ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 562 ผู้สืบทอดของหนานซีเหริน
ตอนที่ 562 ผู้สืบทอดของหนานซีเหริน
การประลองใหญ่ของหอหมอกพิรุณแบ่งเป็นทั้งหมดสามสนาม จะตัดสินชัยชนะรอบสุดท้ายจากคะแนนสะสมของทั้งสองทีม
สนามแรก การประลองดันเจี้ยน
ในสนามนี้ ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องประมือกันซึ่งๆ หน้า ระบบจะส่งตัวผู้เล่นของทั้งสองทีมเข้าไปในสองดันเจี้ยนที่เหมือนกันทุกประการ แล้วให้ทั้งสองฝ่ายโจมตีดันเจี้ยนนี้พร้อมกัน
ทีมที่ผ่านด่านก่อน แต่ละคนในทีมจะได้รับคะแนนคนละสองแต้ม ส่วนทีมที่ผ่านด่านทีหลัง คนในทีมจะได้คะแนนคนละหนึ่งแต้ม ถ้าไม่ผ่านจะได้ศูนย์คะแนน!
สนามที่สอง ประลองสังเวียนเดี่ยว
ระบบจะสุ่มคู่ต่อสู้ทุกสังเวียนจากสองทีมเพื่อเข้าร่วมศึกตัดสินบนสังเวียน ทุกครั้งที่ชนะจะได้หนึ่งแต้ม ส่วนคนแพ้จะถูกคัดออก ผู้ชนะจะเข้าร่วมการประลองสนามต่อไปได้ จะประลองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสมาชิกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้หมด
สนามที่สาม ศึกตัดสินบนถนนยาว
ให้ผู้เข้าร่วมประลองจำนวนสิบสี่คนจากสองฝ่ายในศึกตัดสินสู้กันแบบทีมเจ็ดต่อเจ็ดบนถนนยาวนอกหอหมอกพิรุณ ทีมที่ชนะจะได้รับคะแนนคนละสองแต้ม ทีมที่แพ้ได้ศูนย์แต้ม
หลังจากการประลองสนามที่สามผ่านไป ระบบจะคำนวณผลแพ้ชนะจากคะแนนรวมของทั้งสองทีม
หากคะแนนของทั้งสองทีมเท่ากัน ก็จะให้ผู้ที่คะแนนสูงสุดในทีมจากสองฝ่ายลงสนาม แล้วสู้กันตัวต่อตัวเพื่อตัดสินแพ้ชนะ ผู้ชนะจะได้หนึ่งคะแนน
ขณะเดียวกัน ระบบก็จะคำนวณสามอันดับแรกของการประลองครั้งนี้โดยอิงจากคะแนนรวมตอนสุดท้ายของผู้เล่นแต่ละคน จากนั้นจึงมอบรางวัลพิเศษให้
หลังจากอ่านกติกาการประลองทั้งหมดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “หลังจากอ่านกติกาการประลองโดยละเอียด ข้าพบว่าถึงแม้ภาพรวมจะเหมือนกับที่เชิญร่ำสุราเคยแนะนำ แต่ด้านรายละเอียดแตกต่างกันนิดหน่อย ถึงขั้นว่ามีบางจุดที่แตกต่างกันมากด้วย”艾琳小說
หืม?
โหยวโหยวได้ยินแล้วตื่นเต้นทันที “ยกตัวอย่างเช่น?”
“ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้เชิญร่ำสุราบอกว่ารางวัลชนะเลิศคือโอกาสเพิ่มเลเวลทักษะได้สามเลเวลพร้อมรางวัลพิเศษ พูดแบบนี้แม้จะไม่ผิด แต่กลับไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ทั้งหมด” เยี่ยเว่ยหมิงใช้นิ้วเคาะที่วางแขนข้างเก้าอี้นอน พร้อมวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน “วิธีการพูดของเขาคือพูดถึงรางวัลของผู้ชนะเลิศกับรางวัลของทีมที่ชนะรวมกัน…
…แต่ความจริงแล้ว อิงตามกติกาของการประลองนี้ ขอเพียงคะแนนสะสมสูงมากพอ ต่อให้ทีมตัวเองแพ้ แต่ก็ยังจะได้อันดับชนะเลิศกับรางวัลอยู่ดี”
โหยวโหยวได้ยินแล้วหลุดขำ “ยกตัวอย่างเช่น ตอนประลองสังเวียนที่สอง พวกเราแพ้กันหมด แล้วให้เจ้าสู้แบบหนึ่งต่อเจ็ด?”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ด้วยความเคยชิน “สถานการณ์แบบนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นต่ำมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่สรุปก็คือถ้าทีมได้รับชัยชนะ คะแนนสะสมก็จะสูงกว่าคู่ต่อสู้อยู่บ้าง ข้าถึงได้บอกว่าวิธีการพูดของเชิญร่ำสุรานั้นไม่ผิด”
โหยวโหยวซักไซ้ต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นที่เจ้าวิเคราะห์ก่อนหน้านี้จะมีประโยชน์อะไร”
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ตอบอย่างตรงไปตรงมามาก “ก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ แต่โดยส่วนตัวแล้วข้าเป็นคนที่ชอบพินิจพิเคราะห์ไปเรื่อย ก็ช่วยไม่ได้นี่”
พอพูดจบ ทั้งสองก็ไม่คุยถึงประเด็นที่น่าอึดอัดอีก จากนั้นก็ต่างคนต่างเข้าฟังก์ชันรับชมดนตรีในหน้าอินเตอร์เฟสระบบ หลังจากจ่ายเงินไปนิดหน่อย ก็เริ่มดู ‘ทีวี’ อย่างผ่อนคลาย
ดูแบบถูกลิขสิทธิ์ก็ทำให้คนอารมณ์ดีแบบนี้!
ในเมื่อเป็นเวอร์ชันถูกลิขสิทธิ์ เช่นนั้นการบริการก็เป็นระดับที่ดีที่สุด ระบบออกแบบฟังก์ชันนี้ไว้อย่างสมเหตุสมผลมาก ต่อให้ทั้งสองนั่งอยู่ข้างกัน แต่รายการที่ทั้งสองดูก็ไม่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน ทุกคนได้ยินและได้เห็นเพียงรายการที่ตัวเองเลือก
ไม่ต้องกังวลเลยว่าเปิดเสียงดังแล้วจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่น
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่รู้ว่าโหยวโหยวกำลังดูอะไร ส่วนตัวเขาเองก็กำลังรับชมเพลงเก่าของเมื่อหลายร้อยปีก่อน
‘อ๋า! ดอกโบตั๋น สวยสดงดงามที่สุดในมวลหมู่ดอกไม้…’
ด้านหนึ่งกำลังรับชมเพลง ด้านหนึ่งกำลังเดินทางอยู่บนท้องฟ้า อิสระเสรีมาก
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงเมืองจยาซิ่งแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บเก้าอี้บินและเจ้าแดง จากนั้นก็พาโหยวโหยวมาที่หอหมอกพิรุณโดยตรง ต่างคนต่างไปหาผู้รับผิดชอบของตัวเอง นั่นก็คือหันเป่าจวีและหันเสี่ยวอิ๋งเพื่อลงทะเบียน
นี่คือขั้นตอนหนึ่งที่ต้องทำเพื่อยืนยันกับระบบว่าคุณมาถึงแล้ว จะได้ไม่ต้องคิดถึงปัญหาผู้เล่นสำรอง
หลังจากพวกเขาต่างคนต่างไปเจอที่ปรึกษาของตัวเองและกลับมาแล้ว สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือเงาร่างสีแเดงอันคุ้นเคยที่กำลังมองพวกเขาด้วยสีหน้าอมยิ้ม เชิญร่ำสุรานั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าเชิญร่ำสุรารอพวกเขาที่นี่มานานแล้ว หลังจากเห็นทั้งสองต่างคนต่างออกมาจากห้องของที่ปรึกษา ก็เอ่ยทันทีว่า “พวกเจ้านี่ก็ข่มใจไหว ตอนนี้เพิ่งจะมาลงทะเบียนที่เมืองจยาซิ่ง”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบตามอำเภอใจมากว่า “ถึงอย่างไรก็มาทันเวลาไม่ใช่หรอกหรือ”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” เชิญร่ำสุราพยักหน้า จากนั้นเปลี่ยนประเด็นสนทนา “น้องชายจองห้องเดี่ยวที่โรงเตี๊ยมฉิงอี้ทางฝั่งตะวันออกของเมืองไว้แล้ว ขอเชิญสหายร่วมทีมที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ไปรวมตัวกันสักหน่อย ไม่ทราบว่าทั้งสองให้เกียรติไปร่วมวงได้หรือไม่”
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น คนที่อยู่ทีมเดียวกันก็ควรมาเจอกันก่อนสักครั้ง
เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้อยู่แล้ว หลังจากขอความเห็นโหยวโหยว เขาก็ตอบรับทันที
สิ่งที่เดียวที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ “จะว่าไปแล้ว หอหมอกพิรุณก็เป็นโรงเตี๊ยมอยู่แล้วไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมสหายเชิญร่ำสุราต้องไปไกลขนาดนั้น”
“ก็เพราะโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้มันแพงน่ะสิ!” ขณะที่กำลังนำทางอยู่ข้างหน้า เชิญร่ำสุราก็อธิบายพร้อมยิ้มเจื่อนๆ “เจ้าเพิ่งมาอาจจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะการประลองใหญ่วันพรุ่งนี้ ราคาอาหารของหอหมอกพิรุณถูกปั่นจนสูงลิ่วแล้ว…
…เลี้ยงอาหารที่ห้องเดี่ยวของที่นี่ น้องชายไม่ใช่ว่าจ่ายไม่ไหว แต่ความคุ้มค่าต่ำเกินไป ถ้าเป็นอาหารชนิดเดียวกัน ราคาอาหารหนึ่งมื้อของที่นี่กินที่อื่นได้สิบมื้อเลย”
ถ้าลองคำนวณดู ในบรรดาผู้เข้าร่วมประลองทั้งเจ็ดของการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงยืนยันตัวตนได้แล้วหกคน นอกจากตัวเองแล้ว ก็ยังมีโหยวโหยว เชิญร่ำสุรา ฉางซิงอวี่ ซูไตจื่อรวมทั้งวั่งเหยียนที่ก่อนหน้านี้เคยไม่ถูกกับเขาเพราะเรื่องขโมยกระบี่
ยังเหลือคนสุดท้ายอีกคน เยี่ยเว่ยหมิงเดินตามเชิญร่ำสุราเข้ามาในห้องเดี่ยวของโรงเตี๊ยมฉิงอี้ สุดท้ายถึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“ข้าชื่อปีศาจน้อยยุทธภพ เป็นศิษย์สำนักคงต้ง ตั้งแต่เข้าเกมมาก็ตั้งใจฝึกวิชาหมัดมาตลอด ทักษะยุทธ์ที่ถนัดที่สุดก็คือ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ของสำนักคงต้ง”
คนพูดก็คือผู้เล่นเพศชายที่ผิวหน้าขาวหมดจด ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เหมือนจะอายุราวๆ สิบห้าสิบหกเท่านั้น แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับแน่ใจมากว่าอายุในชีวิตจริงของอีกฝ่ายอย่างน้อยต้องยี่สิบขึ้นไป เพียงแต่หน้าเด็กเท่านั้นเอง
คนแบบนี้ในชีวิตจริงมีไม่น้อยเลย แต่วิธีการที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ตัดสินอายุของอีกฝ่าย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอธิบายได้ไม่ชัดเจน ตอนที่สังเกตอะไรบางอย่าง เขาทำได้อย่างรอบคอบถี่ถ้วน ราวกับว่ารายละเอียดบางอย่างที่ก่อนหน้านี้มองข้ามไปจนเคยชิน ตอนนี้สังเกตเห็นมันเองโดยธรรมชาติแล้ว
การใช้วิธีแบบนี้มาตัดสินอายุของใครบางคน จะว่าไปแล้วก็ลึกลับมาก แต่สถานการณ์ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็เหมือนที่คนทั่วไปมองปีศาจน้อยยุทธภพคนนี้ ตอนเห็นแวบแรกจะต้องตัดสินว่าเขาอายุประมาณสิบสี่สิบห้าแน่นอน พวกเขาก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าได้บทสรุปนี้มาได้อย่างไร
หลังจากได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าอมยิ้มอย่างมีมารยาท จากนั้นก็ถามเหมือนไม่ได้จริงจัง “เกี่ยวกับสุดยอดวิชาล้ำค่าของสำนักคงต้ง ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าวิชานี้มีอานุภาพมาก ถึงขั้นไม่ด้อยกว่าสุดยอดวิชาบางวิชาด้วย…
…แต่กลับมีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง นั่นก็คือฝึกไปนานๆ จะทำร้ายร่างกาย ไม่ทราบว่าสหายปีศาจน้อยได้รับผลกระทบไม่ดีอะไรบ้างหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นบอกล่วงหน้าได้ลย ในการประลองใหญ่หลังจากนี้ ทุกคนจะได้ดูแลกันและกันได้”