ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 516 ระยะยิงพลังฝ่ามือ ผ่านอากาศสี่จั้ง!
ตอนที่ 516 ระยะยิงพลังฝ่ามือ ผ่านอากาศสี่จั้ง!
[วิชาอรูปฌาน]
ณาณและยุทธ์รวมเป็นหนึ่ง ไร้รูปไร้สี
เลเวล: 10
ค่าประสบการณ์: …
กำลังภายใน +12000
ความแข็งแกร่ง +600
พละกำลัง +600
หลังจากติดตั้งสกิลนี้ จะได้รับประสิทธิภาพวิชากำลังภายในเพิ่ม 7% (ค่าสเตตัสได้รับผลกระทบจากเลเวล ‘อรูปฌาณ’ และ ‘พุทธธรรม’ หลังจากติดตั้งแล้วจะแสดงผลออกมา)
เอฟเฟ็กต์: ไร้สี
ไร้สี: ลดความเร็วของปราณแท้นอกร่างกายที่อ่อนแอลงได้ครึ่งหนึ่ง!
……
เอฟเฟ็กต์ไร้สีนี้ มองแวบแรกอาจจะทำให้คนสับสนมาก
แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเอฟเฟ็กต์พิเศษที่ใช้งานได้จริงดีมากๆ
ถึงขั้นว่ายอดเยี่ยมกว่าเอฟเฟ็กต์ของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ และ ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ เล็กน้อย!
ต้องทราบไว้ว่าหลังจากปราณแท้ของผู้ที่ฝึกยุทธ์ออกจากการควบคุมของร่างกาย มันก็จะสลายไปในอากาศเร็วมาก แม้จะเป็นสุดยอดวิชาที่แข็งแกร่งอย่าง ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ พลังฝ่ามือที่ฟันออกมาก็จะหายไปในอากาศอย่างรวดเร็วเช่นกัน
อีกทั้งยิ่งอยู่ห่างจากร่างกายไกลเท่าไร ก็ยิ่งสลายไปเร็วเท่านั้น!
ดังนั้น แม้จะเป็นเคล็ดฝ่ามือเดียวกัน แต่เมื่อโจมตีบนร่างกายโดยตรงหนึ่งฝ่ามือ ก็จะเกิดดาเมจสูงสุด แต่เมื่อไรที่กระตุ้นพลังฝ่ามือโจมตีออกไป ประสิทธิภาพก็จะอ่อนแอลงเล็กน้อย หลังจากอยู่ในระยะห่างบางระดับ ก็จะกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพไปเลย จนกระทั่งพลังฝ่ามือหายไปโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่พลังฝีมือของชาวยุทธ์เองเอื้ออำนวย ก็ยังชอบต่อสู้แบบปล่อยพลังผ่านอากาศมากกว่าอยู่ดี
เมื่อตรวจสอบสาเหตุแล้ว แน่นอนว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย!
อย่างไรเสีย ข้อได้เปรียบที่มือยาวกว่า ขอเพียงเป็นคนที่เคยเล่นเกมมาก่อนก็จะรู้ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากเลย
แม้การยืดระยะห่างตอนโจมตี มีราคาที่ต้องจ่ายคือการลดพลังโจมตีก็ตาม!
แต่ทักษะอย่าง ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ใช้อาวุธลับเป็นสื่อนำ ช่วยลดผลด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากปราณแท้ออกจากร่างกายได้ในระดับที่สูงมาก แม้จะโจมตีในระยะไกล แต่ก็ยังรักษาประสิทธิภาพไม่ให้ลดลงได้
แต่พอเป็นแบบนี้ กลับทำให้พลังดรรชนีที่เดิมทีควรจะไร้รูปเปลี่ยนเป็นมีรูปร่างแล้ว ป้องกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก
ได้อย่างเสียอย่าง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วดีหรือไม่ดี
ส่วนลักษณะพิเศษของ ‘วิชาอรูปฌาน’ หลังจากถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ก็คือรับประกันว่าเมื่อปราณแท้ไร้รูปอยู่นอกร่างกาย มันจะเสื่อมประสิทธิภาพช้าลงครึ่งหนึ่ง!
แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับลดผลข้างเคียงที่ไม่ดีระหว่างการใช้ปราณแท้โจมตีได้เยอะมาก หากพิจารณาขึ้นไปอีกขั้น ก็กล่าวได้ว่าตอนโจมตีกระยะไกลจะขยายระยะยิงที่มีประสิทธิภาพได้อีกเท่าตัว!
ยกตัวอย่างเช่นพลังฝ่ามือผ่านอากาศของเยี่ยเว่ยหมิง เดิมทีเมื่ออยู่ในระยะหนึ่งจั้ง ประสิทธิภาพจะถูกลดลงจนเหลือแปดส่วน เช่นนั้นก็แสดงว่าตอนนี้ถ้าโจมตีภายในระยะห่างหนึ่งจั้ง จะยังคงรักษาพลังโจมตีไว้ได้เก้าส่วนจากของเดิม ตอนที่โจมตีภายในระยะห่างสองจั้ง ถึงจะถูกลดพลังโจมตีลงให้เหลือแปดส่วน แบบนั้นใช่หรือเปล่า
ตอนที่ในใจกำลังคิดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยืนขึ้นอีกครั้งทันที ในฝ่ามือมีเสียงมังกรคำรามดังแว่วออกมา
เมื่อได้เห็นฉากนี้ น้องดาบที่กำลังกินเนื้อย่างก็หยุดการกินมูมมามโดยจิตใต้สำนึก นางพูดจาอู้อี้ขณะที่เนื้อยังอยู่ในปาก “เมื่อครู่เจ้าฝึกอยู่ตั้งนาน ยังรู้สึกไม่สะใจอีกหรือ ตอนนี้ยังคิดจะฝึกต่ออีกหรือไง”
“ไม่เหมือนกัน” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ “ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ยาของสุราโอสถสองชนิด เกิดกำลังภายในจำนวนมากสะสมในร่างกาย ถ้าไม่ระบายออกมาจะรู้สึกไม่สบายตัว ตอนที่ใช้ฝ่ามือจึงสนใจแต่ระบายพลังออกมาอย่างเดียว ไม่ได้สนใจรายละเอียดบางอย่างที่ควรสนใจเลย ตอนนี้นึกขึ้นได้ว่ามีบางจุดต้องพิสูจน์ ย่อมต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งสักหน่อย”
พอพูดจบก็ใช้ท่า ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ผลักฝ่ามือออกมาข้างหน้าเบาๆ
กรรร!
ตามด้วยเสียงมังกรคำรามที่ดังชัดเจน พลังฝ่ามือรูปมังกรสีทองบินออกไปไกลสี่จั้ง ถึงได้สลายหายไปในอากาศ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วขมวดคิ้ว สถานการณ์นี้แตกต่างกับตัวเลขที่เขาจินตนาการไว้ตอนแรกพอสมควร
ก่อนเพิ่มเลเวล ‘วิชาอรูปฌาน’ ถึงระดับสมบูรณ์ ระยะโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของพลังฝ่ามือคือประมาณสองจุดห้าหกจั้ง
ถ้าคำนวณตามที่เดาก่อนหน้านี้ เช่นนั้นระยะโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของพลังฝ่ามือของเขาก็น่าจะประมาณห้าจั้ง แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ตอนนี้หนึ่งฝ่ามือที่โจมตีสุดกำลังของเขา ยืดระยะห่างที่มีประสิทธิภาพได้เพียงสี่จั้งต้นๆ เท่านั้น
ต่างกับที่คิดไว้ในใจเยอะมาก!
พอมองแบบนี้ สาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพของพลังฝ่ามือที่โจมตีผ่านอากาศลดลง นอกจากความเร็วในการลดลงของประสิทธิภาพปราณแท้แล้ว จะต้องมีสาเหตุอื่นด้วยแน่นอน
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บมือกลับมาเงียบๆ ตัดสินใจว่าจะไม่คิดวนเวียนกับปัญหาที่ยังไม่มีทางเข้าใจได้ในตอนนี้อีก
บางทีในอนาคตถ้าได้สัมผัสกับสิ่งอื่น ไม่แน่ว่าอาจจะแก้ปัญหานี้ได้เอง
ก็เหมือนกับเอฟเฟ็กต์พิเศษตอนที่ ‘วิชาอรูปฌาน’ ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ก็เจอเรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเหนือความคาดหมายไม่ใช่หรอกหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงนั่งลงอีกครั้ง แล้วหยิบหมูสามชั้นชิ้นหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะกัดกินคำใหญ่อย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์
ผู้คนมักจะบอกว่าบนโต๊ะอาหารคือสถานที่พูดคุยที่ดีที่สุด แต่หลังจากรสชาติอร่อยของอาหารเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง กลับพบว่าอาจจะไม่มีอารมณ์พูดคุยธุระกันตอนกินข้าวอีกก็ได้
ทั้งสี่คนกินเนื้อย่างเงียบๆ อย่างนี้ต่อไป เมื่อรู้สึกเลี่ยนก็ดื่มสุราหยกราชสำนักคำหนึ่ง ทำให้ได้รสชาติไปอีกแบบเช่นกัน
กระทั่งกินจนอิ่มไปแล้วเจ็ดแปดส่วน สะพานสวรรค์น้อยถึงได้อดถามไม่ได้ว่า “ข้ากับติงตังนั่นแม้จะไม่รู้จักกัน แต่พี่ซื่อเจี้ยนกลับเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ทั้งยังอ่อนโยนน้ำใจงามมากด้วย คนที่ทำใจฆ่านางได้ลงคอ แปดส่วนคงไม่ใช่คนดีอะไร”
“พี่ใหญ่เยี่ย เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่ามีวิธีการแก้ปัญหาจากต้นตอ อย่าบอกนะว่าจะฆ่าติงตังตอนเป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม หลังจากกลืนเนื้อย่างในปากแล้วก็ตอบว่า “วิธีการนี้เรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว แต่ก็ได้ประสิทธิภาพที่สุดเช่นกันไม่ใช่หรอกหรือ แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น…”
เมื่อได้ยินดังนั้น มั่วหรานที่อยู่ข้างๆ ก็รีบซักไซ้ “อย่าบอกนะว่ามีก้าวที่สองอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก้าวที่สองก็คือรอให้พวกเจ้าสังหารร่างแท้ของติงตังตายแล้ว ก็ค่อยจ่ายเงินอีกนิดหน่อยไปหาซินแสดูดวงคนก่อนหน้านี้ ถามเขาว่าเคราะห์ตายของซื่อเจี้ยนหมดไปหรือยัง แน่นอนว่าโดยสถานการณ์ทั่วไป หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้วก็จะมีเสียงแจ้งเตือนจากระบบ แต่ถามสักหน่อยคงจ่ายเงินไม่มากหรอก ถือว่าระวังเอาไว้ไม่ให้เกิดความผิดพลาดใหญ่โต”
ตอนที่ทั้งสามคนเริ่มสื่อสารกันเรื่องภารกิจ น้องดาบกลับยังสนใจแต่กินเนื้ออย่างมูมมาม จนกระทั่งกำจัดเนื้อหมูสันนอกของนางหายไปสามชิ้น ค่าความหิวกลายเป็นศูนย์ กินอย่างอื่นไม่ลงอีกแล้ว นางถึงได้เอ่ยถามถึงประเด็นที่สำคัญที่สุด “เกรงว่าภายในระยะเวลาที่นานมากต่อจากนี้ ติงตังจะเป็นหนึ่งใน NPC ที่เป็นกุญแจสำคัญของภารกิจเนื้อเรื่อง เป็น BOSS ของเรื่องโดยสมบูรณ์ เจ้าจะสังหารร่างแท้นางให้ตายได้อย่างไร”
“ก็ต้องหาที่อยู่ของติงตังให้เจอก่อนสิ” เยี่ยเว่ยหมิงพูดพร้อมแบมือ “ที่จริงก็เป็นเพราะข้ารู้ภารกิจของพวกเจ้าช้าไปหน่อย กระทั่งระหว่างทางจากวัดร้างมาที่นี่ พวกเจ้าถึงได้บอกข้า ถ้าข้ารู้เรื่องนี้ก่อนแยกกับไป๋วั่นเจี้ยนและจอมกระบี่ขาวดำ บางทีอาจจะยืมแรงของพวกเขาสักหน่อย แต่ตอนนี้…”
พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มยิ้ม “เหมือนจะยังไม่สายไป!”
ขณะที่พูด ก็เปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบ ใส่ชื่อหลี่วั่นจีในรายการเพื่อนแล้วส่งคำขอเป็นเพื่อน
ก่อนหน้านี้หลี่วั่นจีบอกว่าแม้ทำภารกิจชนกัน แต่หลังจากผ่านไปแล้วจะไม่ผูกใจแค้น ก็แสดงว่าไม่ถือสาที่จะทำข้อแลกเปลี่ยนกับเยี่ยเว่ยหมิงเพื่อทำภารกิจชนกับสำนักอื่น