ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 526 อยากตั้งป้ายสรรเสริญตัวเอง
ตอนที่ 526 อยากตั้งป้ายสรรเสริญตัวเอง
ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงเห็นว่าโจมตีได้อย่างเป็นจังหวะขั้นตอนแล้ว ขอเพียงใส่ความพยายามอีก จะต้องฆ่าติงปู๋ซื่อและดรอปอุปกรณ์ได้ภายในเร็วๆ นี้แน่นอน
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับมีเฉิงเหยาจินโผล่มาสังหารกลางทาง[1] ใช้กล้องยาสูบปัดกระบี่รอยมังกรที่เยี่ยเว่ยหมิงฟันไปทางมารร้าย
พอหันกลับไปมอง กลับเห็นชายชราคนหนึ่งที่ทั้งผมทั้งคราวสีขาว หน้าตาดูมีเมตตากรุณา
ชายชราผู้นี้แม้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ตอนที่สบตากับเขา กลับทำให้คนตัวสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะในดวงตายิ้มของเขาเผยความดุร้ายอย่างที่บรรยายไม่ถูก ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เกือบจะหนาวเข้าไปถึงกระดูกแล้ว
[ติงปู้ซาน]
หนึ่งในสองวีรบุรุษแซ่ติง ฆ่าคนไม่เกินวันละสามคน
เลเวล: 96
พลังชีวิต: 860000/860000
กำลังภายใน: 360000/360000
……
เมื่อเห็นมารเฒ่าผู้นี้ปรากฏตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจทันที จากนั้นขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่ข้างหลังเขาก็ต้องการก้าวขึ้นมาช่วย แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียง ติงติงตังตัง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาวน้อยชุดเขียวคนหนึ่งที่หน้าตาสวยสดใสทว่าสีหน้ากลับเผยความชั่วร้ายโผล่ออกมาจากที่ลับ มาขวางทั้งสองคนเขาไว้
ในมือนางถือห่วงเหล็กคู่หนึ่ง บนใบหน้างามเผยรอยยิ้มสดใส แต่ในดวงตาทั้งคู่กลับเผยเจตนาสังหารรางๆ!
[ติงตัง]
หลานสาวของติงปู้ซาน มีทั้งด้านดีและด้านร้าย
เลเวล: 66
พลังชีวิต: 330000/330000
กำลังภายใน: 140000/140000
……
มารดามันเถอะ ตามต้นฉบับเดิม สองปู่หลานก็มาที่เกาะควันม่วงเช่นกัน แต่ไม่ได้ปรากฏตัวเร็วขนาดนี้แน่นอน ตอนนี้ดันโผล่มาในเวลาสำคัญ ทำลายจังหวะการต่อสู้ของเยี่ยเว่ยหมิงทันที
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วขมวดคิ้ว แต่กลับได้ยินติงปู้ซานนั่นบอกว่า “อาตัง ท่านปู่สี่ของเจ้าไม่เคยยอมแพ้ข้าเลย บอกว่าทักษะยุทธ์สูงกว่าข้า เมื่อครู่นี้เจ้าคงเห็นแล้วสินะว่าเขาห้าวหาญโจมตีเด็กรุ่นหลังให้คุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างไร ฮ่าๆๆ…”
ติงปู๋ซื่อได้ยินแล้วเดือดดาลทันที “พี่สาม หัวเราะบ้าอะไรของท่าน”
“ข้าก็หัวเราะที่เจ้ากระหายชัยชนะมาทั้งชีวิต แต่ตอนที่เจอวิกฤต กลับต้องอาศัยให้พี่ชายหิ้วขึ้นมาตลอด” ขณะที่พูดก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง แล้วกล่าวพร้อมดวงตาที่ฉายแววดุร้าย “เจ้าเด็กเปรต บังอาจมาทำร้ายติงปู้ซานน้องชายของข้า วันนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน!”
พอพูดจบ ติงปู้ซานก็โบกถุงยาสูบในมือโจมตีเข้ามาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
พอเริ่มประมือกัน เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าแม้ในมือติงปู้ซานจะเป็นกล้องยาสูบ แต่กลับใช้กระบวนท่าของเคล็ดกระบี่ ทั้งยังใช้ได้อย่างชำนาญยอดเยี่ยมอีกด้วย
เพียงแต่ถ้าพูดถึงเคล็ดกระบี่ เยี่ยเว่ยหมิงมีหรือที่จะกลัวเขา
จึงเริ่มใช้กระบวนท่าใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ รับมือกับอีกฝ่ายทันที
เนื่องจากเยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากสิ้นเปลืองกำลังภายในเพราะอีกฝ่ายโจมตีสลับกับป้องกัน ดังนั้นตอนที่ลงมือ จึงไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ หรือ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ หลังจากประมือกันไม่กี่กระบวนท่า ก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
เขาแอบมองข้างหลังปราดหนึ่ง กลับเห็นขุนเขาลำธารกับสาวน้อยนักกินร่วมมือกันใช้ดาบและกระบี่ต่อสู้ แม้จะไม่ทำให้ได้เปรียบมากนัก แต่กลับไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินไป ยังถือว่าสู้เสมอกันได้
ทางฝั่งพวกเขากำลังสู้กันอย่างครึกครื้น ติงปู๋ซื่อที่เพิ่งถูกติงปู้ซานช่วยชีวิตไว้กลับไม่สบอารมณ์ ย่ำเท้าพร้อมบอกว่า “เหล่าซานหลีกไป! ใครใช้ให้ท่านมาช่วยข้า” ขณะที่พูดก็โบกฝ่ามือโจมตีมาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ติงปู้ซานกลับไม่ยอมถอย ขณะกำลังโบกถุงยาสูบโจมตีอย่างดุดัน ปากก็บอกว่า “ใครช่วยเจ้ากันล่ะ ติงเหล่าซานเกลียดที่สุดเวลาเห็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม ข้าจะกำจัดกระบี่ของเขาให้ก่อน แล้วค่อยทำให้เขาเลือดออก ถึงตอนนั้นพวกเจ้าค่อยสู้กันอย่างยุติธรรมอีกที”
“บนตัวข้าไม่มีแผล!” ติงปู๋ซื่อเถียงกลับอย่างไม่ลังเล พร้อมใช้หมัดและฝ่ามือโจมตีถี่ขึ้นกว่าเดิม
ส่วนติงปู้ซานก็โจมตีไปพลางบ่นไปพลาง “เจ้าเด็กเปรต เจ้าฟังให้ดีนะ ตอนนี้ข้าสู้ตัวต่อตัวกับเจ้า ติงปู๋ซื่อก็กำลังสู้ตัวต่อตัวเช่นกัน ไม่ใช่ว่าพวกเราสองพี่น้องร่วมมือกันโจมตีเจ้า”
“เหล่าซื่อบอกข้าว่าอย่าลงมือ แต่ข้าไม่ฟังเขาเอง ข้าบอกให้เหล่าซื่อถอยไป แต่เขาก็ไม่ฟังข้าเช่นกัน พวกเราต่างคนต่างสู้ อย่าให้คนอื่นมาว่าได้ว่าสองวีรบุรุษแซ่ติงสู้แบบสองรุมหนึ่ง ถ้าแพร่ออกไปในยุทธภพจะไม่น่าฟัง!”
ยามเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของสองเฒ่าประหลาด เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกกดดันขึ้นเป็นเท่าตัว เป็นเรื่องยากที่จะใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ รับมืออย่างไม่สะทกสะท้าน จึงใช้ท่า ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ บีบสองคนนั้นให้ถอยไป พร้อมกล่าวเหยียดหยามว่า “ตาแก่ไร้ยางอายสองคนนี้ สรรหาคำพูดเหลวไหลมาจากไหนมากมาย เหมือนอยากเป็นโสเภณีแต่ก็อยากตั้งป้ายสรรเสริญตัวเองด้วย!”
พูดตามตรง แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะถูกสองคนฝ่ายตรงข้ามล้อมโจมตี กลับไม่รู้สึกว่าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไร
ถึงอย่างไรตั้งแต่เข้าเกมมา เขาก็ไม่เคยสนใจจิตวิญญาณของวีรบุรุษอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่เรียกว่า ‘การต่อสู้ที่ยุติธรรม’ ก็เป็นเพียงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตอนที่ทั้งสองไม่มีผู้ช่วยที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ที่เขาร่วมมือกับขุนเขาลำธารและสาวน้อยนักกินโจมตีติงปู๋ซื่อก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ตอนนี้อีกฝ่ายใช้ BOSS สองคนโจมตีเขาคนเดียวก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
แต่ตาแก่ไร้ยางอายสองคนนี้ จะร่วมมือกันก็ร่วมมือกันไปสิ ยังจะพูดพร่ำเพื่อหาเหตุผลที่เหลวไหลเหมือนผายลมสุนัขให้ตัวเองอีก
แบบนี้น่าสะอิดสะเอียนเกินไปหน่อย!
แต่กับเจ้าปู้ซานปู๋ซื่อสองคนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่มีอารมณ์มาพูดจาด้วยเหตุผลกับพวกเขาอยู่แล้ว แบบนั้นมีแต่จะถูกอีกฝ่ายดึงสติปัญญาให้อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นก็ถูกเจ้าคนที่ประสบการณ์โชกโชนสองคนนี้โจมตีจนแพ้
เมื่อเห็นว่าตัวเองสู้แบบหนึ่งต่อสองแล้วยากที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงเปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกันทันที กางตาข่ายกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ขึ้นมา แล้วเริ่มรับมือกับการล้อมโจมตีของเจ้ามารสองตัวนี้
ทุกการโจมตีล้วนไม่ได้รับแรงอะไร ตอนที่ทั้งสองโจมตีรุนแรงเกินไป ก็ยิ่งได้ใช้ความได้เปรียบของท่าร่างหลบหลีก ชั่วขณะนั้นทำให้เจ้าเฒ่าประหลาดทั้งสองไม่มีทางทำอะไรเขาได้
ขณะที่ใช้เคล็ดกระบี่ชุดนี้ปกป้องตัวเองเป็นหลักเพื่อต้านการล้อมโจมตีของสองมารเฒ่า เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือโอกาสชำเลืองสนามต่อสู้อีกฝั่งครู่หนึ่ง
ทางฝั่งอาจ่งนั้นไม่ต้องพูดถึง ถ้าเขายอมลงมือแบบโหดๆ คู่ต่อสู้ทั้งสองของเขาก็ได้กลับไปรายงานตัวที่จุดคืนชีพนานแล้ว ดังนั้นทางฝั่งพวกเขาจึงยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
ส่วนขุนเขาลำธารกับสาวน้อยนักนิด เห็นได้ชัดว่าถ้าอยากตัดสินแพ้ชนะกับติงตังภายในเร็วๆ นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารีบร้อนเกินไปอาจจะได้ผลตรงกันข้าม
ถ้าอยากจะแก้ไขสถานการณ์นี้ ก็ยังต้องพึ่งความสามารถของตัวเอง!
ถึงแม้ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย แต่ถ้าจะให้ปะทุพลังตอนนี้ บางทีอาจทำให้ติงปู๋ซื่อตายก่อนก็ได้?
จากนั้นบนฟ้ากลับมีเสียงอินทรีร้องดังขึ้นกะทันหัน
ตามด้วยหินขนาดเท่าหินโม่แป้งเจ็ดแปดก้อนร่วงลงมาจากฟ้า กระแทกลงมาใส่หน้าติงปู้ซานกับติงปู๋ซื่อที่กำลังล้อมโจมตีเยี่ยเว่ยหมิง
[1] เฉิงเหยาจินโผล่มาสังหารกลางทาง 半路杀出个程咬金 อุปมาว่าเกิดเหตุไม่คาดคิดจนทำอะไรไม่ถูก