ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 521 เจอโหยวโหยวอีกครั้ง
ตอนที่ 521 เจอโหยวโหยวอีกครั้ง
อาศัยแรงของเจ้าแดงบินทะยานผ่านฟ้าจนมาถึงที่หมาย เยี่ยเว่ยหมิงก้มมองติงปู๋ซื่อที่ถูกทำให้จมน้ำจนเป็นตายเท่ากัน เจตนาสังหารในใจแน่วแน่แล้ว!
พอใช้ความคิด เจ้าแดงก็ดึงร่างเขาบินขึ้นฟ้าสูงห่างจากข้างล่างประมาณห้าจั้งแล้ว เหลือแค่เดินหน้าไปหาเรือน้อย จนสุดท้ายอยู่บนฟ้าตรงหน้าเรือ แล้วใช้ท่า ‘มังกรบินอยู่สวรรค์’ พุ่งจากฟ้าลงไป
ขอเพียงสังหารติงปู๋ซื่อตรงนี้ได้ ไม่เพียงแค่จะแก้ปัญหาให้ล่วงหน้าได้เท่านั้น ยังจะได้รางวัลภารกิจพิเศษอย่างราบรื่นด้วย กล่าวได้ว่าเป็นการเล่นที่เหนื่อยรอบเดียวแต่สบายตลอดไปจริงๆ
ต่อให้หลังจากจบเรื่องแล้ว ตาแก่หนังเหนียวจะถูกรีเฟรชออกมาที่เกาะควันม่วงอีกครั้งก็ไม่เป็นไร
แบบนั้นก็จะได้ฆ่าซ้ำและดรอปไอเทมซ้ำ ได้ผลตอบอีกก้อนพอดีเลย!
ทว่าแผนการงดงาม แต่ความจริงมักไม่สมปรารถนา
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำหนดกลยุทธ์โดยละเอียดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นสามคนบนเรือตรงหน้ากลับพุ่งขึ้นฟ้ากะทันหัน
ขณะที่ร่างอยู่บนฟ้า นางกลับเรียกอินทรีขาวตัวหนึ่งออกมา ใช้มือขวาจับข้อเท้าขวาของอินทรีขาว จากนั้นก็หมุนตัวมาข้างหน้าอย่างสง่างาม กระโดดขึ้นบนหลังอินทรีขาวโดยตรง
อินทรีขาวถูกควบคุมจากอีกฝ่าย กระพือปีกไม่กี่ที่ก็ดึงร่างให้สูงอยู่ระดับเดียวกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
กระบวนทัพของอีกฝ่าย ไม่เชื่อว่าจะมีกองทัพอากาศเหมือนกัน!
อีกทั้งดูจากรูปร่าง ท่าทางรวมทั้งสัตว์ขี่อินทรีขาวตัวนี้แล้ว ทำไมมันดูคุ้นสุดๆ เลยนะ…
ทันใดนั้น ในใจลึกๆ ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดีขึ้น
ซึ่งตอนนี้เอง ผู้เล่นหญิงที่อยู่ตรงข้ามห่างจากเยี่ยเว่ยหมิงสองจั้งแล้ว นางพลันชูมือขวาขึ้นมา กระบอกปืนสีดำขลับเล็งไปยังเจ้าแดงที่อยู่เหนือศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิง
“สหาย ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว!”
เสียงของผู้เล่นที่คุ้นเคยดังมาจากปากของผู้เล่นหญิงฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!… เสียงรัวปืนหกนัด
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วขมวดคิ้ว โบกมือซ้ายด้วยรอยยิ้มขมเจื่อน ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม กำแพงกำลังภายในแนวหนึ่งที่กั้นแบ่งระหว่างทั้งสองทำให้กระสุนหกนัดที่ยิงจากปืนของอีกฝ่ายกระเด็นกลับไปแล้ว
ขณะเดียวกันก็ตะโกนว่า “โหยวโหยว นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า!”
ผู้เล่นหญิงบนอินทรีขาวได้ยินแล้วตะลึงงัน ก่อนจะบอกว่า “สหายเยี่ย เป็นเจ้าหรือ!” พอพูดจบก็ยิ้มเจื่อนอีก “ดูท่าแล้ว วันนี้เราสองคนคงทำภารกิจชนกัน”
เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืน อีกทั้งเรือทั้งสองลำก็อยู่ห่างกันไกล ไม่น่าเชื่อว่าที่ผ่านมาเยี่ยเว่ยหมิงจะจำไม่ได้ว่าในบรรดาผู้เล่นสามคนนั้นมีสหายเก่าของตัวเองอยู่ด้วยหนึ่งคน
ทางฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะแสดงออกอยู่บ้าง แต่นอกจาก ‘มังกรผยองได้สำนึก’ กับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ แล้ว ครั้งนี้เขาก็แค่จับเท้าของเจ้าแดงบินมาเท่านั้น
สามกระบวนท่านี้ แม้สำหรับคนที่คุ้ยเคยกับเยี่ยเว่ยหมิงมากๆ จะคิดว่าเป็นวิธีการที่เป็นสัญลักษณ์ของเขา
แต่ในจำนวนนั้น ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ มิได้มีอยู่ในครอบครองของเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียวแน่นอน ศิษย์พรรคกระยาจกหลายคน หรือถึงขั้นผู้เล่นที่ไม่ใช่ศิษย์พรรคกระยาจกต่างก็มีโอกาสได้เรียนกันคนละหนึ่งถึงสองกระบวนท่าทั้งนั้น
จุดเด่นของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ ทั้งเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีเพียงเขาคนเดียวที่ค้นพบว่าเคล็ดฝ่ามือที่ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งดุจพลังหยางวิชานี้ ที่จริงแล้วมีอีกด้านที่เป็น ‘หยิน[1]’ เช่นกัน
ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง เคล็ดฝ่ามือชุดนี้ไม่มีปัญหาหยางเดียวไม่เติบโต[2] แต่กลับเป็นเคล็ดฝ่ามือที่มีครบยทั้งหยินหยาง เขาถึงขั้นสำแดงด้าน ‘หยิน’ ที่อยู่ในนั้นออกมาได้อย่างเปิดเผยเต็มที่!
แต่ปัญหาก็คือ ตอนที่เขาใช้ฝ่ามือตบติงปู๋ซื่อลงน้ำโดยอยู่ห่างกันสามจั้งก่อนหน้านี้ ด้าน ‘หยิน’ ดันไม่ค่อยชัดเจนขนาดนั้น แม้จะสำแดงคำว่า ‘หยิน’ ออกมาจนถึงขีดสุดแล้ว แต่เมื่อถูกความแข็งแกร่งดุจพลังหยาง ความโปร่งใส่ตรงไปตรงมากลบไว้ กลับทำให้สังเกตเห็นได้ยากมาก
ก็เหมือนในภาพหยินหยาง จุด ‘หยิน’ เล็กๆ ในฝั่งหยางนั่น
กล่าวได้ว่าเป็นขั้วของหยินแต่กลับเหมือนหยาง
‘หยิน’ ที่ลึกลับเช่นนี้ น้องสาวเลือดเหล็กที่มีพื้นเพมาจากกองทัพอย่างโหยวโหยวยากที่จะสัมผัสถึงอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับระยะห่างของทั้งสองก่อนหน้านี้ ถ้าอยากจะสังเกตเห็นเงื่อนงำในนั้นก็ยิ่งไม่ง่ายเลย
ซึ่งวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์นั่น เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้มันได้อย่างลึกลับสุดขีด หลังจากตบคนลงน้ำไปแล้วก็หายไปอย่างไร้รูปร่าง ประกอบกับไม่เกิดผลลัพธ์อะไรตามมา โหยวโหยวจึงงไม่สังเกตเห็นเลย
ส่วนเจ้าแดง
นางไม่เคยเจอนกตัวนี้มาก่อนเลยจริงๆ…
ดังนั้น ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงยังจำโหยวโหยวไม่ได้ โหยวโหยวก็จำเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เช่นกัน
จนกระทั่งทั้งสองเจอกันกลางอากาศ ถึงได้จำกันได้
ชั่วขณะนั้นเกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นในฉากอย่างเลี่ยงไม่ได้…
คนหนึ่งขี่หลังอินทรี คนหนึ่งห้อยอยู่ใต้เท้าอีกา สบตากันอยู่นานมาก เป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่ทำลายความเงียบก่อน
“โหยวโหยว เจ้ารับภารกิจระดับไหนมา เงื่อนไขในการทำภารกิจให้สำเร็จคืออะไร แล้วรางวัลกับบทลงโทษของภารกิจคืออะไร”
“ข้าได้รับภารกิจระดับห้าดาว เป็นผู้เล่นที่มาช่วยโจมตีเอาชนะสื่อเสี่ยวชุ่ย คิดว่าพวกเจ้าก็คงไม่ต่างกันใช่ไหม” สำหรับคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง โหยวโหยวตอบอย่างไม่ปิดบังใดๆ “สาเหตุที่ข้ารับภารกิจนี้ ประการแรกเป็นเพราะในภารกิจก่อนหน้านี้ข้าเรียน ‘วิชาคว้าจับสิบแปดสายของสกุลติง’ ไปแล้วเก้าสาย ภารกิจครั้งนี้จะได้ถือโอกาสเรียนให้ครบพอดี”
นางชะงักไปครู่เดียว ก่อนจะเสริมอีกว่า “‘วิชามือคว้าจับสกุลติง’ นี้ แม้ระบบจะกำหนดให้เป็นเพียงวิทยายุทธ์ระดับกลาง แต่มันกลับสอดคล้องกับลักษณะการต่อสู้ของข้าที่สุด ข้าจึงสนใจวิชานี้เป็นพิเศษ ส่วนสาเหตุที่สอง…”
ขณะที่พูด โหยวโหยวก็ส่ายหน้า “ก่อนที่ข้าจะรับภารกิจนี้ ยังไม่ค่อยรู้จักนิสัยของติงปู๋ซื่อนั่นเท่าไร จนกระทั่งเขาอธิบายถึงเบื้องหลังของภารกิจให้พวกเราฟัง ไม่น่าเชื่อว่าจะนำเรื่องที่ตัวเองทิ้งลูกทิ้งเมียเพื่อสื่อเสี่ยวชุ่ยมาโอ้อวดว่าตัวเองเป็นคนคลั่งรัก ข้าถึงได้รู้ว่าตาแก่นั่นเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ไหนๆ ก็รับภารกิจมาแล้ว ก็ทำได้เพียงทำภารกิจต่อไป”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้า บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่สื่อถึงความเข้าใจ
เดิมทีเขายังกังวลว่าการทำภารกิจชนกันครั้งนี้จะทำให้เขาแสดงฝีมือไม่เต็มทีเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า แต่หลังจากได้ยินโหยวโหยวอธิบาย เขาถึงได้พบว่าตัวเองกังวลมากไป
จุดประสงค์หลักของโหยวโหยวมีเพียง ‘วิชามือคว้าจับสกุลติง’ เท่านั้น ถึงขั้นดูถูกคุณสมบัติของติงปู๋ซื่อด้วย
ดังนั้น ขอเพียงตนช่วยนางแก้ไขปัญหาเรื่อง ‘วิชามือคว้าจับสกุลติง’ ได้ ระหว่างทั้งสองก็จะไม่เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ใดๆ อีก
ทว่ายังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยปากพูดอะไร โหยวโหยวกลับพูดอีกว่า “ระหว่างเราสองคนจะใช้ความสนิทสนมมาคุยกันไม่ได้ แต่เพราะต้องรักษาความเป็นมืออาชีพ ข้าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาสองคนให้เจ้ารู้มากเกินไปไม่ได้…
…แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าบอกเจ้าล่วงหน้าได้ คนที่ช่วยติงปู๋ซื่อขึ้นจากน้ำก่อนหน้านี้ว่ายน้ำเก่งมาก ตอนคุยกันก่อนหน้านี้เขาเคยโอ้อวดไว้ บอกว่าก่อนที่จะเข้าเกมมา อาชีพของเขาก็คือเจ้าหน้าที่กู้ภัย…
…หลังจากเข้าเกมมาแล้ว ได้รับทักษะในเกมและกำลังภายในช่วยเสริม ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นปลาหนีชิว[3] ถ้าเจ้าอยู่ในแม่น้ำแล้วบีบให้เขากระวนกระวายได้ เกรงว่าจุดจบคงเหมือนนำหยกไปเผารวมกับหิน[4]”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้มหน้ามองลงไป กลับเห็นผู้เล่นที่โหยวโหยวเอ่ยถึงกำลังปีนขึ้นเรือจากอีกฝั่งแล้ว ตอนนี้กำลังช่วยทำ CPR ให้ติงปู๋ซื่อที่จมน้ำอย่างเป็นมืออาชีพมาก
“สหายเยี่ยไม่ต้องลำบากใจ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นภารกิจนี้ข้าจะยอมแพ้ล่วงหน้า เอาเป็นว่าลาก่อน!” พอพูดจบ โหยวโหยวก็ขี่อินทรีขาวแล้วเลี้ยวจากไปทันที ทิ้งไว้ให้เยี่ยเว่ยหมิงเห็นเพียงเงาร่างที่อิสระและสง่างาม
[1] หยิน 阴 เป็นตัวแทนของความมืด ดวงจันทร์ การซ่อนเร้น ผู้หญิง ความเย็น ซึ่งตรงข้ามกับหยาง 阳 ที่เป็นพลังด้านสว่าง ความร้อน เพศชาย ความตรงไปตรงมา
[2] หยางเดียวไม่เติบโต 孤阳不长 มาจากคำกล่าวที่ว่า หยางเดียวไม่เติบโต หยินเดียวไม่ก่อกำเนิด หมายถึงอาศัยปัจจัยด้านเดียวไม่สามารถก่อกำเนิดสิ่งใหม่ได้ ชาวจีนเชื่อว่าหยินและหยางเป็นตัวแทนของพลังแห่งจักรวาล เป็นคู่ตรงข้ามที่ขัดแย้งกันแต่ก็พึ่งพากัน
[3] ปลาหนีชิว 泥鳅 หรือปลาโลชบ่อ pond loach
[4] นำหยกไปเผารวมกับหิน 玉石俱焚 หมายถึงนำของสูงค่าไปเผารวมกับของด้อยค่า ทำให้ของสูงค่าหมดคุณค่า