่ข้ามาวันนี้ ที่จริงเป็นเพราะบังเอิญผ่านมาเท่านั้น ข้ามาผิดทางไม่ได้หรือไง”
เซี่ยเยียนเค่อยิ้มชัดเจนกว่าเดิม ตอบอย่างจริงจังว่า “ไม่ได้”
ขณะที่พูด สายตาของตาแก่คนนี้ก็ย้ายไปมาระหว่างตัวเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ จากนั้นก็บอกว่า “ในเมื่อขึ้นมาบนหน้าผาหมัวเทียนของข้าได้ ก็ย่อมเป็นคนที่มีเรื่องให้ขอร้องทั้งนั้น ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาด้วยธุระอะไร ตาแก่คนนี้ก็รับปากว่าจะจัด…ตอบคำถามพวกนั้นของพวกเจ้า”
พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว เซี่ยเยียนเค่อก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด จึงรีบเปลี่ยนคำพูดจะจัดการเป็นตอบคำถาม จากนั้นก็พูดต่อ “แต่ถ้าอยากรู้อะไรจากปากของข้า ก็ต้องผ่านบททดสอบของข้าให้ได้ก่อน…
…เช่นนั้นต่อไป ขอเพียงพวกเจ้ารับสามฝ่ามือของข้าได้โดยไม่ตาย ข้าก็จะตอบคำถามพวกเจ้าหนึ่งคำถาม”
น้องดาบคลุกคลีกับเยี่ยเว่ยหมิงจนติดนิสัยบางอย่างมา นางจับประเด็นสำคัญของปัญหาจากคำพูดของเซี่ยเยียนเค่อได้ทันที จึงรีบถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกเราต้องรับสามฝ่ามือที่ใส่พลังกี่ส่วนของท่าน”
“นั่นก็ต้องดูว่าพวกเจ้าถามคำถามอะไร” เซี่ยเยียนเค่อพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้ามีคำถาม แต่ข้าไม่มี ขอตัวก่อน!” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ จนถึงขีดจำกัดสูงสุด พอถลันตัวก็ไปอยู่ตรงจุดที่ห่างออกไปจากหน้าผาสามจั้งแล้ว
ถึงแม้ข้างล่างจะว่างเปล่า ไม่มีจุดให้เหยียบ แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่มีเจ้าแดงคอยป้องกันให้กลับไม่กังวลว่าตัวเองจะตกลงไปตาย
ตรงกันข้าม ถ้าเขาอยู่ต่อ เขารู้สึกว่าตัวเองจะต้องถูกเซี่ยเยียนเค่อที่มีเจตนาไม่ดีวางกับดักให้ตายแน่นอน
ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงคิดตื้นเกินไปแล้ว
ตอนที่ร่างของเขาเหาะออกจากหน้าผา เตรียมจะรักษาท่าทางตอนตกลงในแนวดิ่งไว้สักพัก พอออกจากขอบเขตโจมตีของเซี่ยเยียนเค่อแล้วค่อยเรียกเจ้าแดงให้พาบินไปไกลๆ จู่ๆ กลับรู้สึกแน่นเอว ราวกับมีพลังที่น่ากลัวบางอย่างรัดเอวเขาไว้
ประกอบกับตัวเขาอยู่กลางอากาศ ไม่มีจุดให้อาศัยแรงเลย ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์
ชั่วขณะที่เขามึนงง ก็ถูกเซี่ยเยียนเค่อดึงตัวขึ้นมาบนยอดหน้าผาแล้ว
วิชาคุมกระเรียน!
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นทักษะที่ตนเพิ่งเรียนมาจากจิวหมัวจื้อ ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยเยียนเค่อก็ใช้วิชานี้ได้เหมือนกัน อีกทั้งดูจากที่อีกฝ่ายคว้าตนกลับขึ้นมาถึงยอดหน้าผาได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่ามีความรู้ลึกซึ้งในกระบวนท่านี้ แสดงว่าระดับที่ฝึกต้องสูงกว่าของเยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้ตั้งเท่าไร!
แต่เรื่องนี้ก็อธิบายไม่ยากได้เช่นกัน แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะอัปเกรด ‘วิชาคุมกระเรียน’ ให้กลายเป็น ‘วิชาควบคุมกระบี่’ แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเลเวลหนึ่ง การที่แสดงประสิทธิภาพที่ควรจะมีออกมาไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
ตอนเยี่ยเว่ยหมิงถูกดูดกลับมาบนยอดหน้าผาอีกครั้ง เซี่ยเยียนเค่อกลับบีบคอเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ทำให้เขาพูดไม่ออก จึงเปลี่ยนไปถามน้องดาบแทน “พวกเจ้าสองคน อยากจะรู้คำตอบของคำถามไหน”
น้องดาบงงทันที นึกขึ้นได้ถึงอันตรายที่อยู่ในนั้นแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังตอบตามความจริงว่า “พวกเรามาหาโก่วจ๋าจ่ง”
นางบอกเพียงว่าตัวเองจะมาหาคน แต่กลับไม่ถามอีกฝ่ายก่อนว่าอาจ่งอยู่ที่ไหน เป็นเพราะนางเห็นอันตรายที่แฝงอยู่ในนั้นแล้วเช่นกัน จึงเตรียมจะหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเอง
ตามหลักแล้ว คำตอบของน้องดาบนับว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แต่ช่วยไม่ได้ที่เซี่ยเยียนเค่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะฉวยโอกาสฆ่าเยี่ยเว่ยหมิงให้ตายสักครั้ง จึงเข้าใจว่าคำถามของเธอคือการถามเขาว่าโก่วจ๋าจ่งอยู่ที่ไหน
ดังนั้น เซี่ยเยียนเค่อจึงหัวเราะลั่น “บังเอิญจัง ไม่ว่าคำถามใดที่เกี่ยวกับโก่วจ๋าจ่ง ตามกติกาแล้วล้วนถูกกำหนดให้เป็นคำถามระดับสูงสุด…
…ถ้าพวกเจ้าอยากรู้ที่อยู่ของเขา เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้ดี ต้องรับสามฝ่ามือที่ใส่พลังเจ็ดส่วนของข้าก่อน!”
พูดจบแล้วเขาถึงได้ปล่อยมือจากเยี่ยเว่ยหมิง แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ในบรรดาพวกเจ้าสองคน เจ้าหนุ่มนี่ฝีมือสูงกว่านิดหน่อย ให้เจ้ามารับฝ่ามือก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น น้องดาบก็ถามในช่องทีมด้วยความแปลกใจทันที [ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเซี่ยเยียนเค่อจงใจพุ่งเป้ามาที่เจ้าล่ะ]
[มั่นใจในตัวเองหน่อย ตัดคำว่า ‘รู้สึก’ กับ ‘เหมือน’ ออก] เยี่ยเว่ยหมิงตอบพร้อมยิ้มเจื่อน [ตาแก่ซกมกนี่จงใจพุ่งเป้ามาที่ข้า!]
น้องดาบ [เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไร]
[ในเมื่อเขาอยากทำให้ข้าตาย เช่นนั้นทางที่ดีที่สุด ก็คือให้เขาทำให้ข้าตายไง]
ในดวงตาเยี่ยเว่ยหมิงฉายแววดุร้าย จากนั้นก็บอกเซี่ยเยียนเค่อว่า “ทำไมทุกครั้งที่มีบททดสอบ ต้องเป็นข้ารับฝ่ามือตลอด ไร้ความคิดสร้างสรรค์เกินไปแล้ว พวกเรามาเดิมพันให้ยุติธรรมกันสักหน่อยไหม สู้กันสามฝ่ามือเป็นอย่างไร…
…ไม่ว่าใครก็ห้ามหลบทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นถือว่าเป็นไอ้ไข่ตะพาบจอมทรยศ!”