ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 54 กำไลเงินสัตว์เลี้ยง
ตอนที่ 54 กำไลเงินสัตว์เลี้ยง
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น) เคล็ดกระบี่ที่ตกทอดมาในสมัยชุนชิว ประสิทธิภาพทั่วไป
เลเวล: 9ค่าความชำนาญ: 6365/300000
ประสิทธิภาพ +90%
แม่นยำ +90%]
เลเวลเคล็ดกระบี่เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นจริงไม่ผิด โบนัสสเตตัสก็เพิ่มขึ้นอย่างละสิบเปอร์เซ็นต์ตามที่คาดไว้ แต่เมื่อดูจากค่าความชำนาญแล้ว การอัปเกรดครั้งนี้อ้างอิงจากค่าความชำนาญสูงสุดของเลเวลปัจจุบันโดยตรง ราวกับได้รับคำอวยพร ค่าความชำนาญที่มีอยู่เดิมก็ไม่ได้เสียเปล่า
แต่ว่าค่าความชำนาญที่ต้องใช้ตอนอัปเกรดจากเลเวลเก้าขึ้นไปเลเวลสิบนี่ มันจะเยอะเกินไปหน่อยมั้ย
ก่อนหน้านี้ โดยพื้นฐานแล้ว ทุกครั้งที่อัปเกรดหนึ่งเลเวล จะต้องค่าความชำนาญเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว หากคำนวณตามสูตรนี้แล้ว ตั้งแต่เลเวลแปด ถึงเลเวลเก้าจะต้องใช้ค่าความชำนาญ 12800 แต้ม ดังนั้นจากเลเวลเก้าถึงเลเวลสิบควรจะใช้ค่าความชำนาญ 25600 ถึงจะถูก แต่นี่กลับกลายเป็น 300000 ไปได้อย่างไรกัน
นี่มันไม่ใช่เพิ่มขึ้นสองเท่าแล้ว แต่เป็นเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่ายี่สิบเท่าเสียอีก!
หรือว่าในทักษะยุทธ์แต่ละแขนง ต่อให้เป็นวิชายุทธ์ที่ไม่เข้าขั้น หากอยากฝึกจนถึงขั้นบรรลุได้ ก็ต้องลำบากอย่างนี้หมดงั้นหรือ?
หรือจะบอกว่า เคล็ดกระบี่วีรสตรีนั้นค่อนข้างพิเศษ?
แน่นอน นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก!
ประเด็นหลักก็คือ หาก ‘เคล็ดชำระปราณ’ ก็ทำแบบนี้เหมือนกันล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะได้เรียนรู้ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’
ได้แต่เก็บความสงสัยไว้อย่างนั้น เยี่ยเว่ยหมิงเตะเข้าที่ศพของหลินจื้อเพ่ยหนึ่งที เก็บของดรอปเรียบร้อย
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง): แก่นแท้เคล็ดกระบี่พื้นฐาน เรียบง่ายทว่างดงาม เหมาะแก่การยึดเอาเป็นรากฐานที่สุด เงื่อนไขการฝึก :พละกำลัง 85, รากกระดูก 85, ตระหนักรู้ 30]
[วิชาห่านทอง (ระดับกลาง): แก่นแท้วิชาตัวเบาพื้นฐาน ช่วยเรื่องการฝึกกำลังภายในได้ดีมาก เงื่อนไขการฝึก: ท่าร่าง 85, ความว่องไว 85, คุณสมบัติ 30]
[ธนูด้ามเหล็ก (ทองคำ): ธนูวิเศษที่มีประสิทธิภาพรุนแรง ผู้ไม่มีพละกำลังมหาศาลไม่สามารถใช้ได้
โจมตี +200
เพิ่มดาเมจสกิลลูกธนูขึ้น 10%
ความต้องการอุปกรณ์: พละกำลัง: 100!]
[เงิน: 16 เหรียญทอง]
ต้องบอกว่าหลินจื้อเพ่ยนี่สมกับเป็น BOSS เลเวลสามสิบห้าตัวจริงเสียงจริง ของที่ดรอปออกมาคือสุดยอดจริงๆ!
แม้ของที่ดรอปออกมาจะมีแค่สามชิ้น แต่ว่าแต่ละชิ้นในขั้นนี้ถือว่าเป็นสุดยอดของหายากราคาสูงโดยแท้
ส่วนทักษะยุทธ์สองเล่มนั้นไม่ต้องพูดเยอะ เอาแค่สเตตัสของธนูด้ามเหล็กก็พลิกแผ่นฟ้าได้แล้ว และหากเทียบกับกระบี่ชิงจู๋ของเขาแล้ว ก็คงมีแต่คำว่าแข็งแกร่งเท่านั้น!
ธนูนี้หากตกอยู่ในมือของผู้เล่นที่ใช้สกิลธนูแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้ผู้เล่นธรรมดาคนหนึ่งเลื่อนขั้นไปเป็นยอดฝีมือในเกมตอนนี้ได้เลยแน่นอน
หากผู้เล่นคนนั้นรู้จักฉกฉวยโอกาส หาจังหวะรีบปั้นหิมะล่ะก็…
เสียดายที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เรียนรู้สกิลประเภทธนูใดๆ เลย อีกอย่าง ด้วยความรู้วิทยายุทธ์ของสำนักมือปราบเทพ ต่อให้อยากเรียนก็คงได้แต่หวังพึ่งโชคแล้ว
แอบเก็บอุปกรณ์ทั้งสามชิ้นเอาไว้อย่างเงียบๆ อันที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงไม่ค่อยพอใจกับของดรอปของหลินจื้อเพ่ยเท่าไหร่นัก
ข้อแรก กระบี่วิเศษที่เขาใช้ทั้งหมดล้วนใช้ไม่ได้ แต่นี่ต่างหากที่เป็นอุปกรณ์ที่เยี่ยเว่ยหมิงจะได้ใช้ อย่างต่อมาก็คือ ใช้งาน ‘กระบี่เร็ววายุคลั่ง’ ที่หลินจื้อเพ่ยใช้งานตอนที่ต่อสู้กันไม่ได้แล้ว
จากคำแนะนำครั้งก่อนของไป๋จ่านจี หลินจื้อเพ่ยคนนั้นรู้พื้นฐาน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แต่ก็ยังอยากได้ ‘กระบี่เร็ววายุคลั่ง’ ของคนอื่น ถึงขนาดที่ว่าเคล็ดวิชาที่ใช้ตอนที่ต่อสู้กันก็ยังเป็นอันนี้ ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นเคล็ดกระบี่สำนักหัวซาน
อย่างที่เห็น กระบี่เร็ววายุคลั่งต่างหากที่เป็นสกิลไม้ตายของหลินจื้อเพ่ย!
ความคิดมากมายที่อยู่ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงเพียงครู่เดียวก็ผ่านไป หลังจากนั้นเขาก็ออกตามหาอาหวง ก็พบว่าเจ้าหมาน้อยน่าสงสารตัวนี้ยังอาเจียนเป็นเลือดอยู่เหมือนเดิม ด้วยสภาพที่เหมือนตายทั้งเป็นนี้ อาการดูจะเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย
มองดูอาหวงที่สภาพเหมือนตายทั้งเป็นแบบนั้น เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหลืออดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ
[ติ๊ง! ผู้เล่น “ถังซานไฉ่” ยื่นคำขอเป็นเพื่อนกับคุณ]
เลื่อนมือไปกดยอมรับ ทันใดนั้นก็เห็นพิราบสื่อสารตัวหนึ่งกระพือปีกบินมาเกาะบนตัวเขาแล้วหายไปในพริบตา ในเวลาเดียวกันที่กรอบข้อความ รูปโปรไฟล์ของถังซานไฉ่ก็เด้งขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน
[ถังซานไฉ่: สหายเว่ยหมิง หลินจื้อเพ่ยตายแล้วหรือยัง]
จากข้อความที่สั้นและกระชับนั้นเอง เยี่ยเว่ยหมิงราวกับมองเห็นสีหน้าร้อนรนที่ดูขบขันของอีกฝ่ายขึ้นมา
สหายคนนี้ถือว่าได้ตายไปพร้อมกับ BOSS แล้ว แต่ว่าจากประกาศระบบครั้งก่อนก็เห็นได้ว่า เนื่องจากหลินจื้อเพ่ยตายไปก่อนเขา 0.1 วินาที แต่ระบบก็ยังคงตัดสินให้เขาสังหารหลินจื้อเพ่ยได้สำเร็จ ทั้งยังทำภารกิจที่ได้รางวัลมากมายนั่นได้สำเร็จอีกด้วย รางวัลภารกิจเขาก็คงจะได้รับไปแล้ว แต่ว่าของที่หลินจื้อเพ่ยดรอปไว้ จากการตัดสินของระบบกลับไม่มีส่วนของถังซานไฉ่
ในโหมดค่าผลงาน การแบ่งอุปกรณ์ด้วยตัวเองไม่มีข้อจำกัดด้านระยะทางระบุเอาไว้อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยจะต้องอยู่บนแผนที่เดียวกันจึงจะทำได้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเก็บของดรอปนั้น สหายคนนี้ได้วิ่งไปรายงานตัวที่จุดคืนชีพเรียบร้อยแล้ว ของที่ดรอปออกมาก็ไม่มีส่วนของเขาไปโดยปริยาย
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเรียกว่าโชคดี หรือว่าโชคร้าย
ด้วยเกียรติในอาชีพของตน เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้อยากจะฮุบเอาอุปกรณ์ของเขามา จึงมอบข้อมูลไอเทมทั้งสามออกไป ตามด้วยการพูดเสริมว่า [นอกจากนี้ยังมีอีก 16 เหรียญทอง]
ส่งข้อความออกไป ตอนแรกเยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาด้วยคำพูดตามมารยาทสวยหรู จากนั้นค่อยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มาเป็นการทวงส่วนแบ่งของดรอป
แต่ไม่คิดว่าความว่องไวของถังซานไฉ่จะไวกว่าที่เขาคิดไว้มาก
อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดอะไร เพียงแค่ส่งลิงก์ไอเทมหนึ่งอันมาให้เขาอย่างเงียบๆ
[กำไลเงินสัตว์เลี้ยง (สีฟ้า): อุปกรณ์พิเศษ สามารถจับสิ่งที่ไม่ใช่รูปร่างมนุษย์หรือสัตว์ประเภทต่างๆ มาเป็นสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงช่วยเจ้านายออกรบได้ และยังสามารถใช้ยาเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต กำลังภายใน ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงปลดสถานะผิดปกติต่างๆ เป็นต้น
จำนวนสัตว์เลี้ยงที่มีตอนนี้ 0/3]
ไม่น่าเชื่อว่าในเกมนี้จะมีอะไรแบบนี้อยู่ด้วย
พอเยี่ยเว่ยหมิงได้เห็นสเตตัสของกำไลนี้แล้ว แววตาก็ส่องประกายขึ้นมาทันที จึงส่งข้อความกลับไปว่า: ไปรอข้าที่หมู่บ้านโบตั๋น มาเจอกันหน่อย!
ห่อศพของ BOSS ทั้งสามด้วยเสื่อฟาง จากนั้นก็อุ้มอาหวงขึ้นมา แล้วมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านดอกท้อกับไป๋จ่านจีที่เดินไปหยิบหาบกลับมาแล้ว
ตลอดทางไม่มีการพูดจา เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านดอกท้อ และส่งไป๋จ่านจีไปยังจวนตระกูลจ้าวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบมายังสถานที่ที่นัดหมายกับถังซานไฉ่ไว้
สถานที่แห่งนั้นคือศาลานอกเมืองแห่งหนึ่ง ดอกโบตั๋นโดยรอบบานสะพรั่ง สดใสงดงาม ทิวทัศน์งดงามอย่างไม่ต้องสงสัย
ครั้นเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงไปถึง ถังซานไฉ่ก็รออยู่นานแล้ว ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด เยี่ยเว่ยหมิงที่อุ้มเจ้าหมาน้อยไว้ในอกก็พูดขึ้นก่อนว่า “ในตอนที่กำลังสังหารหลินจื้อเพ่ยนั้น เจ้ากับข้าร่วมมือกันจะขาดใครไปไม่ได้ แต่หากเทียบกันแล้ว ถือว่าข้าที่ทนรับดาเมจของเขาได้นั้นทำผลงานได้มากกว่านิดหน่อย”
ถังซานไฉ่ได้ยินดังนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ตรงมุมปาก ราวกับว่าคิดอะไรออก จึงเอ่ยขึ้น “แต่สุดท้ายที่ตัดสินแพ้ชนะ ก็ยังเป็นความแม่นยำของอาวุธลับสองอันนั้นของข้านะ”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงนั่งลงในศาลาเรียบร้อยแล้ว “แต่ตะปูเจ็ดดาวกับเข็มปากยุงล้วนแต่เป็นของที่ข้ามอบให้เจ้า”
ถังซานไฉ่พยักหน้าเล็กน้อย เพื่อแสดงว่าไม่ได้เห็นต่าง
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น จึงพูดแผนการแบ่งรางวัลในใจของตนออกมา “ตอนนี้ในเกม ไอเทมสามชิ้นนี้เป็นของที่มีราคาสูงมาก และยังไม่มีวางขายในตลาด ยังประเมินจุดเด่นและจุดด้อยออกมาไม่ได้ ความคิดของข้าคือ เจ้าเลือกไอเทมมาได้หนึ่งชิ้นจากสามชิ้น ส่วนเงินสิบหกเหรียญแบ่งเท่ากัน”
ถังซานไฉ่ได้ยินดังนั้นก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด “เจ้าไม่อยากจะแลกกำไลกับข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
“เอาทีละเรื่อง แบ่งของเรียบร้อย ค่อยคุยเรื่องกำไลกันก็ยังไม่สาย”
“สหายเว่ยหมิงนี่ตรงไปตรงมาดีจริง!” พอถังซานไฉ่ชมจบไปหนึ่งประโยค ก็พูดขึ้นทันที “ข้าต้องการ ‘วิชาห่านทอง’”
เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่พูดมาก รีบนำของขายออกไปทันที แต่ถังซานไฉ่กลับส่งกำไลเงินสัตว์เลี้ยงมาด้วย “ของชิ้นนี้เจ้ารีบใช้ รีบช่วยชีวิตหมาของเจ้าก่อน เราค่อยมาคุยเรื่องราคากัน”
“ตกลง!”
กำไลเงินสัตว์เลี้ยง แม้ว่าชื่อจะเป็นกำไล แต่ที่จริงกลับเหมือนปลอกข้อมือมากกว่า รูปแบบเหมือนกันในหนังเรื่องวันเดอร์วูแมนอะไรประมาณนั้น แต่ลวดลายข้างบนจะมีความเป็นตะวันออกมากกว่า
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงสวมใส่แล้ว ก็รีบรับอาหวงเป็นสัตว์เลี้ยงทันที ตามด้วยป้อนยาฟื้นพลังชีวิตให้ ก็เห็นได้เลยว่าพลังชีวิตของเจ้าหมาน้อยนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพดีใช้ได้เลย!
ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก หันกลับไปยิ้มให้ถังซานไฉ่และกล่าว “ว่ามาสิ กำไลเงินสัตว์เลี้ยงนี้เจ้าอยากขายในราคาเท่าไหร่ หรือว่าเจ้าอยากได้ของอีกสองอย่าง”
“เรื่องนี้ไม่รีบ” ถังซานไฉ่นั่งลง ตอนนี้มีลมเย็นโชยมาพอดี ถังซานไฉ่จึงสูดหายใจเข้าก่อนหนึ่งเฮือก หลังสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ลอยมาตามสายลมอยู่นานหลายวินาที จึงเปิดปากพูดขึ้น “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ในมือของสหายเว่ยหมิง น่าจะยังมีกุญแจอายุยืนครึ่งซีกที่ BOSS คนใดคนหนึ่งในสามคนนั้นดรอปเอาไว้ใช่หรือไม่”
เยี่ยเว่ยหมิงหยิบกุญแจอายุยืนที่เก๋ออ๋างโส่วดรอปไว้ออกมา เอามาวางไว้บนโต๊ะระหว่างเขาทั้งสองคน “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้?”
ถังซานไฉ่พยักหน้า ทว่าไม่ได้ยื่นมือออกไปรับกุญแจอายุยืนที่อยู่บนโต๊ะ แต่กลับพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย “ตอนนี้ข้ากำลังทำภารกิจต่อเนื่อง ปกป้องไป๋จ่านจีเป็นเพียงหนึ่งในเควสหลักของทั้งหมดเท่านั้น และภารกิจในเควสหลักตอนนี้ข้าคนเดียวทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน ทีแรกตั้งใจว่าทำได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แต่พอได้พบกับเจ้า ข้าก็รู้สึกว่าข้าลองดูได้อีกสักตั้ง”
“ว่าอย่างไร” ถังซานไฉ่ถามต่อ “สนใจจะเข้าร่วมด้วยไหม มาทำภารกิจให้สำเร็จไปด้วยกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงกำลังจะตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงกระพือปีกดังขึ้นมา พอหันไปดู ก็พบกับนกพิราบตัวหนึ่งที่ลงมาเกาะบนไหล่ของเขา
เมื่อเปิดแถบข้อความดู สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนจากเดิมที่เฉยเมยกลายเป็นสงสัยอย่างหนัก “ขอโทษด้วย พอดีทางข้ามีเรื่องด่วน จำต้องขอปฏิเสธน้ำใจของสหายถังแล้วล่ะ”