ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 546 วายุอัสนีจิ่วโจว
ตอนที่ 546 วายุอัสนีจิ่วโจว
ให้เลือกระหว่าง ‘มารสวรรค์ทลาย’ กับ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’?
หลังจากได้ฟังทางเลือกสองทางที่ตู๋กูเจี้ยนให้มา ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็ตะลึงค้างไปแล้ว
อย่างไรเสีย ฟังจากที่ตู๋กูเจี้ยนอธิบายก่อนหน้านี้ หากวางสองทางเลือกนี้ไว้ด้วยกัน ก็เหมือนจะเห็นข้อดีข้อเสียชัดเจน ไม่ถือเป็นทางเลือกที่ยากเลยนี่?
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่หลงตัวเองว่าฉลาด ตอนนี้จะต้องจินตนาการบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาควบคุมการเลือกของตัวเองแน่นอน
ถึงขั้นตกอยู่ในวงจรไร้ทางออกระหว่าง ‘นี่คือกับดับ’ และ ‘นี่ไม่ใช่กับดัก’
แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่เป็นอย่างนั้น
เขายังคงยึดถือจิตวิญญาณชาวยุทธ์ของตัวเอง มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่เข้าใจก็ถาม “ผู้อาวุโสตู๋กู ในคำอธิบายของท่านก่อนหน้านี้ ข้อดีข้อเสียระหว่างสองวิชานี้เหมือนจะชัดเจนมาก สองวิชาที่มีประสิทธิภาพเหมือนกันโดยสมบูรณ์ วิชาหนึ่งมีผลข้างเคียงด้านลบเยอะมาก ส่วนอีกวิชาน้อยกว่าเมื่อเทียบกัน ระหว่างสองทางเลือกนี้ เหมือนจะไม่มีอะไรให้เทียบกันนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ตู๋กูเจี้ยนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วอธิบายว่า “สองวิชานี้ประสิทธิภาพเหมือนกัน ที่จริงเป็นเพียงแนวคิดที่คลุมเครือเท่านั้น แต่ความจริงแล้วหลังจากข้าปรับปรุงมัน วิธีการโจมตีของ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ โดยเนื้อแท้แล้วแตกต่างกับ ‘มารสวรรค์ทลาย’ ที่มีอยู่เดิม ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไร ข้าอธิบายลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว…
…เอาเป็นว่าสองวิชานี้ หากอยู่ในมือของคนละคนกัน ประสิทธิภาพที่แสดงออกมาก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ที่ข้าพูดหมายถึงประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน อธิบายถึงค่าเฉลี่ยคร่าวๆ ที่เหมือนกันของทั้งสองเท่านั้น”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า คาดคะเนความแตกต่างในนั้น คงคล้ายๆ กับความแตกต่างระหว่าง ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ กับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เพียงแต่ถ้าจะตัดสินว่าวิชาไหนแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่า ก็ไม่ได้ดูจากคริติคอล แต่ดูจากปัจจัยอื่นที่ตู๋กูเจี้ยนไม่ได้บอก
ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เตรียมจะส่งเสริมแนวทางชาวยุทธ์ที่มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เพราะการพูดตรงๆ ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่อีกฝ่ายฟังเข้าใจ เยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดว่าตู๋กูเจี้ยนจะรู้รายละเอียดค่าสเตตัสของสองสุดยอดวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
คำพูดของตู๋กูเจี้ยนนับว่าทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจแล้วว่าระหว่าง ‘มารสวรรค์ทลาย’ กับ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ มีความแตกต่างด้านการโจมตี
แต่ก็ยังอธิบายคำถามตอนแรกไม่ได้ “ตามที่ท่านบอก ระหว่างสองวิชานี้ยังมีข้อดีข้อเสียไม่เท่ากัน แต่ในเมื่อผู้อาวุโสจับมาวางด้วยกันเพื่อให้ข้าเลือก แสดงว่าท่านต้องมีเหตุผลของตัวเองแน่นอน ไม่ทราบว่าอธิบายได้หรือไม่ ผู้น้อยจะได้นำมาประกอบการพิจารณาก่อนเลือก”
ตู๋กูเจี้ยนยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ “เพราะหากเจ้าเลือก ‘มารสวรรค์ทลาย’ ข้าก็จะแนบตำราสุดยอดวิชากำลังภายในเพิ่มให้อีกเล่ม อย่าแปลกใจไป ตำราเล่มนั้นไม่อาจใช้หรืออ่านได้ทันที แต่มันอยู่ในสภาพปิดผนึกไว้ เจ้าต้องทำภารกิจที่สอดคล้องกันก่อนเพื่อปลดผนึกมัน”
สุดยอดวิชากำลังภายใน!
พอได้ยินสี่คำนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นประกายทันที รีบซักไซ้ต่อ “หากข้าไม่ต้องการ ‘มารสวรรค์ทลาย’ กับ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ ผู้อาวุโสตู๋กูจะมอบตำราสุดยอดวิชากำลังภายในที่ปลดผนึกแล้วให้ข้าโดยตรงได้หรือไม่”
ตู๋กูเจี้ยนยังคงยิ้มดังเดิม พร้อมให้คำตอบที่ไม่อ้อมค้อม “ไม่ได้!”
เป็นอย่างที่คาดไว้!艾琳小說
ระบบไม่มีทางปล่อยให้เขาได้ตำราลับสุดยอดวิชากำลังภายในไปง่ายๆ ในทันที ถ้าอยากจะเรียนตำราลับ ก็ต้องทำภารกิจ
ซึ่งภารกิจนี้ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ!
ทว่าความยั่วยวนของสุดยอดวิชากำลังภายในที่มีต่อเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้มีเยอะเกินไป เยอะจนเขาไม่มีทางปฏิเสธได้เลย!
อย่างไรเสีย เช้าตรู่วันนี้น้องดาบเพิ่งใช้ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ ที่นางเพิ่งได้มา ก็เท่ากับเคาะระฆังเตือนเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
การฝึกยุทธ์เหมือนพายเรือทวนน้ำ ไม่ก้าวหน้าก็ถอยหลัง!
อย่าว่าแต่ถอยหลังเลย ต่อให้บางช่วงเวลาหยุดก้าวไปข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกคนอื่นตามทัน หรือถึงขั้นถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังไกลๆ ด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังถามอีกสองคำถามอย่างระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าภารกิจปลดผนึกสุดยอดวิชากำลังภายในเล่มนั้นจำกัดเวลานานเท่าไร หลังจากภารกิจล้มเหลวมีบทลงโทษหรือไม่”
สำหรับสองคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง ตู๋กูเจี้ยนก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
“ไม่มีเวลาจำกัด แต่ต้องทำให้สำเร็จก่อนจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องบางจุด…
…ไม่มีบทลงโทษ ไม่มีจริงๆ…
…แต่เจ้าควรจะรู้ไว้ว่ายิ่งเป็นภารกิจที่เงื่อนไขยืดหยุ่นเช่นนี้ ระดับความยากก็สูงมากเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องที่ความสามารถของเจ้าตอนนี้จะทำสำเร็จได้…
…หากในอนาคตเจ้าทำให้สำเร็จไม่ได้ หรือพลาดจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องที่ข้าบอกไป ก็จะไม่มีทางปลดผนึกตำราสุดยอดวิชาเล่มนั้นได้ตลอดไป…
…เมื่อถึงตอนนั้น นอกจากเจ้าจะพลาดโอกาสเรียน ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ แล้ว เจ้าก็ต้องถือตำราที่ไม่มีวันปลดผนึกได้ไว้ในมือตลอดไป หากได้แต่มองคงว้าวุ่นใจมาก ไม่ใช่หรอกหรือ”
หลังจากบอกสองเงื่อนไขชัดเจนแล้ว ตู๋กูเจี้ยนถึงได้พูดต่อ “ตอนนี้ข้าบอกเงื่อนไขหมดแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าควรจะเลือกอย่างไร ก็ต้องดูการตัดสินใจของเจ้าแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ให้คำตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าต้องการวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา!”
“ไม่ ควรจะเป็น ‘มารสวรรค์ทลาย’ วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาเป็นเพียงของแถมเท่านั้น” ตู๋กูเจี้ยนพูดแก้ไขให้ถูกต้อง
เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้งๆ “ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ตู๋กูเจี้ยนเห็นเยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจด้วยท่าทีแน่วแน่แล้ว จึงไม่เปลืองคำพูดอีก ส่งตำราสองเล่มใส่มือเยี่ยเว่ยหมิงเสียเลย
[มารสวรรค์ทลาย (ระดับสูง)] เทพขวางฆ่าเทพ มารสวรรค์ทลาย!
เงื่อนไขการฝึก: กำลังภายในสูงสุด 5000 แต้ม
[วายุอัสนีจิ่วโจว (สุดยอดวิชา)] เป็นสุดยอดวิชาอันโด่งดังของเจ้าสำนัก ‘สำนักธงโลหิต’ เมื่อหลายร้อยปีก่อน
เงื่อนไขการฝึก: ความแข็งแกร่ง 200 พละกำลัง 40 สติปัญญา 100 ค่าตระหนักรู้ 30 (ตอนนี้ตำราเล่มนี้อยู่ในสถานะปิดผนึก ไม่มีทางเรียนรู้ทักษะที่อยู่ในตำราได้)
[ติ๊ง! คุณพบภารกิจลับ ‘หนี้เลือดชดใช้ด้วยเลือด’]
[หนี้เลือดชดใช้ด้วยเลือด]
หาตัวการที่ฆ่าล้างสำนักเหิงซานเดิมในปีนั้น เรียกความยุติธรรมให้สำนักเหิงซานเดิม
ระดับภารกิจ: 8 ดาว
ระยะเวลาภารกิจ: ก่อนที่ตัวการก่อเรื่องจะตาย
รางวัลภารกิจ: ปลดผนึกวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา ‘วายุอัสนีจิ่วโจว’
……
ต้องทำภารกิจระดับแปดดาวให้สำเร็จ ถึงจะปลดล็อกวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาที่ชื่อ ‘วายุอัสนีจิ่วโจว’ ได้?
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นภารกิจปลดผนึกตำราแล้ว นอกจากจะไม่นึกเสียใจทีหลังหรือโศกเศร้าใดๆ ยังแน่ใจอีกด้วยว่าตัวเองเลือกไม่ผิด!
ถ้าดูจากการแบ่งระดับในเกม ไม่นับระดับความยากที่โยน ‘วายุอัสนีจิ่วโจว’ มาไว้ในมือ ดูแค่การปลดผนึกของมันอย่างเดียว ก็เทียบเท่ากับรางวัลของภารกิจแปดดาวแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอให้เห็นถึงความล้ำค่าของวิชากำลังภายในวิชานี้แล้ว
หากเทียบกัน อาศัยเพียงผลงานการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะได้ ‘มารสวรรค์ทลาย’ กับ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ มาไว้ในมือ เห็นได้ชัดว่าต่างกันเยอะมาก
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเก็บตำราสองเล่มนี้ ตู๋กูเจี้ยนก็กล่าวอย่างหดหู่นิดหน่อย “คนหนุ่มเปี่ยมพลังจริงๆ ด้วย จิตใจสูงกว่าฟ้า ไม่ต่างอะไรกับตาแก่คนนี้ในปีนั้น แต่ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็พยายามทำภารกิจนั้นให้สำเร็จเถิด”
พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกเพียงว่าภารพตรงหน้าพลันเปลี่ยนไป หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว เขาก็กลับมาอยู่ตรงหน้าผนังหินที่เขียนตำราทักษะยุทธ์ไว้มากมายอีกครั้ง
เมื่อมองไปบนผนังหินอีกครั้ง กลับพบว่าลายมือด้านบนเลือนลางลงหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าถ้าอยากจะเรียนทักษะยุทธ์ที่ตู๋กูเจี้ยนทิ้งไว้โดยการอ่านบนผนังหินก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่แปลก ตู๋กูเจี้ยนในฐานะที่เป็นประมุขสมาพันธ์แห่งยุค วิทยายุทธ์ระดับสูงที่มีจะต้องไม่น้อยแน่นอน ถ้านำทั้งหมดมาวางไว้ให้ผู้เล่นเรียนได้ตามอำเภอใจ เช่นนั้นเกมยังจะมีความสมดุลอะไรอยู่อีกหรือ
เขาส่ายหน้าน้อยๆ ย้ายสายตามองไปที่คนอื่น แต่กลับเห็นทุกคนยังจ้องผนังหินอย่างเหม่อลอยเหมือนเดิม
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่าตอนนี้พวกเขาคงกำลังถูกส่งตัวไปแดนมายาเพื่อให้เลือกวิชา เขาย่อมไม่ตัดโอกาสคนอื่นหลังจากที่ตัวเองได้ประโยชน์แล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงหันตัวเดินไปหน้าโครงกระดูกของตู๋กูเจี้ยนในมุมหนึ่งของห้องศิลา ขณะมองกระดูกขาวตรงหน้า เขาก็เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ผู้อาวุโสตู๋กูเป็นวีรบุรุษแห่งยุค ปล่อยให้ศพถูกประจานอยู่ในห้องศิลาอาจจะน่าเศร้าไปหน่อย ให้ผู้น้อยเก็บโครงกระดูกของท่านไปพักผ่อนในหลุมอย่างสงบเถิด”
พอพูดจบ ก็นำโลงหยกขาวที่คุณภาพดีที่สุดบนตัวตอนนี้ออกมา แล้วเก็บโครงกระดูกของตู๋กูเจี้ยน
[ติ๊ง!…]