ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 540 กระสุนชเรอดิงเงอร์
ตอนที่ 540 กระสุนชเรอดิงเงอร์
[ติ๊ง! ทีมของคุณโจมตีสังหารอ๋าวป้าย BOSS เลเวล 95 ผ่านทุกด่านของดันเจี้ยน ‘ปาถูหลู่’ โดยสมบูรณ์ ได้รับรางวัล: ค่าประสบการณ์ 5000000 ค่าตบะ 500000!]
[ประกาศระบบ: สำนักมือปราบเทพ ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิง สำนักถังเหมิน ผู้เล่นโหยวโหยวโจมตีสังหารอ๋าวป้าย BOSS เลเวล 95]
[เนื่องจากอ๋าวป้ายเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากสังหารครั้งนี้จะรีเฟรชออกมาไม่ได้อีก]
[หลังจากนี้ไป ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่มีอ๋าวป้ายอีก!]
[ผู้เล่นสองคนที่เข้าร่วมการโจมตีสังหารจะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก…]
[ประกาศระบบ: สำนักมือปราบเทพผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิง…]
ประกาศระบบดังต่อเนื่องสามรอบอย่างที่เคยเป็น หลังจากโหยวโหยวฟังแล้วก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “พอได้ยินประกาศระบบนี้ข้าถึงนึกขึ้นได้ ว่า BOSS ในบททดสอบสุดท้ายของสี่ดันเจี้ยนแม้จะเป็นร่างแท้โหมดปกติ แต่หลังจากถูกฆ่าแล้วก็จะหายไปโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นต่อไปดันเจี้ยนนี้…”
“ก็ไม่มีอยู่แล้วน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ ตอบตามความจริง
พอพูดจบ เขาก็ชี้ไปยังศพของอ๋าวป้ายบนพื้นอีก แล้วยิ้มพร้อมถามว่า “เจ้าจะคลำหรือจะให้ข้าคลำ”
“อะไรก็ได้ ใครคลำก็เหมือนกันไม่ใช่หรอกหรือ” โหยวโหยวยังคงมีท่าทีเย็นชาสูงส่งเหมือนอย่างเคย โดยเฉพาะยามเผชิญหน้ากับเรื่องยิบย่อยบางอย่าง แต่ไหนแต่ไรมานางก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ เดินไปตรงหน้าศพอ๋าวป้าย เตะเบาๆ หนึ่งทีศพก็กลิ้งเป็นน้ำเต้า กลิ้งไปประมาณหนึ่งจั้งถึงได้หยุด
จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ไม่มีได้ไง!
จะเป็นไปได้อย่างไร
เป็นเพราะตัวเองโชคไม่ดี หรือเป็นเพราะร่างแท้ของอ๋าวป้ายเป็นสินค้าไร้คุณภาพอยู่แล้ว
โหยวโหยวเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “อัตราดรอปของอ๋าวป้ายสูงมากแล้วแท้ๆ! ไม่ใช่แค่ดรอปอาวุธล้ำค่า แม้แต่อาวุธเทพก็ดรอปหนึ่งชิ้นด้วย แถมค่าสเตตัสยังดุดันขนาดนี้ ทำไมเจ้าทำสีหน้าเหมือนผิดหวังล่ะ”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “อาวุธล้ำค่าน่ะมีแล้ว อาวุธเทพก็มีแล้วเช่นกัน แต่ชิ้นที่ข้าต้องการกลับไม่มี”
พอพูดจบ สายตาที่สื่อหลากหลายอารมณ์ก็มองไปบนของที่ดรอปจากตัวอ๋าวป้าย
[นางแอ่นเหินอินทรีคู่ (อาวุธล้ำค่า)] ปืนไฟกระบอกหนึ่งที่มาจากตะวันตก ประสิทธิภาพแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ความจุกระสุน: 7
ความเร็วในการเติมกระสุน : 3 วินาที
ระยะยิงที่มีประสิทธิภาพ 30 เมตร
โจมตี +700
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: กระสุนชเรอดิงเงอร์!
[กระสุนชเรอดิงเงอร์] เมื่อลั่นไกตอนปืนไม่มีกระสุน มีโอกาส 50% ที่จะมีกระสุนโผล่ออกมากลางอากาศ เมื่อลั่นไกตอนเติมกระสุนแล้ว มีโอกาส 50% ที่กระสุนจะมีเอฟเฟ็กต์ไฟลุก มีโอกาส 50% ที่กระสุนจะมีเอฟเฟ็กต์แช่แข็ง
(หมายเหตุ: ผมเดิมพันว่าในปืนของคุณไม่มีกระสุน!)
[มีดสั้นมือใหม่ (อาวุธเทพ)] มีดสั้นที่ทำจากเหล็กนิล ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้ แต่เหมาะแค่สำหรับมือใหม่ที่ไม่เข้าใจทักษะยุทธ์
โจมตี +10000 มองข้ามพลังป้องกันและเกราะปราณแท้ แต่การโจมตีจะคำนวณเพียงพลังโจมตีพื้นฐานเท่านั้น ไม่อาจเพิ่มดาเมจจากกระบวนท่าใดๆ ทับซ้อนได้!
[เหรียญรางวัลปาถูหลู่] หลังจากใช้จะได้รับฉายาพิเศษ ‘ปาถูหลู่’
[ปาถูหลู่ (ฉายาพิเศษ)] คำเรียกเฉพาะของผู้กล้าชาวแมนจู ภาษาของชาวฮั่นคือ ‘วีรบุรุษ’ ค่าสเตตัสพละกำลังเพิ่ม 20%
[ชุดผ้าเหล็ก (ระดับกลาง)] วิชาเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งมากวิชาหนึ่ง ตรวจสอบที่มาโดยละเอียดไม่ได้แล้ว
เงื่อนไขการฝึก:
ความแข็งแกร่ง 100
สติปัญญา 15
เงิน: 3000 เหรียญทอง!
……
ไอเทมดรอปของอ๋าวป้าย รวมกันแล้วก็มีเพียงเท่านี้
แต่ก็ต้องกล่าวว่า อัตราดรอปของอ๋าวป้ายสมฐานะ BOSS ร่างแท้โหมดปกติเลเวลเก้าสิบห้าจริงๆ
กระทั่งจำนวนและคุณภาพของไอเทมก็เหนือกว่าที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดไว้
ตั้งแต่เล่นเกมมาจนถึงตอนนี้ อาวุธล้ำค่าไม่ได้ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เล่นอีกต่อไปแล้ว แต่มีเพียงยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมีความสามารถในการได้รับอุปกรณ์ระดับสูง แน่นอนว่าผู้ที่ถนัดทำการค้าใช้เงินซื้อได้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนอาวุธเทพก็ยิ่งเป็นการมีอยู่ที่ใฝ่ฝันแต่มิอาจไขว่คว้า ตามที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้มา ตอนนี้มีเพียงอาวุธเทพสองชิ้นที่ตกอยู่ในมือผู้เล่นแล้ว
นอกจาก ‘มีดสั้นมือใหม่’ เล่มนี้ ก็ยังมีมีดสั้นที่ชื่อคล้ายกันว่า ‘มีดสั้นกัวจิ้ง’ อีกเล่ม ตกอยู่ในมือผู้เล่นสำนักมือปราบเทพที่น้ำใจงามรักความยุติธรรมและไม่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งแล้ว
BOSS เลเวลเก้าสิบห้าคนหนึ่งที่ดรอปอาวุธล้ำค่าหนึ่งชิ้นกับอาวุธเทพหนึ่งชิ้นได้ ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายของเยี่ยเว่ยหมิงไปมากแล้ว เมื่อเทียบกับปู้ซานปู๋ซื่อจากสกุลติงลิ่วเหอ ก็ถือว่าดีกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า
แต่ปัญหาก็คือ ในบรรดาของมากมายที่อาจดรอปจากอ๋าวป้าย สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสนใจมากกว่านั้นก็คือของอัปเกรดของเกราะอ่อนป้องกันตัวอย่าง ‘เกราะอ่อนลวดทองแดง’
ยกตัวอย่างเช่นดรอป ‘เกราะอ่อนลวดเงิน’ หรือถึงขั้น ‘เกราะอ่อนลวดทอง’ อะไรทำนองนั้น นับว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะยกระดับการป้องกันของเขาได้เยอะมาก ถือว่าชดเชยจุดอ่อนได้เช่นกัน
ทว่า…
ไม่มี!
ไม่มีเกราะอ่อนอะไรทั้งนั้น!
มีหลายชิ้นที่เดิมทีค่าสเตตัสไม่เลว แต่เป็นของที่ไม่เหมาะกับเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน
เริ่มพูดถึงปืนไฟที่ชื่อ ‘นางแอ่นเหินอินทรีคู่’ ก่อน นอกจากในข้อมูลแนะนำที่เต็มไปด้วยจุดที่น่าบ่น ดูแค่ค่าสเตตัสอย่างเดียวก็ถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ แม้จะไม่ดุดันเท่าหน้าไม้เทพจูเก๋อ แต่ก็มีจุดแข็งของมันเอง
แต่มองปืนไฟแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อโหยวโหยว ถ้าจะให้เยี่ยเว่ยหมิงใช้งานเอง นอกจากจะแสดงประสิทธิภาพของปืนกระบอกนี้ได้ไม่เต็มที่แล้ว แม้แต่ศักยภาพของตัวเองก็ยังจะได้รับผลกระทบไปด้วย
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ
1 +1<1
เพราะทั้งสองเป็นคู่ตรงข้ามกันอย่างร้ายแรง!
ส่วนค่าสเตตัสของ ‘มีดสั้นมือใหม่’ มองเผินๆ เหมือนโอ้อวดความเท่ เพิ่มพลังโจมตีตั้งหนึ่งหมื่นแต้มเชียวนะ!
ตัวเลขนี้กำลังบ่งบอกถึงอะไร
มีดเล่มนี้เท่ากับกระบี่แสงทองยี่สิบเล่มรวมกัน!
ไม่ใช่แค่เท่านั้น มันยังมีผลฝ่าการป้องกันสองชั้นที่มองข้ามการป้องกันและเกราะปราณแท้ด้วย แทบจะทำให้พลังโจมตีของมีดสั้นเล่มนี้สูงถึงระดับดาเมจที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
ดูเผินๆ เหมือนแข็งแกร่งไร้เทียมทานใช่ไหม
แต่ความเป็นจริงล่ะ?
แค่ประโยคที่บอกว่า ‘ไม่อาจเพิ่มดาเมจจากกระบวนท่าใดๆ ทับซ้อนได้’ ก็อธิบายถึงข้อจำกัดของมันได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเท่าไร ของสิ่งนี้ก็ยิ่งเหมือนขยะมากเท่านั้น!
ไม่เหมือนดาบและกระบี่ทั่วไป ที่ทำให้ผู้อ่อนแอกลายเป็นแข็งแกร่ง ทำให้ผู้แข็งแกร่งได้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงได้มีดสั้นเล่มนี้ตอนเพิ่งออกจากหมู่บ้านมือใหม่ จะต้องเป็นเหมือนของล้ำค่าที่เจอเทพฆ่าเทพแน่นอน แต่ถ้าอยู่ในมือของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ลองสุ่มประสิทธิภาพของเคล็ดกระบี่มาสักท่าก็เหนือกว่าการโจมตีธรรมดาของมีดสั้นเล่มนี้ตั้งไกลแล้ว
นี่ยังเป็นการประเมินในแง่ดีที่สุดโดยไม่คำนึงว่าเป็นการโจมตีธรรมดาไร้กฎเกณฑ์และอัตราการโจมตีถูกเป้าหมายต่ำด้วย
สำหรับยอดฝีมืออย่างเยี่ยเว่ยหมิง ประโยชน์ข้อเดียวของมีดสั้นเล่มนี้ก็คือ ตอนเผชิญหน้ากับ BOSS พิเศษที่พลังป้องกันยอดเยี่ยมเกินไป มันจะแสดงผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงออกมากระมัง
แต่ยอดฝีมือที่เอ่ยถึงตรงนี้ กลับไม่นับรวมเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน
ใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ โจมตีจุดสำคัญอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วงชิงโอกาสสิบห้าเปอร์เซ็นต์นั่นไม่ใช่เรื่องที่หอมหวานหรอกหรือ
จะว่าไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ถือว่าโชคร้ายเลยจริงๆ
เข้ามาอยู่ในเกมนานขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ได้อุปกรณ์ที่เป็นอาวุธล้ำค่ามาแล้วมากมาย แม้แต่อาวุธเทพที่หาไม่ได้ในตลาดก็ยังมาอยู่ในมือของเขาแล้วสองชิ้น
แต่ปัญหาก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าอาวุธเทพสองชิ้นนี้จะเป็นมีดสั้นหมดเลย แม่งเอ๊ย! แถมค่าสเตตัสแต่ละชิ้นยังเหมือนวางกับดักกันอีก!
ความสามารถของมีดสั้นกัวจิ้งก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก นอกจากใช้เชื่อมต่อเนื้อเรื่องได้แล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธคมเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้ฆ่าโอวหยางเค่อ แต่ปัญหาก็คืออาวุธเทพหนึ่งชิ้นล้วนใช้ได้อย่างราบรื่นกับ BOSS แค่คนเดียว ควรค่าที่จะโอ้อวดด้วยหรือ
มีดสั้นมือใหม่เล่มที่อยู่ตรงหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าวิธีการที่จะทำให้ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือหาสหายสักคนที่ศักยภาพไม่สูง แล้วรีบมอบให้อีกฝ่ายเพื่อแสดงน้ำใจ
ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้ความสามารถของคนอื่นสูงขึ้นหมดแล้ว คาดว่าคงไม่มีใครชายตามองของสิ่งนี้แล้วเช่นกัน
พูดถึงฉายาปาถูหลู่นั่น ฟังดูลึกลับมาก ลึกลับจนคนทั่วไปฟังไม่เข้าใจแน่นอน
แต่ค่าสเตตัสนี้…
เยี่ยเว่ยหมิงเบะปากดูถูก ฉายานี้เมื่อเทียบกับ ‘คนกระบี่’ ของเขายังถือว่าห่างกันไกล!
สรุปก็คือ หลังจากอ๋าวป้ายตายแล้ว คุณูปการที่ใหญ่ที่สุดก็คงเป็น…ศพของเขา?
เรียกโลงไม้หนานมู่ออกมายื่นไปอีกด้าน จากนั้นใช้มือซ้ายเปิดฝาโลง ใช้มือขวาขยุ้มร่างอ๋าวป้ายกลางอากาศ ใช้ความสามารถในการดูดวัตถุผ่านอากาศดึงร่างขึ้นมาเสียเลย จากนั้นโยนเข้าโลงอย่างไม่ใส่ใจ แล้วปิดฝาโลง
เรียบร้อย!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ x1 ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ x1
หลังจากจัดของทั้งหมดเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือโอกาสให้เจ้าแดงใช้กรงเล็บขยุ้มโลงไม้หนานมู่ที่ใช้บรรจุอ๋าวป้ายขึ้นมา แล้วทำพิธีศพบนฟ้าเสียเลย
ตอนนี้เขากับโหยวโหยวถึงได้ออกจากดันเจี้ยนปาถูหลู่ด้วยกัน
เมื่อทั้งสองจากไป ประตูเหล็กดำบนกำแพงที่เขียนว่า ‘ปาถูหลู่’ ก็หายไปแล้วเช่นกัน บนกำแพงเดิมทีมีทางเข้าดันเจี้ยนสี่ประตู ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสามประตูแล้ว
เมื่อเห็นสีของท้องฟ้ากำลังจะมืดลง เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยเสียงเรียบ “งานยุ่งมาทั้งบ่าย ตอนนี้ถึงเวลาเตรียมอาหารค่ำแล้ว แต่ก่อนจะทำอย่างนั้น พวกเรามาแบ่งของที่ได้จากอ๋าวป้ายกันก่อนเถอะ ข้าคิดว่า…”
“ข้าขอแค่ปืนก็พอ” โหยวโหยวไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบก็ชิงพูดแล้วว่า “ในบรรดาของพวกนั้น มีแค่ปืนที่มีประโยชน์กับข้า ของอย่างอื่นข้าไม่สนใจเลย เจ้าอยากจะเก็บไว้หรือนำไปขายก็ตามใจเจ้า ผลงานของข้าก็เพียงพอสำหรับปืนกระบอกเดียวเช่นกัน”
ทีแรกเยี่ยเว่ยหมิงยังคิดจะแบ่งกับนางอย่างเท่าเทียม แต่เมื่อเห็นโหยวโหยวดึงดันขนาดนี้ จึงล้มเลิกความคิดที่จะหลีกทางให้นางเสียเลย เขาส่งปืน ‘นางแอ่นเหินอินทรีคู่’ ให้โหยวโหยวแล้ว
หลังจากตั้งติดอุปกรณ์ใหม่ โหยวโหยวก็มองกระบอกปืนที่สลักสัญลักษณ์อินทรีบินไว้สองตัว นางถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่ดีจริงๆ ข้อเสียอย่างเดียวก็คือมีความไม่แน่นอนเยอะเกินไป ถ้ามีแค่กระสุนเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งหรือเปลวเพลิงอย่างเดียวจะดีขนาดไหน ต่อให้มีกระสุนไม่จำกัดก็ยังได้ ค่าสเตตัสที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้เกิดจุดด่างพร้อยในความสมบูรณ์แบบจริง”
“ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับพูดแก้ไขให้ว่า “ข้ารู้สึกว่า ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของมันก็คือความไม่แน่นอนนี่แหละ”
โหยวโหยวได้ยินแล้วงุนงง “เจ้าคิดว่าความไม่แน่นอนเป็นเรื่องดีอย่างนั้นหรือ”
“ก็สำหรับบางคน” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นอธิบายอย่างอดทน “ถ้าเป็นสำหรับข้า แน่นอนว่าข้าไม่ชอบความไม่แน่นอนแบบนี้ เพราะมันจะส่งผลต่อกลยุทธ์ที่ข้าวางไว้อย่างร้ายแรง การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ความต่างเล็กน้อยนำมาซึ่งความคลาดเคลื่อนใหญ่หลวง แค่ปัจจัยที่ไม่แน่นอนอย่างเดียว ก็อาจจะทำเสียเรื่องได้ในช่วงเวลาสำคัญ”
โหยวโหยวอดเถียงกลับไม่ได้ว่า “เช่นนั้นเจ้ายังบอกอีกหรือว่าความไม่แน่นอนเป็นเรื่องดี”
“สถานการณ์ที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ข้าเพียงพุ่งเป้ามาที่ตัวเองเท่านั้น” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว “การชิงชัยระหว่างยอดฝีมือ ปัจจัยสำคัญที่ตัดสินแพ้ชนะได้ก็คือรู้เขารู้เรา เจ้าลองคิดดูสิ ถ้าระหว่างที่ต่อสู้กัน อีกฝ่ายเดาการกระทำทุกอย่างของเจ้าได้ชัดเจน เช่นนั้นยังต้องกังวลเรื่องแพ้ชนะอีกหรือ…
…ข้ามั่นใจว่ากลยุทธ์ของยอดฝีมือตอนต่อสู้ไม่เป็นรองใครแน่ สิ่งที่ต้องการก็คือทุกอย่างต้องอยู่ในการควบคุม”
เยี่ยเว่ยหมิงพูดพลางหันไปมองโหยวโหยว “แต่สถานการณ์ของเจ้ากลับแตกต่าง เวลาเจ้าทำอะไรชอบตามกฎเกณฑ์ แบบนี้คนอื่นจะสังเกตเห็นจังหวะและความเคยชินของเจ้าได้ง่ายมาก อย่างน้อยก็ทำสิ่งที่คาดเดาไม่ถึงได้ยาก ดังนั้น เจ้าจำเป็นต้องมีปัจจัยภายนอกบางอย่างเพื่อเพิ่มความไม่แน่นอนให้การโจมตีของตัวเอง…
…ซึ่งปืนกระบอกนี้ ก็แก้ไขปัญหานี้ได้ดีมาก…
…อย่างไรเสีย แม้แต่เจ้าเองก็ยังไม่รู้เลยว่านัดต่อไปจะยิงกระสุนอะไรออกมากันแน่ แล้วศัตรูจะเดาออกได้อย่างไร”
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงให้การศึกษาสไตล์เยี่ยแก่โหยวโหยวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “วันนี้ได้เก็บเกี่ยวไม่น้อยเลย กลับไปลองค่อยๆ ย่อยด้วยตัวเองดูสักหน่อย ข้าเฝ้าคอยการท้าสู้ร่างแท้ของเฝิงซีฟ่านในวันพรุ่งนี้มากกว่า อย่างไรเสียเขาก็ใช้กระบี่” ขณะที่พูด เขาก็ยิ้มบางๆ “ตอนค่ำเจ้าอยากกินอะไร มื้อค่ำข้าแสดงฝีมือเอง”
“กินอะไรก็ได้ กินอิ่มก็พอแล้ว” โหยวโหยวยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็บอกว่า “แต่เกรงว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว เพราะข้าต้องเติมลูกระเบิดสักหน่อย จะได้ไม่ส่งผลกระทบกับการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้”
สำหรับคำขอนี้ของโหยวโหยว เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าเข้าใจนางมาก
‘ลูกระเบิด’ ของนางแตกต่างกับของผู้เล่นคนอื่น ของประเภทไม้ซุงกับหินกลิ้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าของระบบหรือในมือของผู้เล่นก็ไม่มีขายทั้งนั้น โหยวโหยวต้องออกนอกเมืองไปเก็บรวบรวมด้วยตนเอง
ในจำนวนนั้น ไหยาพิษที่พลังทำลายล้างสูงสุดในบรรดาของพวกนั้น นางก็ทำได้เพียงซื้อยาสมุนไพร หินแร่และไหเปล่ามาเอง จากนั้นก็ใส่ยาพิษที่ตนปรุงเองเข้าไป นี่ก็คืองานที่เปลืองเวลาและกำลังงานหนึ่ง
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ปกติแล้วของพวกนี้ไม่อาจสะสมไว้มากเกินไป
อย่างไรเสีย พื้นที่ว่างส่วนตัวของผู้เล่นคนหนึ่งก็มีจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ของที่ไม่มีมูลค่าแต่กลับกินพื้นที่มากเป็นพิเศษยึดพื้นที่ในมิติเก็บของมากเกินไป
พอออกจากจวนลู่ติ่งกง เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปที่ตลาดผักไช่ซือโข่วทันที
สถานที่นั้นนอกจากใช้ฆ่าคนแล้ว ก็ยังใช้เป็นตลาดขายผักด้วย ตอนนี้สัตว์และของป่าล้วนไม่ปลอดภัย ซื้อสินค้าจากเกษตรกรมาเป็นเครื่องปรุงจะวางใจกว่า
ผลปรากฏว่ายังไม่ทันรอให้เขาไปถึงที่นั่น เสียงแจ้งเตือนระบบที่ลอยมากลางอากาศก็ดึงดูดความสนใจของเขาแล้ว
[ประกาศระบบ: สำนักมือปราบเทพ ผู้เล่นซานเย่ว์ สำนักมือปราบเทพ ผู้เล่นเฟยอวี๋ สำนักสุสานโบราณ ผู้เล่นสะพานสวรรค์คริสตัล สำนักสุสานโบราณ ผู้เล่นมั่วหร่าน สำนักถังเหมิน ผู้เล่นถังซานไฉ่โจมตีสังหาร BOSS เลเวล 86 เฟ่ยปิน ฉายาหัตถ์หยางแห่งซงซานที่สำนักซงซานสำเร็จ]
[เนื่องจากเฟ่ยปินเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากถูกสังหารครั้งนี้จะไม่รีเฟรชออกมาอีก]
[หลังจากนี้ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่มีคนชื่อเฟ่ยปินอีก!]
[ผู้เล่นห้าคนที่เข้าร่วมโจมตีสังหาร จะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก…]
[ประกาศระบบ: …]
……
เมื่อได้ยินประกาศระบบดังต่อเนื่องสามรอบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ภารกิจล้างมือในอ่างทองคำของซานเย่ว์ จัดการเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วเหรอ
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าสะพานสวรรค์น้อยกับมั่วหร่านที่เพิ่งทำภารกิจเคราะห์ตายของซื่อเจี้ยนสำเร็จจะไปช่วยภารกิจล้างมือในอ่างทองคำของซานเย่ว์แล้ว
ในเมื่อยังมีศึกโหดหินให้ต้องต่อสู้ ทำไมนางต้องรีบร้อนส่งกระบี่ล้ำค่าสองเล่มกลับมากับพิราบสื่อสารด้วยล่ะ
ทำภารกิจล้างมือในอ่างทองคำสำเร็จแล้วค่อยคืนไม่ดีกว่าหรอกหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แล้วเดินไปทางตลาดผักไช่ซือโข่วข้างหน้าต่อ ขณะเดียวกันก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากตัวเขา บินตรงไปทางภูใต้เขาเหิงซาน
[กลับบ้าน คืนนี้ข้าแสดงฝีมือทำครัวเอง ฉลองให้พวกเจ้า!]…เยี่ยเว่ยหมิง