ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 561 ระบบถ่ายทอดสดออนไลน์
ตอนที่ 561 ระบบถ่ายทอดสดออนไลน์
บนพื้นดิน หลังจากเสียงร้อง ‘ไอ๊หยา!’ ดังขึ้น หนิวจื้อชุนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นสุดขีดก็ถูกรองเท้าเกี๊ยะจากฟ้ากระแทกใส่จนมึนศีรษะ ค่าพลังชีวิตตกลงเกินครึ่ง
เกือบตายคาที่!
แต่ถึงแม้จะไม่ถูกกระแทกตาย แต่กลับล้มคะมำอยู่บนพื้น ขณะเดียวกันก็ศีรษะกระทบกระเทือนจนติดสถานะมึนงงชั่วคราว หลังจากผ่านไปห้าวินาทีถึงได้ฟื้นตัวกลับมา
หนิวจื้อชุนที่ฟื้นสติกลับมาอีกครั้งลุกพรวดจากพื้นเหมือนปลาหลีกระโดด เขากวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็พบสุดยอด ‘อาวุธลับ’ บู๊ลิ้มที่ลอบโจมตีเขาทันที
หลังจากเขาเก็บอาวุธลับสองชิ้นขึ้นมาและเห็นชัดแล้วว่าเป็นรองเท้าเกี๊ยะธรรมดาคู่หนึ่ง ก็โมโหจนควันออกจากรูทวารทั้งเจ็ดทันที ใช้มือถือรองเท้าเกี๊ยะข้างละอัน มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ขณะที่พลังปราณจมลงสู่จุดตันเถียน เขาเปล่งเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลปนเศร้า “ใครมันไร้ศีลธรรมขนาดนี้!”
“ได้ยินว่าเจ้ากำลังจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าหรือ” เพิ่งสิ้นเสียงหนิวจื้อชุน จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะเขา “ในเมื่อกำลังจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าแล้ว ทำไมแม้แต่รองเท้าเกี๊ยะก็ยังต้านไม่ไหว”
ขณะที่เสียงนี้ดังมา จู่ๆ หนิวจื้อชุนก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดลง เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเจ้าแดงกำลังบินลงจากฟ้าสูงอย่างช้าๆ บดบังแสงอาทิตย์ไว้แล้ว
ตอนเห็นสองคนบนเก้าอี้นอนที่เจ้าแดงขยุ้มมาชัดเจน หนิวจื้อชุนก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัว “เยี่ยเว่ยหมิง? ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะใช้สัตว์เลี้ยงบินได้มาเป็นพาหนะของเจ้า ทำไมเจ้าไปบินขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ”
ระหว่างที่พูด เจ้าแดงก็บินพาทั้งสองลงมาแล้ว มันวางเก้าอี้นอนสองที่นั่งลงบนพื้นอย่างมั่นคง จากนั้นก็เก็บปีกสองข้าง แล้วเกาะพักบนที่จับของเก้าอี้นอน
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวถึงได้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้นอนอย่างไม่รีบร้อน เยี่ยเว่ยหมิงเรียกโลงไม้หนานมู่ลวดทองที่บรรจุศพอ๋าวป้ายออกมา สั่งให้เจ้าแดงคาบไปทำพิธีศพบนฟ้า แล้วขยิบตาให้หนิวจื้อชุน “ข้าก็เพิ่งลงมาจากสวรรค์ไม่ใช่หรอกหรือ”
สำหรับประโยคนี้ จู่ๆ หนิวจื้อชุนก็รู้สึกว่าตัวเองเถียงไม่ออกดฮณ๊ฯดฯฌซ,
แต่พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจสำคัญของปัญหาอยู่ตรงไหน ก็ถือรองเท้าเกี๊ยะขึ้นมาพร้อมบอกว่า “พวกเจ้าเป็นคนโยนรองเท้าเกี๊ยะคู่นี้ลงมาใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงกลับโบกมือทันที “นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
“เช่นนั้นประเด็นสำคัญคือ?” หนิวจื้อชุนงงทันที
“ประเด็นสำคัญย่อมเป็นเมืองเทียนอี้” เยี่ยเว่ยหมิงชิงพูดก่อนเพื่อความได้เปรียบ “อาหนิวเอ๊ย พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว ข้ายอมรับว่าตัวเองปฏิบัติต่อเจ้าได้ไม่เลวในฐานะสหาย แต่เจ้านี่สิ ไม่น่าเชื่อว่าจะจ้างคนของเมืองเทียนอี้มาวางแผนทำร้ายข้าเพียงเพื่อรางวัลภารกิจประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ หลังจากจบเรื่องข้าเตรียมจะติดต่อมาทวงคำอธิบายจากเจ้า แต่เจ้ากลับปิดการใช้งานพิราบสื่อสารแล้ว…
…เจ้าทำเรื่องนี้ได้ไร้คุณธรรมเกินไปหรือเปล่า”
พอได้ยินดังนั้น หนิวจื้อชุนก็เถียงกลับทันที “ข้าไม่รับข้อหานี้!”
พอพูดจบ เห็นเยี่ยเว่ยหมิงทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ จึงทำได้เพียงอธิบายต่อว่า “ที่จริง ข้าก็เพิ่งรู้เรื่องนี้หลังจากที่พวกเจ้าหลุดออกมาเช่นกัน ส่วนสาเหตุ ข้าว่าเจ้าคงพอเดาได้คร่าวๆ แทบจะเป็นเพราะความไม่กลมเกลียวภายในสำนัก ถึงขั้นเรียกได้ว่ามีความขัดแย้งต่อกันสูงมาก…
…โดยเฉาะเจ้าผู้เล่นที่ชื่อท่านเซียนไม่นอนดึกนั่น ในบรรดาเจ็ดคนที่เข้าร่วมการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ มีสามคนเป็นเพื่อนซี้ของเขา แล้วอีกอย่าง เรื่องที่เกี่ยวกับการแบ่งสมบัติซากวัตถุโบราณของราชวงศ์ก่อน ขอเพียงไม่มีคนเห็นแก่ตัวฮุบไว้คนเดียว พวกเราเจ็ดคนล้วนมีสิทธิ์ตัดสินใจ”
ขณะที่พูดหนิวจื้อชุนก็แบมือไปด้วย “เพื่อเตรียมตัวประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ ช่วงนี้ข้าปิดช่องทางการติดต่อส่วนตัวทั้งหมด จะจดจ่อกับการทำภารกิจเพิ่มเลเวล ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ แต่เจ้าหมอนั่นกลับใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ลงมติกันภายในโดยไม่ปรึกษาข้า ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรคงไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะแล้วมั้ง”
ความจริงก็เป็นอย่างนั้น ในบรรดาทั้งเจ็ดคน อีกฝ่ายลงมติเหมือนกันสี่คน เขาไม่มีทางโต้แย้งได้เลย
แต่ยังดีที่ธรรมเนียมการลงมติภายในแบบนี้ใช้กับเรื่องไม่กี่เรื่องในช่วงนี้เท่านั้น ส่วนสามคนที่ถูกบีบคั้น ในภายหลังต้องไม่ร่วมงานอื่นๆ กับพวกเขาอีกแน่นอน
พอเยี่ยเว่ยหมิงได้ยินชื่อที่ทำให้เขามิอาจมองข้ามจากปากของอีกฝ่ายก็เหลือบตาและซักไซ้ต่อทันที “ไม่ใช่ว่าเจ้าเรียนวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ แล้วหรอกหรือ อย่าบอกนะว่าเจ้าหมอนั่นยังเก่งกว่าเจ้าอีก”
ที่จริงแล้ว เรื่องที่ว่าใครเก่งกว่าคนนั้นก็มีอำนาจตัดสินใจ ก็ไม่ได้เกี่ยวกันเสมอไป
แต่ที่เยี่ยเว่ยหมิงยังถามแบบนี้ แน่นอนว่าอยากล้วงข่าวที่เป็นประโยชน์จากปากของอีกฝ่าย
“เดิมทีเขาสู้ไม่ชนะข้าอยู่แล้ว” หนิวจื้อชุนไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม เขาอธิบายอย่างจนปัญญามากว่า “แต่ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราเรียนค่ายกลฟ้าดาวเหนือ ทำภารกิจสำเร็จไปหนึ่งภารกิจ ในรางวัลสองชิ้นของภารกิจนั้น ชิ้นหนึ่งตกอยู่ในมือเจ้าหมอนั่น ส่วนอีกชิ้นตกอยู่ในมือคนกลาง ‘หัตถ์ผลักภูเขา’ ที่คนกลางคนนั้นได้รับยังเป็นรอง แต่ ‘ท่องดงบุปผา’ ที่เจ้าท่านเซียนไม่นอนดึกได้รับกลับเป็น…”
พูดได้แค่ครึ่งเดียว หนิวจื้อชุนก็หยุดชะงัก “แต่ว่าสหายเยี่ย เจ้าคงไม่ได้กำลังหลอกฟังข้อมูลจากข้าใช่ไหม”艾琳小說
“เปล่านะ! ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า ก็เลยถามไปอย่างนั้นเอง” เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธว่าตัวเองมีจุดประสงค์จะล้วงข่าว พร้อมตบบ่าให้กำลังใจอีกฝ่าย “สู้ๆ นะ ทำให้ดีก่อนที่จะถึงการประลองใหญ่…
…จำไว้ว่าบนสังเวียนประลอง ข้าลงมือไม่ปรานีแน่”
ครั้งนี้หนิวจื้อชุนไม่หลีกทางให้แม้แต่น้อย ตบอกพูดทันทีว่า “ข้าก็เช่นกัน!”
หลังจากให้กำลังใจอีกฝ่ายแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวก็นั่งบนเก้าอี้บินอีกครั้ง จากนั้นก็ขี่เมฆจากไปท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของหนิวจื้อชุน
มองคล้อยหลังจนกระทั่งเงาของทั้งสองหายไปจากสายตา จู่ๆ หนิวจื้อชุนก็ตระหนักอะไรขึ้นได้ “สมควรตาย! เจ้าหมอนี่ไม่พูดเพื่อหลอกหาข่าวจากข้าเลย เขาแค่อยากทำให้ข้าสับสนเฉยๆ ข้าจะได้ลืมเรื่องที่โดนรองเท้าตกใส่หัว”
พูดพลางหนิวจื้อชุนก็โยนรองเท้าเกี๊ยะลงพื้นอย่างแรง “ตกหลุมพรางชั่วร้ายของเจ้าหมอนี่แล้ว!”
อันที่จริง เรื่องที่ถูกรองเท้าเกี๊ยะกระแทกหัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เพราะต่อให้ผู้เล่นถูกของตกใส่ก็ไม่ถึงตาย กินยาสองเม็ดก็ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตได้แล้ว ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่
แต่ก็เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่แหละ เขาจึงต้องคิดบัญชีแบบต่อหน้า
เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงชี้แนะวิธีการรักษา ‘กระบี่ส้าวซาง’ ให้เขาก่อนหน้านี้ ต่อให้ตอนนั้นไม่เอ่ยถึง แต่เขาก็ไม่ลืมน้ำใจนี้แน่นอน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตนเอง ถ้าลืมน้ำใจนี้ก็เท่ากับเนรคุณ
ดังนั้นเขาไม่เพียงแค่ต้องจดจำไว้ ในภายหลังยังต้องหาโอกาสตอบแทนน้ำใจนี้ด้วย
แต่เรื่องที่ถูกรองเท้าเกี๊ยะโยนใส่หัว ถ้าไม่พูดกันให้ชัดเจนแบบต่อหน้า เมื่อเวลาผ่านไปแล้วค่อยเอ่ยถึงก็ดูจิตใจคับแคบ กลับยิ่งดูเสียหน้าด้วยซ้ำ
นี่ต่างหากสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เขากลุ้มใจ!
……
ขณะเดียวกันนี้เอง บนเก้าอี้นอนที่บินร่อนอยู่บนขอบฟ้า
โหยวโหยวถามอย่างกังวลว่า “เมื่อครู่หนิวจื้อชุนพูดถึง ‘ท่องดงบุปผา’ อะไรนั่น เจ้ามีวิธีการรับมือหรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ปัจจัยที่ตัดสินความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของผู้เล่นคนหนึ่งมีเยอะมาก ทักษะยุทธ์ระดับสูงหรือถึงสุดยอดวิชา บางทีอาจจะทำให้ความสามารถก้าวหน้าได้ภายในเวลาสั้นๆ แต่ถ้าอยากอาศัยสุดยอดวิชาทำให้ตัวเองไร้เทียมทาน นั่นคือความคิดที่ไร้เดียงสามาก ดังนั้น เจ้าคนที่ได้ ‘ท่องดงบุปผา’ อะไรนั่น ข้าไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย”
พอพูดถึงตรงนี้ สายตาของเขากลับเริ่มจริงจังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “สิ่งที่ทำให้ข้ากังวลจริงๆ ก็คือคำนามอีกคำที่หนิวจื้อชุนกับเชิญร่ำสุราเคยเอ่ยถึง”
“คำว่าอะไร” โหยวโหยวรีบซักไซ้
“ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ!”
พอนึกย้อนไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับค่ายกล เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งพิราบสื่อสารให้อินปู้คุย พร้อมพึมพำกับตัวเอง “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เห็นความสำคัญของการประลองใหญ่ครั้งนี้มากพอ…
…ต่อให้รู้แล้วว่ารางวัลของการประลองใหญ่ครั้งนี้คืออะไร แต่สิ่งแรกที่ข้านึกถึงคือการเพิ่มศักยภาพของตัวเอง…
…พอคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ แม้จะไม่ผิด แต่ตอนนี้ศึกตัดสินกำลังจะมาถึงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องทำความเข้าใจรายละเอียดของการประลองใหญ่ครั้งแล้ว…
…อีกประเดี๋ยวถ้าถึงเมืองจยาซิ่ง พวกเราจะต้องรีบหาทางไปเจอเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานโดยเร็วที่สุด แล้วก็ถามกติกาการประลองใหญ่ครั้งนี้ให้ชัดเจน หวังว่าจะไม่ใช่สังเวียนประลองแบบเจ็ดต่อเจ็ด ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรา”
ตอนนี้เอง มีเสียงประกาศระบบดังเข้ามาในหูทของทั้งสองอีกครั้ง
[ประกาศระบบ: เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้เกมและเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้กับผู้เล่น วันนี้จะเปิดใช้งานโมดูลใหม่…ระบบถ่ายทอดสด]
[ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผู้เล่นก็จะดูรายการถ่ายทอดสดกับรายการที่บันทึกไว้ได้ที่ตัวเลือกวิดีโอในหน้าอินเตอร์เฟสระบบ]
[ยินดีต้อนรับผู้เล่นทุกคนสำหรับการรับชม!]
[ประกาศระบบ: ……]
……
พอได้ยินเสียงประกาศระบบ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “การประลองยุทธ์ถูกเปลี่ยนให้เป็นการถ่ายทอดสดแล้ว ระบบจะจ่ายค่าขึ้นสังเวียนให้พวกเราหรือเปล่า”
[ติ๊ง! ในฐานะผู้เข้าร่วมประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ กรุณาเลือกว่าจะอนุญาตให้ระบบถ่ายทอดสดทุกขั้นตอนในการประลองของคุณหรือไม่]
[หลังจากอนุญาตแล้ว ระบบจะแจกกติกาการประลองโดยละเอียดให้คุณ หากไม่อนุญาต ระบบจะตัดสินว่าคุณเป็นฝ่ายสละสิทธิ์การเข้าร่วมประลองเอง หลังจากระบบชดเชยค่าประสบการณ์ 10000000 แต้มและค่าตบะ 1000000 แต้มให้คุณแล้ว จะยกเลิกสิทธิ์การเข้าร่วมประลองของคุณ และเตรียมผู้เล่นคนอื่นมาแทนที่คุณ]
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงอ่านเนื้อหาในประกาศระบบจบแล้ว ก็ได้ยินเสียงโหยวโหยวที่อยู่ข้างกายพูดเหยียดว่า “แม้จะบอกว่ามีการชดเชย แต่พูดให้ชัดก็คือเงื่อนไขเผด็จการ”
เยี่ยเว่ยหมิงกลับกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ที่จริงวิธีการของระบบก็ถือว่ามีคุณธรรมมากแล้ว พอเป็นแบบนี้ข้ากลับสงบใจมากกว่า”
โหยวโหยวขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ไม่ว่าเรื่องไหนก็อย่าคิดว่ามันสมเหตุสมผล ลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยมาตลอดว่าทำไมรางวัลภารกิจของการประลองใหญ่ครั้งนี้ถึงเยอะขนาดนี้ แต่ในที่สุดข้าก็ได้คำตอบแล้ว”
โหยวโหยวได้ยินแล้วครุ่นคิด แต่กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อ “ที่จริงสาเหตุที่ระบบเปลี่ยนมาให้รางวัลภารกิจขนาดนี้ ก็เพราะค่าขึ้นสังเวียนของพวกเราถูกนับรวมอยู่ในรางวัลภารกิจด้วยน่ะสิ!…
…เพียงแต่แตกต่างกับค่าปรากฏตัวของพวกดารา ระบบจะบวกมันไว้ในรางวัลภารกิจ ผลที่ได้ก็คือผู้ชนะจะได้รับกำไรเป็นกอบเป็นกำ ส่วนผู้แพ้ก็เสียแรงเปล่าไปหนึ่งสนาม…
…แต่นี่ก็เป็นกฎที่สอดคล้องกับยุทธภพไม่ใช่หรอกหรือ”
ระหว่างที่กำลังพูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เลือกยอมรับทันที จากนั้นก็เริ่มอ่านกติกาการประลองที่ระบบส่งมาให้อย่างละเอียด