ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 535 ขันทีผู้แข็งแกร่ง
ตอนที่ 535 ขันทีผู้แข็งแกร่ง
พอได้ยินคำพูดโหยวโหยว เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบจะลุกขึ้นนั่ง อดถามอย่างตกตะลึงไม่ได้ว่า “โหยวโหยว เจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประลองยุทธ์หอหมอกพิรุณครั้งนี้หรือ”
โหยวโหยวยิ้มบางๆ แล้วถามกลับว่า “ทำไมล่ะ ไม่เหมือนหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย ตอนนี้โหยวโหยวไม่เพียงแค่มีทักษะการขี่ม้าที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังมีอินทรีขาวที่มีเอกลักษณ์ตัวหนึ่งมาเป็นทั้งสัตว์เลี้ยงทั้งพาหนะด้วย เหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานอย่างแนบแน่นจริงๆ
เขาจึงถามหยั่งเชิงว่า “เจ้าใช้ฐานะของหันเป่าจวีไปเข้าร่วมประลองยุทธ์เจ็ดสังกัดเมื่อสองเดือนก่อน สุดท้ายก็ชนะ ได้เข้าอยู่ในรายชื่อผู้เข้าร่วมประลองยุทธ์หอหมอกพิรุณ?”
“ถูกต้องแล้ว!” เสียงของโหยวโหยวเจือด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง “ข้าไม่เพียงแค่ได้รับทักษะการขี่ม้ามาจากหันเป่าจวี ทั้งยังทำภารกิจแล้วได้อินทรีขาวจากมือกัวจิ้งมาเป็นสัตว์เลี้ยงด้วย เป็นเสี่ยวไป๋ที่เจ้าเห็นก่อนหน้านี้นั่นแหละ…”
“…ส่วนประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด…” โหยวโหยวยักไหล่ “เจ้าน่าจะรู้นะ หน่วยการบินอย่างข้าได้เปรียบมากในกิจกรรมใหญ่อย่างประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด ถึงอย่างไรคนเกินครึ่งก็ทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ข้าอาศัยความได้เปรียบจากการโจมตีระยะไกล ยิงอาวุธจากข้างบนลงล่างได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้าเบาๆ เสร็จแล้วถึงได้บอกน้องดาบว่า “ภารกิจของเจ้า…”
ตอนนี้น้องดาบยืนขึ้นแล้วโบกมืออย่างใจกว้าง “ภารกิจนั้นของข้าไม่รีบหรอก ถึงอย่างไรข้าก็ถ่วงเวลามาตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้ต่อให้ข้าวางเรื่องนี้ไว้ก่อนก็ไม่มีอะไรพัฒนาต่อไปอยู่ดี ถ้าไม่ใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน เรื่องราวก็ไม่ดำเนินไปถึงจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องหรอก…
…ถ้าพวกเจ้าจะไปประลองยุทธ์ก็ไปได้เลย ไม่แน่ว่าอาจอาศัยโอกาสประลองยุทธ์ครั้งนี้เพิ่มความสามารถของตัวเองสักหน่อยก็ได้”
พอพูดถึงตรงนี้ น้องดาบก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสริมว่า “ศัตรูครั้งนี้ไม่เหมือนที่พวกเราเจอในอดีต เมื่อก่อนเราเจอพวกฝีมือไม่ถึง หรือไม่ก็พวกที่ต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลมารังแกคน ต่อให้เป็นจิวหมัวจื้อก็ต้องรักษาข้อกำหนดของนักบวชเช่นกัน ถ้าเลี่ยงการฆ่าคนได้ก็พยายามเลี่ยง…
…แต่เป้าหมายในครั้งนี้กลับแตกต่าง เจ้าจะมองว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้เป็นตัวเจ้าเองในเวอร์ชันที่ทำอะไรไม่มีขอบเขตก็ได้”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงลุกขึ้นนั่งแล้ว เอามือนวดจมูกพร้อมถามว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังด่าข้าอยู่ล่ะ”
“นั่นเจ้ารู้สึกไปเองต่างหาก” น้องดาบส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างจริงจังมากว่า “นี่ข้ากำลังชมเจ้าอยู่นะ”
งานประลองยุทธ์ใหญ่หอหมอกพิรุณคืองานที่ต้องไป ดูจากรางวัลภารกิจครั้งก่อนก็รู้แล้วว่านั่นก็คือการประลองยุทธ์ที่ชะงักไว้กลางคันตามต้นฉบับเดิม รางวัลที่ได้ต้องน่าชมมากทีเดียว
เยี่ยเว่ยหมิงปลุกใจตัวเองให้ฮึกเหิม กวาดสภาวะขี้เกียจตอนผ่อนคลายก่อนหน้านี้ออกไปให้หมด ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “การประลองยุทธ์หอหมอกพิรุณ ต้องรออีกสามวันถึงจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ข้ากะว่าสองวันนี้จะลงดันเจี้ยนอัปเลเวลสักหน่อย พยายามสะสมค่าตบะมากๆ ดูว่าจะทำให้ฝีมือตัวเองพัฒนาขึ้นอีกก้าวได้หรือไม่ ข้ามีสถานที่ดีๆ ที่คิดเอาไว้แล้วด้วย”
ขณะที่พูด ก็หันไปมองโหยวโหยวกับน้องดาบ “พวกเจ้าจะไปด้วยกันไหม”
“ดีเลย!” โหยวโหยวตอบอย่างตรงไปตรงมามาก “ข้าไม่มีภารกิจอื่นให้ทำพอดี ‘วิชามือคว้าจับสกุลติง’ ที่เพิ่งได้มาก็ต้องใช้ค่าตบะเพื่อเพิ่มเลเวล ไปกับเจ้าด้วยดีกว่า”
หลังจากได้คำตอบที่แน่นอนจากโหยวโหยวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปมองน้องดาบ
แต่กลับพบว่านางลังเลนิดหน่อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้เหลือแค่อาจ่งอยู่ที่เกาะควันม่วงคนเดียว เป็นโอกาสดีที่จะเก็บค่าความรู้สึกดี อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับภารกิจภาคต่อของเรื่อง ‘มังกรทลายฟ้า’ ที่นี่ ข้าเตรียมจะอยู่เสี่ยงโชคที่ดีสักหน่อย”
ความคิดของน้องดาบนั้นไม่ผิด นางไม่ต้องเข้าร่วมการประลองที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันเหมือนเยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยว นางมีเวลาเยอะจนไปทำภารกิจเนื้อเรื่องภาคต่อของ ‘มังกรทลายฟ้า’ ได้
ทั้งสามคนกล่าวอำลากันริมแม่น้ำ เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวต่างคนต่างเรียกสัตว์พาหนะของตัวเองบินขึ้นฟ้า แล้วบินคู่กันไปทางเมืองจ้านเจียง
หลังจากกลับถึงเมืองจ้านเจียงแล้ว ทั้งสองก็นั่งรถม้าต่อไปยังเมืองหลวงเปี้ยนจิงทันที จากนั้นก็นำอุปกรณ์และตำราลับมากมายที่ได้ก่อนหน้านี้ไปขายที่ร้านอุปกรณ์กิตติมศักดิ์ เสร็จแล้วเยี่ยเว่ยหมิงจึงพาโหยวโหยวบินตรงไปยังจวนลู่ติ่งกงที่จากมานานแล้ว
เพราะสถานที่เด็ดๆ สำหรับลงดันเจี้ยนที่เขาเอ่ยถึงก่อนหน้านี้อยู่ในจวนลู่ติ่งกง!
วันนี้เหวยเสี่ยวเป่าไม่อยู่จวน แต่เขาฝากข้อความไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงมาท้าสู้สี่ด่าน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ให้เข้ามาได้อย่างอิสระ ต่อให้พาคนอื่นมาด้วยก็ไม่เป็นไร
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงที่ชำนาญเส้นทางกล่าวทักทายองครักษ์แล้วก็นำโหยวโหยวเดินตรงมายังลานบ้านด้านข้างที่เป็นดันเจี้ยนท้าสู้ในจวน
เมื่อเห็นประตูเหล็กบานใหญ่สีดำขลับสี่บานตรงหน้า โหยวโหยวก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “ด้านหลังของประตูสี่บานนี้ต่างก็ซ่อนเอาไว้หนึ่งดันเจี้ยนหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็อธิบายว่า “ประตูสี่บานนี้มียอดฝีมือสี่คน ประตูแต่ละบานจะเข้าไปได้สามครั้ง ซึ่งโอกาสสามครั้งนี้ก็จะเจอกับ BOSS สามสถานะที่สอดคล้องกัน มีสถานะยอดฝีมืออ่อนแอ สถานะ BOSS โหมดปกติและสถานะ BOSS ร่างแท้โหมดปกติ ซึ่งทุกสถานะจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เสมอ”
เยี่ยเว่ยหมิงะงักเล็กน้อย ก่อนจะเสริมอีกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยท้าสู้กับยอดฝีมืออ่อนแอและยอดฝีมือสถานะ BOSS ในด่านปาถูหลู่ BOSS เฝ้าด่านชื่อว่าอ๋าวป้าย จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดก็คือทนไม้ทนมือ ถนัดใช้วิชา ‘สือซานไท่เป่า’ อาวุธแทบจะฟันแทงไม่เข้า…
…ปืนไฟที่เจ้าใช้อยู่ ก็ดรอปมาจากตัวเขานี่แหละ”
โหยวโหยวได้ยินแล้วพยักหน้า ก่อนจะถามอีกว่า “เช่นนั้นวันนี้พวกเราเตรียมจะท้าสู้คนไหน ร่างแท้ของอ๋าวป้ายโหมดปกติ?”
“ไม่ใช่!” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ท้าสู้อ๋าวป้ายไปสองครั้งเพราะมีจุดประสงค์ที่พิเศษบางอย่าง แต่วันนี้จุดประสงค์ของพวกเราคืออัปเลเวลอย่างเดียว ก็ต้องเริ่มจากคนที่มั่นใจที่สุดก่อนอยู่แล้ว พวกเราท้าสู้กับ BOSS อีกสามคนในสถานะแรกกับสถานะที่สองก่อน แล้วค่อยไปสู้กับ BOSS ทั้งสี่ในสถานะสุดท้าย”
เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายพร้อมเดิมไปข้างหน้าช้าๆ ตอนที่เขาพูดสิ่งเหล่านี้จบ ก็เดินมาถึงนอกประตูเหล็กที่เขียนว่า ‘ขันทีผู้แข็งแกร่ง’ แล้ว
“อิงจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ BOSS ทุกคนที่สถานะอ่อนแอไม่ค่อยร้ายกาจเท่าไร มีพวกมันอยู่เพื่อให้ผู้เล่นทำความคุ้นเคยกับแนวทางทักษะยุทธ์ของ BOSS รวมทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนด้วย ตามที่อินปู้คุยบอกว่า ในบรรดา BOSS ของสี่ประตูนี้ ‘ขันทีผู้แข็งแกร่ง’ อ่อนแอที่สุด พวกเราเริ่มจากเขาก่อนแล้วกัน”
ขณะที่กำลังพูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ผลักประตูเหล็กสีดำขลับตรงหน้าแล้ว ในประตูที่อยู่ตรงหน้าคือพื้นที่ว่างเปล่าสีดำ เขาก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล
โหยวโหยวเห็นแล้วยิ้มบางๆ นางนั้นหยิบปืนที่เยี่ยเว่ยหมิงมอบให้นางออกมา แล้วทำท่าถือปืนด้วยสองมือก้าวตามเข้าไป
เมื่อเข้ามาในดันเจี้ยน ตรงหน้าก็เป็นค่ำคืนที่มีแสงจันทร์กระจ่างกับแสงดาวลางเลือน
ฉากที่อยู่รอบข้างดูเหมือนพระราชวังกู้กง ตรงหน้าของทั้งสองมีประตูลานบ้านที่ไม่แตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างรอบๆ มากนัก บนป้ายเขียนอักษรตัวใหญ่ไว้ว่า ‘ซางซานเจี้ยน[1]’
[ติ๊ง! คุณเข้าสู่ดันเจี้ยน ‘ขันทีผู้แข็งแกร่ง’ กรุณาเข้าสู่ซางซานเจี้ยน โจมตีสังหารไห่ต้าฟู่!]
[คำแนะนำภารกิจ: รอบๆ ซางซานเจี้ยนไม่มีองครักษ์ คู่ต่อสู้ของพวกคุณมีเพียงไห่ต้าฟู่คนเดียวเท่านั้น แต่ไห่ต้าฟู่ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือทักษะยุทธ์ก็ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น ทั้งยังเป็นยอดฝีมือด้านการใช้พิษ กรุณาต่อสู้อย่างระมัดระวัง]
[1] ซางซานเจี้ยน 尚膳监 ยศของหนึ่งในสิบสองขันทีสมัยราชวงศ์หมิง