ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 551 วิชาเจินซู่พันมือ แม่น้ำพลิกทะเลเดือด!
ตอนที่ 551 วิชาเจินซู่พันมือ แม่น้ำพลิกทะเลเดือด!
กองหนุนฝ่ายตัวเองที่โผล่มากะทันหันศักยภาพโดยรวมไม่ได้แข็งแกร่งมาก หากมองจากภายนอก ทั้งสองฝ่ายกล่าวได้เพียงว่าครึ่งชั่งกับสองตำลึง
แต่โปรดอย่าลืม กลุ่มคนที่อุดอยู่ปากถ้ำก่อนหน้านี้ ความสนใจทั้งหมดไปรวมอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงกับพวกถังซานไฉ่หมดแล้ว
กองหนุนเท่ากับได้เปรียบในการลอบโจมตี!
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสีอยู่ดี
จะเห็นได้ว่าศักยภาพโดยรวมของทั้งสองฝ่ายยังต่างกันพอสมควร
แต่นั่นก็เป็นคุณสมบัติภาพรวมเฉลี่ยของทีมเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าในทัพหนุนยังมียอดฝีมืออีกสามคน
ซึ่งศักยภาพเฉลี่ยของสามคนนี้ก็ไม่ธรรมดา ถึงขั้นเรียกว่าเป็นยอดฝีมือท่ามกลางยอดฝีมือก็ยังได้!
ในจำนวนนั้นมีหนึ่งคนแต่งตัวเป็นหลวงจีน รูปร่างไม่สูง แต่กลับกำยำมาก ในมือถือดาบล้ำค่าที่กะพริบแสงสีทอง ใช้กระบวนท่าอย่างกล้าได้กล้าเสีย ดุดันไร้ที่เทียบ
จุดไหนที่เขาไปถึง ตรงนั้นเลือดสาดกระจาย!
ทว่าในบรรดาสามคนนี้ หลวงจีนโหดรูปนี้ฆ่าศัตรูได้ช้าที่สุด
เพราะอีกสองคนคือฉางซิงอวี่ ยอดฝีมือสำนักอู่ตังและเชิญร่ำสุรา ผู้ที่มีสุดยอดวิชา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ฉบับสมบูรณ์!
ศักยภาพของสองคนนี้ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ วิชาทวนของฉางซิงอวี่เดิมทีก็เหมาะกับการต่อสู้หมู่อยู่แล้ว พอเริ่มโบกทวนที่ชื่อว่าดาบสองคมสามแฉกในมือ ในรัศมีหนึ่งจั้งข้างกายก็ไม่มีศัตรูคนไหนเข้าใกล้ได้ ดุดันกล้าหาญไร้เทียมทาน
ส่วนเชิญร่ำสุราก็แวบผ่านไปผ่านมาเร็วเหมือนเงาผี หลายคนถึงขั้นไม่ทันเห็นชัดว่าศัตรูตรงหน้าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ถูกกระบี่ของเขาโจมตีกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว
ตอนที่สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงย้ายไปบนตัวเชิญร่ำสุรา อีกฝ่ายก็หันมามองทางเขาพอดี ทั้งสองสบตากันในระยะสิบกว่าจั้ง แล้วยกมุมปากยิ้มน้อยๆ พร้อมกัน艾琳小說
ว่าแล้วเชียว เจ้าหมอนี่รู้ข้อมูลบางอย่างที่ข้าไม่รู้!
การปะทะภายใต้การนำของสามยอดฝีมือ ไม่นานก็ทำให้ทัพหนุนได้เปรียบโดยสมบูรณ์
เลี้ยงบาสลงห่วงค้นพบสถานการณ์นี้เช่นกัน เขาขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ตรงนี้ส่งให้ข้า เงาใจภูตกับจันทราสะท้อนน้ำรับผิดชอบเอง ส่วนต้วนอาทิตย์อัสดง เมฆเคลื่อนเดียวดายแล้วก็เสี่ยวเซียงจู พวกเจ้าไปต้านศัตรูที่อยู่ข้างหลัง!”
“รับทราบ!”
ทั้งสามตอบรับราวกับใจตรงกัน จากนั้นก็ใช้ท่าร่างไปรับมือกับพวกเชิญร่ำสุราทางฝั่งนั้นพร้อมกัน
ศัตรูหกคนกลายเป็นสามคนในคราเดียว ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงแรงกดดันลดลงฉับพลัน เกิดความรู้สึกเหมือนฝนซาฟ้าใสทันที เขาพูดกับถังซานไฉ่ในช่องทีมว่า [สหายถัง ยังจำฉากที่พวกเราเคยร่วมงานกันตอนนั้นได้หรือไม่ ข้ารับหน้าที่ต้านข้างหน้า ส่วนเจ้ายิงอยู่ข้างหลังอย่างสงบใจ]
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงในแนวขวาง มองศัตรูทั้งสามจากมุมข้างบน “ทั้งสาม เชิญเข้ามาเลย”
“ช้าก่อน!” ตอนนี้เอง ถังซานไฉ่กลับก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง สายตาไปหยุดอยู่บนตัวผู้เล่นขลุ่ยทองที่เลี้ยงบาสลงห่วงเรียกอีกฝ่ายว่าจันทราสะท้อนน้ำแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ก่อนหน้านี้ข้าถูกผู้เล่นคนนี้ฆ่าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ได้โอกาสพอดีเลย ข้าอยากจะสู้ตัวต่อตัวกับเขาสักยก หวังว่าสหายเยี่ยจะช่วยให้สมปรารถนา อย่าแย่งข้าโจมตี!”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่รู้เชียวหรือว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้เขากดดันมากเกินไป อยากจะแบ่งเบาภาระจากเขา?
เพียงแต่ว่า…
เมื่อมองถังซานไฉ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาต่อสู้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดถามอย่างกังวลไม่ได้ว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าจะท้าทายเจ้าหมอนี่ เปลี่ยนเป็นน้องสาวคนนั้นดีไหม เคล็ดกระบี่ของเจ้าหมอนี่…”
จากที่ประมือกันสั้นๆ ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองออกแล้วว่าทักษะยุทธ์ของจันทราสะท้อนน้ำนั่นแปลกมาก มีผลข่มอาวุธลับได้ดี เหมือน ‘เคล็ดกระบี่ขลุ่ยหยก’ จากเกาะดอกท้อที่อินปู้คุยเคยเอ่ยถึงในกลยุทธ์ อีกทั้งอาวุธที่เขาใช้ก็สอดคล้องกันพอดี
ถ้าถังซานไฉ่สู้กับเจ้าหมอนี่ จะต้องเสียเปรียบมากแน่นอน!
แต่สำหรับคำเตือนที่ความหวังดีของเยี่ยเว่ยหมิง ถังซานไฉ่กลับส่ายหน้าดึงดัน “ข้ากับน้องสาวคนนั้นไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมต้องลงมือกับนางด้วย นี่คือความแค้นส่วนตัว”
เมื่อเห็นถังซานไฉ่แน่วแน่ขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เกลี้ยกล่อมเขาอีกแล้ว เขาตวัดกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงจนเกิดแสงกระบี่ แล้วโจมตีไปทางเลี้ยงบาสลงห่วงกับเงาใจภูต
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่ากระบี่ที่ชื่อว่า ‘เงาขจีแห่งป่าไผ่’ เป็นท่าที่เสริมขึ้นมาหลังจาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เพิ่มคุณภาพถึงระดับกลาง เป็นท่าที่ยอดเยี่ยมตระการตา
เขาเพิ่งจะออกกระบี่ได้ครึ่งเดียว เจ้าหนุ่มที่ชื่อเลี้ยงบาสลงห่วงก็แทงกระบี่ออกมาแล้ว อีกฝ่ายเจอจุดอ่อนในกระบวนท่าของเขาก่อน ทำให้เขาใช้กระบวนท่าครึ่งหลังต่อไม่ได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนท่ากลางคัน
เจ้าคนโหด!
เยี่ยเว่ยหมิงจนปัญญา ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็น ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ กลางคันและใช้ความได้เปรียบจากค่าสเตตัสกำลังภายในโจมตีให้อีกฝ่ายถอย ยังไม่ทันรอให้เขาไล่ตามโจมตีต่อ เงาใจภูตที่อยู่อีกฝั่งก็โบกกระบี่ตามมาแล้ว บีบให้เขาต้องหยุดไล่โจมตีเลี้ยงบาสลงห่วง เปลี่ยนเป็นตวัดกระบี่ในแนวเฉียงเพื่อปัดงูสีเงินในมือของนางออกไป
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงสู้แบบหนึ่งต่อสอง แม้จะยังได้เปรียบนิดหน่อย แต่กลับไม่มีทางได้เปรียบมากกว่านี้ได้
เพราะเคล็ดกระบี่ของเลี้ยงบาสลงห่วงแยบยลเหนือชั้นมากจริงๆ!
ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะใช้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ หรือ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ก็ถูกเขาข่มจนทำอะไรไม่ได้มาก แต่หลังจากใช้ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ แม้จะควบคุมอีกฝ่ายได้บ้าง แต่ก็ไม่มีทางจัดการอีกฝ่ายได้ภายในเร็วๆ นี้แน่
เพราะหญิงสาวที่ชื่อเงาใจภูตคนนั้น ไม่ให้โอกาสเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีผู้เล่นเลี้ยงบาสลงห่วงก่อนแน่นอน ก็เหมือนที่เลี้ยงบาสลงห่วงไม่ปล่อยให้เขาโจมตีเงาใจภูตก่อน
ชั่วขณะนั้น การต่อสู้ตกอยู่ในสภาวะที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้กันและกัน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง สถานการณ์ของถังซานไฉ่กลับดูค่อนข้างหล่อแหลม
ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักถังเหมิน แม้เขาจะไม่เคยเรียน ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ของสำนักชิงเฉิงมาก่อน แต่วิชานี้อยู่ในมือเขาเลย อย่างน้อยก็นำออกมาใช้ตอนสถานการณ์คับขันได้ ตอนที่เจอกับศัตรูเลเวลเดียวกัน เขาไม่กล้านำไปใช้ปะทะกับศัตรูซึ่งๆ หน้าแน่นอน
ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาตอนนี้ จะบอกว่าระดับเดียวกับเขาอาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอาศัยความสามารถของอีกฝ่าย ยังไม่อาจเอาชนะได้โดยสิ้นเชิง
อาวุธลับของเขาสร้างภัยคุกคามใดๆ ไม่ได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าขลุ่ยทองที่เหมือนมีกาวพิเศษเลานั้น ถ้าอยากจะอาศัยวิชาตัวเองเพื่อไล่ยิง ก็พบว่าวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายก็ไม่เป็นรองเขาเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายใช้เวลาประมือกันไม่นาน เขาไม่เพียงแค่ถูกอีกฝ่ายไล่ตาม ถึงขั้นมีครั้งหนึ่งถูกโจมตีจนเสียพลังชีวิตหนึ่งในสามส่วนเพราะเดินเกมพลาดด้วย
ซึ่งตอนนี้เขาก็ถูกอีกฝ่ายประชิดเข้าใกล้จนหนีเข้ามุมบอดแล้ว
เหมือนสถานการณ์ภาพรวมถูกกำหนดแล้ว!
ขณะมองถังซานไฉ่ที่กลายเป็นสัตว์ถูกขัง จันทราสะท้อนน้ำก็เผยรอยยิ้มหยอกล้อ “ครั้งนี้ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก”
ตอนนี้ถังซานไฉ่กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังที่สุด พร้อมกล่าวอย่างสงบนิ่งมากกว่า “ทำไมข้าต้องหนีด้วยล่ะ”
ขณะที่พูด เขาก็มองลักษณะพื้นที่พิเศษที่ผนังหินสองแถวทำมุมกัน จากนั้นย้ายสายตาไปบนใบหน้าจันทราสะท้อนน้ำอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างมีจิตวิญญาณการต่อสู้อันน่าเกรงขาม “เจ้าไม่สังเกตเห็นเลยหรือ ว่าสถานที่นี้ไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของข้าคนเดียว”
“เจ้ายังคิดจะโจมตีกลับ?” จันทราสะท้อนน้ำราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขำมาก “อาวุธลับของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้เลย ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิชาอาวุธลับอย่างไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าขลุ่ยทองในมือข้าก็เปราะบางทั้งนั้น!…
…ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ลองดูสิ แล้วคอยดูว่าข้าจะทำลายอาวุธลับทั้งหมดของเจ้าได้หรือไม่ ข้าจะทำให้เจ้าโมโหตาย!”
“ได้!” จู่ๆ บนใบหน้าถังซานไฉ่ก็แบ่งบานด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น จากนั้นลักษณะท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นอย่างฉับพลัน กำลังภายในของ ‘วิชาเจินซู่พันมือ’ ลุกโชนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในชั่วพริบตาเดียว ไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
จันทราสะท้อนน้ำเห็นสถานการณ์แล้วอดตกใจไม่ได้ จิตใต้สำนึกเตรียมจะหลบชั่วคราว
แต่ก็เป็นอย่างที่ถังซานไฉ่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าซอกหินน่าตายนี่ไม่เพียงทำให้ถังซานไฉ่ไร้ทางถอย ยังจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาด้วยเช่นกัน!
จันทราสะท้อนน้ำคนนี้ก็เป็นตัวละครโหดเหมือนกัน
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่มีทางถอยหลบทัน ก็พลันออกแรงที่สองเท้า พาตัวเดินตามขลุ่ยไป ขลุ่ยทองชี้ไปทางหว่างคิ้วของถังซานไฉ่!
ในเมื่อไม่มีทางให้ถอย เช่นนั้นก็เปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกัน!
ขอเพียงเขาฆ่าถังซานไฉ่ตายในระหว่างที่ถังซานไฉ่กำลังรวบรวมพลังและยังไม่ปล่อยท่าไม้ตายออกมา เช่นนั้นไม่ว่าถังซานไฉ่จะใช้กระบวนท่าที่น่ากลัวอะไร ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญแล้ว
ทว่าสายไปแล้ว!
ตอนที่จันทราสะท้อนน้ำเพิ่งจะเคลื่อนไหว ถังซานไฉ่ก็ลงมือแล้ว!
ตอนนี้จันทราสะท้อนน้ำถึงขั้นมองเห็นแขนของถังซานไฉ่ไม่ชัดแล้ว ในสายตาของเขา แขนสองข้างของถังซานไฉ่กลายเป็นเงาเลือนรางแล้ว
“จะทำให้ใครโมโหตาย!”
วิชากำลังภายในที่ถังซานไฉ่ฝึกสำหรับการโจมตีหลักตอนนี้ ยังเป็นวิชาที่ได้จากสามปราชญ์คุนหลุนเหอจู๋เต้าเมื่อครั้งทำภารกิจภารกิจกระบี่อิงฟ้ากับพวกเยี่ยเว่ยหมิง วิชากำลังภายในระดับสูงที่สอดคล้องกับวิชาอาวุธลับที่สุด ‘วิชาเจินซู่พันมือ’
ตอนฝึกวิชากำลังภายในวิชานี้ในช่วงต้นก็จะได้เอฟเฟ็กต์พิเศษเพิ่มความเร็วในการปล่อยอาวุธลับ ทำให้ผู้ฝึกปล่อยอาวุธลับได้มากขึ้นภายในเวลาอันสั้น
ตอนนี้ถังซานไฉ่ก็ยิ่งฝึกวิชากำลังภายในวิชานี้จนถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์แล้ว เปิดใช้งานลักษณะพิเศษของมันเมื่อเลเวลเต็ม นั่นก็คือเพิ่มพลังทำลายล้างของอาวุธลับ!
ตอนนี้ใช้เคล็ดวิชาพิเศษปะทุกำลังภายในทั้งหมดที่มีออกมาในชั่วพริบตาเดียว คุณสมบัติพิเศษก็ยิ่งแสดงออกมาในระดับสูงสุด ประสิทธิภาพที่ปล่อยออกมาก็ใช้คำว่าน่ากลัวบรรยายได้เลย!
เมื่อเห็นท่าไม้ตายกำลังจะมาเยือน แม้จันทราสะท้อนน้ำจะรู้ชัดถึงความร้ายกาจ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไร้หนทางอื่น เขาก็ยังกอดความหวังสุดท้ายว่าจะโชคดีรอดชีวิต ใช้วิธีการเดิมอีกครั้ง โบกขลุ่ยทองเพื่อปัดอาวุธลับ
ภายใต้การโบกของขลุ่ยทอง ก็ยังดูดอาวุธลับที่เข้าใกล้ในรัศมีหนึ่งชุ่นขึ้นมาอยู่บนขลุ่ยทองในมือเขาได้ทั้งหมด
ทว่า…
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!…
เมื่อขลุ่ยทองกับอาวุธลับสัมผัสกัน เขากลับรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่โหมซัดสาดกลุ่มหนึ่ง มันถ่ายทอดออกจากอาวุธลับของถังซานไฉ่มายังขลุ่ยทองในมือเขา จากนั้นก็ไหลจากขลุ่ยทองขึ้นมาบนแขนเขา
ทำให้เขาสะเทือนจนแขนชา!
ขณะเดียวกันนี้เอง อาวุธลับส่วนใหญ่กลับโฉบมาจากจุดที่ห่างจากขลุ่ยทองไกลกว่านั้น ทำให้จันทราสะท้อนน้ำจมอยู่ในอาวุธลับเหล่านั้น
-3345
-3126
-6134!
-3232
……
ท่ามกลางการตัวเลขดาเมจต่อเนื่องที่เกิดจากโจมตีคริติคอลปนกับโจมตีธรมดา จันทราสะท้อนน้ำถูกโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวอย่างไม่ผิดคาด แต่ถังซานไฉ่กลับไม่หยุดโจมตีเพราะอีกฝ่ายตาย
ตอนหลังยิงอาวุธลับไปตรงจุดที่ไกลกว่าเดิมโดยไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ยิงหายเข้าไปในกระบวนทัพของผู้เล่น สร้างการบาดเจ็บล้มตายแล้วไม่น้อยเลย
มุมการโจมตีแบบนี้ คือสิ่งที่ถังซานไฉ่ปรับไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน!
ห้าวินาที!
ใช้เวลาห้าวินาทีเต็มๆ ถังซานไฉ่ราวกับกลายร่างเป็นพระโพธิสัตว์พันมือ ไม่รู้ว่ามีว่ามีอาวุธลับมากมายเท่าไรสาดออกมาจากมือเขา อาวุธลับที่เขาปล่อยออกก็ยิ่งทำลายเป้าหมายได้เหมือนไม้ผุ ฉีกกระบวนทัพของผู้เล่นจนเกิดช่องโหว่ใหญ่จากทางด้านหลัง
ผู้เล่นฝ่ายศัตรูสามสิบกว่าคนกลายป็นแสงสีขาวอยู่ภายใต้กระแสคลื่นของอาวุธลับ ไปคุยกับจันทราสะท้อนน้ำที่จุดคืนชีพแล้ว
เมื่อเห็นวิธีการนี้ของถังซานไฉ่ก็อย่าว่าแต่ศัตรูเลย แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจกับวิธีการอันน่าพรั่นพรึงของเขาเช่นกัน
เจ้าหมอนี่ใช้วิธีการอะไรกันแน่
ดูจากผลลัพธ์นี้ เหมือนจะดุดันกว่า ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ของเขาไม่รู้ตั้งเท่าไร!
แม้จะพูดถึงความอึด การปะทุพลังของท่านี้ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ แต่หากเทียบกันแล้ว ท่านี้มีประสิทธิภาพน่ากลัวกว่า นั่นไม่เรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีหรอกหรือ
แต่ก็เหมือน ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ เมื่อเวลาปะทุพลังห้าวินาทีผ่านไป ถังซานไฉ่ที่เดิมทีท่าทางน่ากลัวเขย่าฟ้าสะเทือนดินก็เซื่องซึมลงในชั่วพริบตาเดียว
ตอนนี้เขาเริ่มหายใจถี่กระชั้น ถึงขั้นยืดเอวตรงๆ ไม่ได้ หอบหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
แม้แต่มือทั้งคู่ที่ก่อนหน้านี้ว่องไวราวกับไม่ใช่มือคน ตอนนี้ก็ห้อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้วเช่นกัน ร่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะใช้พลังมากเกินไป
เขาพยายามควบคุมสองมือที่ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งให้กรอกยาสองเม็ดเข้าปาก อยากจะชดเชยพลังที่เสียไปกลับคืนมา
แต่ก่อนหน้านี้เขาเสียพลังรุนแรงเกินไป ทำได้เพียงกินยาฟื้นฟูพลังชีวิตและรักษาอย่างช้าๆ ภายในเร็วๆ นี้ฟื้นฟูพลังต่อสู้อย่างที่ควรจะมีกลับมาได้ยากมาก
ซึ่งตอนนี้เอง เงาใจภูตมองเห็นโอกาสแล้ว นางเลิกโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงทันที แล้วยกมือยิงแสงเย็นสามสายไปทางถังซานไฉ่
ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวมานานแล้ว มีหรือที่จะปล่อยให้นางทำสำเร็จ
เห็นร่างของเขาหายวับไปกะทันหัน ลอยไปขวางอยู่ตรงหน้าถังซานไฉ่แล้ว
ขณะที่โยนอาวุธลับสามชิ้นออกมา เขาก็ถือโอกาสพูดว่า “ใช้ได้เลยสหายถัง ไม่เจอกันตั้งนาน นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะก้าวหน้าถึงขั้นนี้แล้ว…
…แค่ท่าที่เพิ่งใช้เมื่อครู่นี้อย่างเดียว เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ต้านไม่ไหว” แต่ข้าก็หลบทัน แต่ประโยคหลังที่สะเทือนใจเพื่อน เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่พูดออกมาอยู่แล้ว
“แต่ก็ไม่ได้ทำให้เป้าหมายตายทุกครั้งที่ถูกโจมตี ยังมีจุดอ่อนอยู่” ถังซานไฉ่ก็รู้จุดอ่อนของท่านี้เช่นกัน เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะจับภาพค่าสเตตัสทักษะส่งเข้าไปในช่องทีม
[แม่น้ำพลิกทะเลเดือด (ระดับสูง)]
วิชาที่ตู๋กูเจี้ยน เจ้าสำนักเหิงซานเดิมได้มาหลังจากปรับปรุง ‘มารสวรรค์ทลาย’ ประสิทธิภาพน่าทึ่ง
เอฟเฟ็กต์กำลังภายในเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า โบนัสโจมตีกระบวนท่าเพิ่ม 50%!
กำลังภายในที่ใช้: ทั้งหมด
หลังจากใช้จะติดสถานะอ่อนแอ ค่าสเตตัสทั้งหมดลดลง 50%
เวลาคูลดาวน์ทักษะ: ยังต้องใช้เวลา 23 ชั่วโมง 59 นาที 38 วินาที ถึงจะใช้งานได้อีกครั้ง
……
นึกไม่ถึงว่าถังซานไฉ่จะเรียน ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ ที่ตู๋กูเจี้ยนเอ่ยถึงแล้ว
เพียงแต่ด้วยบุคลิกอย่างเขา หลังจากเรียนท่านี้แล้ว…
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาถังซานไฉ่ แต่รู้สึกเห็นใจแทน
หวัว่า…เขาจะไม่ใช้ท่านี้บ่อยๆ
ตอนนี้เอง กลับได้ยินถังซานไฉ่กล่าวอย่างจนใจว่า “ตอนนี้ไม่ใช่แค่ใช้กำลังภายในหมดเกลี้ยง แม้แต่อาวุธลับบนตัวก็ใช้ไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเช่นกัน เกรงว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าคงช่วยเจ้ามากกว่านี้ได้ยากแล้ว ข้าจะกลับไปหลบในถ้ำชิงอินก่อน”
ขณะที่พูด เขาก็ใช้ท่าร่างขณะที่บาดเจ็บสาหัสวิ่งโซเซไปทางถ้ำชิงอิน
“คิดจะหนี? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
เมื่อเห็นถังซานไฉ่สร้างความเสียหายต่อเนื่องให้พวกเขาแล้วยังคิดจะหนีไป เลี้ยงบาสลงห่วงและเงาใจภูตกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น โบกกระบี่พุ่งสังหารเข้ามาพร้อมกัน เตรียมจะตีฝ่าเยี่ยเว่ยหมิงไปจัดการถังซานไฉ่ที่สูญเสียพลังต่อสู้ไปแล้ว
พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ในดวงตาก็ฉายแววดุร้ายแวบหนึ่ง จากนั้นมือซ้ายก็วาดวงกลมเบาๆ แล้วผลักฝ่ามือรับกับสองยอดฝีมือหนึ่งที “คิดจริงๆ หรือว่าข้าทำอะไรเคล็ดกระบี่จของเจ้าไม่ได้เลย…
…ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”