ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 497 ขีดจำกัดของมังกรบินอยู่สวรรค์
ตอนที่ 497 ขีดจำกัดของมังกรบินอยู่สวรรค์
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะเปลี่ยนเป็นการเดิมพัน เซี่ยเยียนเค่อก็อยากจะปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ
แต่ถ้าเรื่องที่เขาบีบให้เยี่ยเว่ยหมิงรับบททดสอบแพร่ออกไป ถึงแม้แต่ละคนจะยืนกรานในความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วชื่อเสียงของเขาก็จะเสียหายอยู่ดี
แต่ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงเป็นคนเสนอเดิมพันนี้เอง นั่นก็ย่อมมีความหมายอีกอย่างหนึ่งแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ เซี่ยเยียนเค่อก็พยักหน้ารับปากทันที “ได้! เพื่อทำให้เจ้ายอมแพ้จากใจ ทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกัน!”
เขาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสริมอีกว่า “แต่เดิมพันที่นี่ไม่เหมาะสม ข้าไม่อยากใช้พลังฝ่ามือตบเจ้าตกหน้าผา เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าข้าอาศัยความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์รังแกเจ้า ตามข้ามา”
พอพูดจบ เซี่ยเยียนเค่อก็พาทั้งสองเดินไปบริเวณใจกลางของยอดหน้าผาหมัวเทียน
เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบเดินตามหลัง ขณะเดียวกันเยี่ยเว่ยหมิงก็บ่นในช่องแชททีมว่า [ไม่ได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์บ้าบออะไรกัน ตาแก่นี่กังวลว่าข้าจะกระโดดหน้าผาหนีล่ะสิไม่ว่า]
น้องดาบอดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ [ตามที่ข้ารู้มา นิสัยและคุณสมบัติของเซี่ยเยียนเค่อคนนี้เป็นอย่างไรก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ทำไมเจ้าไปมีเรื่องกับเขาถึงขั้นนี้ได้]
[อย่าถามเลย] เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล [ตาแก่นี่ชั่วร้ายมาก ตอนนี้เขาคิดว่าเจ้าไม่รู้ความจริงอะไรเลย ถึงได้ยังเกรงใจเจ้าอยู่ ถ้าเขาสังเกตได้ว่าเมื่อไหร่เจ้ารู้เรื่องน่าอายของเขา…]
[ไม่เป็นไร ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เจ้าเองก็ไม่ต้องบอกอะไรข้าเหมือนกัน] ตอนนี้น้องดาบไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเหมือนอย่างตอนแรกแล้ว หลังจากตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ก็เลิกหาเหตุผลที่จะซักไซ้เรื่องนี้ต่อ จึงถามอีกคำถามที่สอดคล้องกับความจริงมากกว่า [ต่อไปเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร]
[ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คอยดูว่าข้าจะทำให้ตาแก่นี่ตายอย่างไรก็พอ] เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมั่นใจในตัวเองแล้วพูดเสริมว่า “อีกประเดี๋ยวจ้องในช่องแชททีมไว้ให้ดี ถ้ามีอะไรจำเป็นให้ช่วย ข้าจะบอกให้เจ้าลงมือได้ทุกเมื่อ…
…ตาแก่นี่อย่างน้อยก็เลเวลร้อยสามสิบขึ้นไป ถ้าทำให้เขาตายได้ ผลตอบแทนก็น่าจะเพียงพอให้พวกเราเพิ่มความสามารถของตัวเองให้สูงขึ้นอีกขั้น]
ยอดของหน้าผาหมัวเทียนไม่ได้สูงมาก ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียว เซี่ยเยียนเค่อที่เดินอยู่หน้าสุดก็หยุดเดิน แล้วหันมาพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงและน้องดาบ “พื้นที่ตรงนี้กว้างโล่ง เป็นสถานที่ทดสอบที่ไม่เลวเลย จอมยุทธ์น้อยเยี่ยพอใจกับที่นี่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่สื่อว่าไม่มีปัญหา แล้วเอ่ยตอบ “ได้”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็หยุดยืนอยู่ห่างจากเซี่ยเยียนเค่อสามจั้งแล้วถามอย่างลำพองใจ “ผู้อาวุโสเซี่ย เตรียมตัวรับกระบวนท่าเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
เซี่ยเยียนเค่อได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมเตือนอีกครั้งว่า “ในเมื่อจะสู้กันด้วยฝ่ามือ เช่นนั้นในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสของยุทธภพ ตามหลักแล้วก็ควรให้เจ้าเตรียมตัวให้เต็มที่ก่อน…
…แต่เตรียมตัวให้เต็มที่ที่ข้าบอก ไม่ได้พูดรวมถึง ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเจ้านะ…
…อีกประเดี๋ยวถ้าเจ้าทำให้ข้ารู้สึกถึงภัยคุกคาม ข้าก็จะคิดเสียว่าเจ้าลงมือแล้ว ตอนที่เจ้ากำลังเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายของข้า ก็อย่าบอกว่าตัวเองยังไม่ได้เตรียมตัวก็แล้วกัน”
ตาแก่คนนี้ ตอนที่อยู่หุบเขาว่านเจี๋ยเคยเห็นฉากอันน่าตื่นตะลึงที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ โจมตีจนจิวหมัวจื้อจนถอยไป ยังจำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ตอนนี้ในเมื่อจะใช้ฝ่ามือสู้กัน เขาย่อมต้องป้องกันจุดนี้อยู่แล้ว
แต่เวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยน ไพ่ลับที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ขู่เขาได้ไม่ใช่มีแค่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ แล้ว
เมื่อได้ยินเซี่ยเยียนเค่อพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เพียงยิ้มดูถูกแล้วตอบเหมือนไม่ใส่ใจว่า “นั่นก็แน่อยู่แล้ว”
พอพูดจบก็พลันกระโดดขึ้นมา กระโดดขึ้นสูงห่างจากพื้นสามจั้งสามฉื่อ
ความสูงระดับนี้คือขีดจำกัดสูงสุดที่เยี่ยเว่ยหมิงทำได้ในปัจจุบัน ต่อให้ใช้ปลายเท้าซ้ายเหยียบหลังเท้าขวา แต่ก็ไม่มีทางทะลวงขีดจำกัดความสูงนี้ได้อยู่ดี!
แต่คนเราย่อมคิดหาวิธีการได้อยู่แล้ว
ถึงแม้จะใช้ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ได้ไม่เกินขีดจำกัดนี้ แต่กลับไม่ได้หมายความว่าใช้วิธีการอื่นไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น…เจ้าแดง!
ตอนร่างของเยี่ยเว่ยหมิงขึ้นถึงขีดจำกัดความสูง กลับเห็นเขาโบกมือหนึ่งที เรียกสัตว์เลี้ยงเจ้าแดงออกมาแล้ว
จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ถือโอกาสคว้าเท้าซ้ายของเจ้าแดง ทำให้ตัวเองอยู่บนฟ้าสูงต่อไป ชั่วพริบตาเดียวก็ดึงระยะห่างออกจากเซี่ยเยียนเค่อเกินสิบจั้งแล้ว หลุดออกจากขอบเขตการโจมตีโดยสมบูรณ์
สำหรับเรื่องนี้ เซี่ยเยียนเค่อกลับไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงเอาสองมือไพล่หลังอย่างใจเย็น กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “เตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ในระหว่างที่รับบททดสอบ เจ้าไม่มีทางออกจากขอบเขตหน้าผาหมัวเทียนได้”
ส่วน ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ?
เซี่ยเยียนเค่อก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน
อย่างไรเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่อาจเปิดใช้งานทักษะนี้โดยไม่สนระยะทางได้ เซี่ยเยียนเค่อเชื่อว่า ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเขายิงโจมตีระยะไกลได้เหนือกว่า ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเยี่ยเว่ยหมิง!
ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ทันทีที่ลงมือ
มือข้างหนึ่งคว้าเท้าซ้ายของเจ้าแดงที่บินอยู่บนฟ้า เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคำนวณระยะความสูงระหว่างตัวเองและพื้นดินเงียบๆ
ตอนที่เขาใช้ฟังก์ชันตรีโกณมิติและทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ระดับสูงต่างๆ คำนวณโดยอิงจากการเปลี่ยนแปลงของขนาดของวัตถุบนพื้นในสายตาตัวเอง สุดท้ายตอนที่ตัวเองอยู่ห่างจากพื้นสิบห้าจั้ง ถึงได้ปล่อยมือออกจากเท้าซ้ายของเจ้าแดง แล้วพุ่งศีรษะลงมาตรงจุดที่เซี่ยเยียนเค่อยืนอยู่
“ผู้อาวุโสเซี่ย เตรียมรับฝ่ามือแรกของผู้น้อยแล้วสินะ หรือท่านจะเตรียมทรยศคำพูดตัวเองแล้วหลบล่ะ”
เซี่ยเยียนเค่อได้ยินแล้วแสยะยิ้ม ใช้พลังที่อันธพาลม้วนสนหนามที่กระจายอยู่รอบๆ ขึ้นมา แล้วรวบรวมมายังจุดที่เขายืนอยู่ เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวรับฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่บนฟ้าบีบตัวให้เองรวบพลังจนถึงขีดจำกัดแล้ว!
มังกรบินอยู่สวรรค์ ยิ่งกระโดดสูงเท่าไร ประสิทธิภาพก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น
ตามทฤษฎีแล้ว ประสิทธิภาพของวิชานี้ไม่มีขีดจำกัดเลย!
แต่ในความเป็นจริง ในใต้หล้านี้ไม่มีวิทยายุทธ์ไหนที่ไร้ขีดจำกัด
ซึ่งขีดจำกัดของมังกรบินอยู่สวรรค์ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแบกรับของตัวผู้ใช้งานเอง
อย่างไรเสีย ยิ่งกระโดดสูงมากขึ้น นอกจากประสิทธิภาพของเคล็ดฝ่ามือที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ตอนตกลงมาก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเช่นเดียวกัน!
แม้การปล่อยฝ่ามือก่อนตกพื้นจะลดแรงปะทะที่เกิดขึ้นจากความเร็วตอนตกลงมาได้ แต่หากมีแรงชนมากเกินไป ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับไหวแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ในโหมดปกติทำได้ถึงขั้นตกจากที่สูงเจ็ดจั้งแล้วไม่บาดเจ็บ แต่ถ้าสิบจั้งรับรองว่าตายแน่…
ส่วนความสูงที่เกินระดับนี้ เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่เคยลอง แต่แค่คิดก็รู้ถึงผลลัพธ์แล้ว
ตอนที่เขาปล่อยฝ่ามือมังกรบินอยู่สวรรค์ออกมา จะต้องสะเทือนตายเพราะพลังของตัวเองแน่นอน ไม่ห่วงเลย!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ที่ระดับความสูงสิบห้าจั้ง เป็นการกระทำที่ไม่เคยทดลองมาก่อนเลย
เมื่อเห็นวัตถุที่อยู่ข้างล่างขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บนร่างกายของเยี่ยเว่ยหมิงก็ปะทุไอร้อนออกมา
สองเท่า!