ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 578 พวกเราเดิมพันกันดีไหม
ตอนที่ 578 พวกเราเดิมพันกันดีไหม
หนึ่งปราณแปรสาม?
นั่นเป็นระดับอย่างไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินตกตะลึงจนพูดไม่ออกขนาดนี้
ในบรรดาเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานมีห้าคนที่มองไปบนด้วยความสงสัยใคร่รู้ เหลือเพียงจอมยุทธ์เคอที่ยังสุขุมเยือกเย็น ยังคงนั่งนิ่งไม่หวั่นไหวและไม่ชายตามอง ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ
ส่วนหนิวจื้อชุนที่อยู่บนสังเวียน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สู้กับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างสูสีเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ตอนที่เจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินเพิ่งเข้าสู่โหมดตกตะลึง ค่าพลังชีวิตของหนิวจื้อชุนก็ถูกโจมตีจนหายไปสองในสามส่วนแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ยังลดลงอย่างรวดเร็วด้วย
แต่เยี่ยเว่ยหมิงยังค่าพลังชีวิตเต็มอยู่!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงชั่วพริบตาเดียวก่อนหน้านี้ แถบพลังชีวิตของหนิวจื้อชุนยังเท่ากับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่เลย พลังชีวิตยังเต็มเปี่ยมอยู่เลย
แต่ไม่นานพวกเขาก็พบสาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ นั่นก็คือ…
เคล็ดกระบี่ที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งแล้ว!
เห็นเยี่ยเว่ยหมิงยังใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างกันก็คือ เคล็ดกระบี่ของเขานอกจากจะดูสวยวิจิตรกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทุกครั้งที่แทงกระบี่ออกมา รอบๆ ตัวกระบี่จะสุ่มปล่อยปราณกระบี่ที่ดุดันออกมาสองสาย
ภายใต้หนึ่งกระบี่ โจมตีลงสามจุด!
นี่ก็คือหนึ่งปราณแปรสาม!
หนิวจื้อชุนป้องกันกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงในมือเยี่ยเว่ยหมิงได้ แต่การรับมือกับปราณกระบี่ที่มาพร้อมกันกลับเปลืองแรงมาก
เขาทำได้เพียงต้านกระบี่หลักไปพร้อมๆ กับพยายามหลบหลีกปราณกระบี่ที่มาพร้อมมัน
สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การยินดีก็คือ ปราณกระบี่ของ ‘หนึ่งปราณแปรสาม’ เลือกจุดลงโจมตีโดยการสุ่ม ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วไม่โหดเท่ากระบี่หลักในมือเยี่ยเว่ยหมิง
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตได้อยู่ดี!
ภายใต้การโจมตีแบบนี้ หลังจากหนิวจื้อชุนดันทุรังต้านเยี่ยเว่ยหมิงไปสองกระบวนท่า ในที่สุดก็ถูกหนึ่งในปราณกระบี่แทงน่องแล้ว
-10310
ด้วยศักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงในวันนี้ ต่อให้ใช้ปราณกระบี่ข่วนนิดเดียว แต่ก็พรากพลังชีวิตของหนิวจื้อชุนได้ห้าหลักเช่นกัน ทำให้พลังชีวิตที่เดิมทีก็เหลือไม่เยอะหมดเกลี้ยงในพริบตาเดียว!
เมื่อร่างกายของหนิวจื้อชุนกลายเป็นสีขาว ในที่สุดบนหน้าจอประลองก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามแล้ว
ซึ่งตอนนี้เอง จูชงที่อยู่ฝั่งเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานก็อดกล่าวอย่างหวาดกลัวไม่ได้ว่า “ขณะที่แทงกระบี่ออกมาหนึ่งครั้ง ก็ยังมีปราณกระบี่อันดุดันแถมมาด้วยสองสาย วิธีการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ใช่ไหม ถึงจะเป็นอานุภาพที่แท้จริงของ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’” 艾琳小說
“เยี่ยมยอด เยี่ยมยอด!”
“นึกย้อนไปเมื่อสิบแปดปีก่อน หากนักพรตคิวใช้วิธีการโจมตีเช่นนี้ พวกเราเจ็ดคนจะยังมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยหรือ”
คาดไม่ถึง พอคิวชู่จีได้ยินแล้วกลับยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องพูดถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว ต่อให้เป็นตอนนี้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของข้าก็ยังไปไม่ถึงระดับ ‘หนึ่งปราณแปรสาม’ เช่นกัน…
…ทั้งสำนักฉวนเจินมีเพียงคนเดียวที่ฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ได้ถึงขั้นนั้น มีเพียงท่านอาจารย์…
…หากตอนนั้นอาจารย์อาไม่ได้หายตัวไป…”
พอพูดถึงตรงนี้ คิวชู่จีก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากคุยถึงประเด็นที่ทำได้เพียงสมมติต่ออีกแล้ว
ขณะเดียวกันนี้เอง เหวยเสี่ยวเป่าที่อยู่ในถ่ายทอดสดก็ราวกับเสียสติไปโดยสมบูรณ์
ในฐานะนักอวยพี่เยี่ยมืออาชีพอย่างเขา เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงชนะการประลอง ท่าทางที่แสดงออกก็ดูดีใจยิ่งกว่าตอนที่ตนเองสังหารคนไปทั่วทิศเสียอีก
ท่าทางเหมือนดีใจจนลืมตัว หันหน้าหากล้องถ่ายทอดสดแล้วพูดจาสะเปะสะปะ “เห็นหรือยัง สหายทุกท่าน พวกท่านเห็นหรือยัง! นี่ต่างหากศักยภาพที่แท้จริงของพี่ใหญ่เยี่ยของข้า!…
…นี่เรียกว่าอะไรนะ นี่เรียกว่าหนึ่งปราณแปรสาม!…
…หนึ่งกระบี่แทงออกมาพร้อมปราณกระบี่สองสาย แบบนี้ใครจะต้านไหว…
…ข้าบอกแล้วไง พี่ใหญ่เยี่ยไร้เทียมทานจริงๆ โลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ล้มเขาได้ ไม่มีแน่นอน!”
เมื่อเห็นเหวยเสี่ยวเป่าที่อยู่ในฐานะพิธีกรไม่มีมาดของแม่ทัพใหญ่ที่นิ่งเฉยเยือกเย็นเลยสักนิด กลับแสดงออกด้วยท่าทางบ้าบิ่นเช่นนี้ หวังอวี่เยียนที่อยู่ข้างๆ ก็จนใจนิดหน่อย จึงยืนอยู่ตรงกลางพร้อมกล่าวว่า “ลู่ติ่งกง ท่านกล่าวเกินไปแล้ว อย่าเพิ่งนอกเรื่อง ในศึกตัดสินวันพรุ่งนี้ เกรงว่า ‘หนึ่งปราณแปรสาม’ ของเขาจะตีฝ่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ที่เป็นอีกสุดยอดวิชาของสำนักฉวนเจินไม่ได้”
“ข้าไม่เชื่อหรอก!” หวยเสี่ยวเป่ากำลังตื่นเต้นจนติดลมบน พอได้ยินว่ามีคนกล้าสงสัยในความสามารถของสหาย ก็แสดงจุดยืนของตนเองทันที
สหายที่ดี มีคุณธรรมน้ำมิตร!
เมื่อพูดถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลักการ แม้แต่สาวงามก็เจรจาไม่ได้เช่นกัน!
แต่ในเมื่อหวังอวี่เยียนไม่เชื่อในความสามารถของพี่ใหญ่เยี่ย เช่นนั้นก็…
จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ถึงความคิดที่ยอดเยี่ยมบางอย่าง เหวยเสี่ยวเป่ากลอกสายตาล่อกแล่ก ยื่นข้อเสนอทันทีว่า “แม่นางหวัง พวกเรามาเดิมพันกันสักหน่อยไหม ข้าเดิมพันว่าในการประลองพรุ่งนี้ พี่ใหญ่เยี่ยตีฝ่าค่ายกลฟ้าดาวเหนือได้แน่นอน และจะได้รับรางวัลชนะเลิศในตอนสุดท้ายด้วย”
หวังอวี่เยียนย่อมไม่สนใจการเดิมพันอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันรอให้นางปฏิเสธ เหวยเสี่ยวเป่าก็โยนเบี้ยที่ทำให้นางใจเต้นออกมาแล้ว
เห็นเขายกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วกระดิกนิ้วตรงหน้าหวังอวี่เยียน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการหลอกล่อ “หากพรุ่งนี้พี่ใหญ่เยี่ยตีฝ่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ไม่ได้ ข้าก็จะให้เงินเจ้าหนึ่งล้านตำลึง!”
หวังอวี่เยียนได้ยินแล้วนิ่งอึ้งไป
หนึ่ง…ล้านตำลึง?
แม้จะเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยจากตระกูลใหญ่ หวังอวี่เยียนไม่เคยขาดแคลนเงินทอง แต่นางก็เข้าใจว่าเงินจำนวนหนึ่งล้านหมายถึงอะไร
ถ้านำเงินจำนวนนี้ไปให้ลูกผู้พี่ของนางเติมงบทางด้านทหาร เขาก็จะไม่ต้องลำบากขนาดนั้นอีกแล้ว
จะได้มีเวลามาอยู่กับนางมากขึ้นด้วย?
หวังอวี่เยียนผู้ไร้เดียงสาไม่เข้าใจหลักการนี้เลย หากมู่หรงฟู่มีงบประมาณเพิ่มมาอีกหนึ่งล้าน ก็จะไม่ทำให้เขาว่างขึ้นแน่นอน มีแต่จะงานยุ่งกว่าเดิม ก็เหมือนพวกหนุ่มน้อยที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เมื่อเห็นภรรยาอดนอนห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนก็ยังทำใจไม่ได้ คิดว่าหากตนเองหาเงินมากกว่านี้สักหน่อย ก็ไม่ต้องให้ภรรยานอนดึกขนาดนั้นแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าถ้าเจ้าหาเงินได้มากขึ้น นางก็จะอดนอนถึงตีสาม!
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หวังอวี่เยียนก็เลิกสำรวมท่าทีเหมือนตอนแรกแล้ว นางถามว่า “หากข้าแพ้แล้ว ท่านจะทำอย่างไร”
ข้าจะทำอย่างไร? เหวยเสี่ยวเป่าคำรามในใจ แน่นอนว่าข้าอยากทำอะไรข้าก็จะทำอย่างนั้น ทำตามอำเภอใจ หึหึหึ…!
แน่นอนว่าคนหน้าด้านอย่างเขาไม่มีทางพูดออกมาตรงๆ ต่อหน้าผู้เล่นมากมายระหว่างการถ่ายทอดสด
เพราะขีดจำกัดของกติกากำหนดให้หวังอวี่เยียนไม่มีทางกลายเป็นสาวงามที่จะสานสัมพันธ์กับเขามากเกินไปได้
เหวยเสี่ยวเป่าเข้าใจจุดนี้ดีมาก จึงแสร้งเอ่ยอย่างเป็นสุภาพบุรุษมากกว่า “ถ้าท่านแพ้แล้ว ข้าก็ไม่ทำให้ท่านลำบากใจหรอก ในระหว่างที่ถ่ายทอดสดก็แค่ต้องเรียกข้าว่าสา…เรียกข้าว่าพี่ชายคนดีก็พอแล้ว”
เดิมที เหวยเสี่ยวเป่าอยากให้หวังอวี่เยียนที่แพ้เดิมพันเรียกเขาว่า ‘สามีคนดี’ แต่เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งของอีกฝ่าย เขาก็รู้แล้วว่าไม่มีหวังแน่นอน จึงเปลี่ยนคำพูดอย่างมีไหวพริบ
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหลังจากหวังอวี่เยียนได้ยินข้อเสนอนี้ นางก็ยังส่ายหน้าอย่างเย็นชามาก “ไม่มีทางหรอก”
เหวยเสี่ยวเป่าเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นแบบไหน จึงหัวเราะแห้งๆ แล้วใช้วิธีการยั่วยุแทน “ท่านคิดว่าท่านจะแพ้หรือ”
“เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวว่าแพ้หรือชนะ แต่ข้าไม่มีทางนำเรื่องพรรค์นั้นมาเดิมพันกับท่าน” หวังอวี่เยียนลังเลนิดหน่อย ก่อนกล่าวเสริม “แต่หากข้าแพ้แล้ว ข้าจะสอนทักษะยุทธ์ที่ร้ายกาจให้ท่านวิชาหนึ่ง”
“เชอะ! หากข้าสงบจิตสงบใจฝึกยุทธ์ได้ ป่านนี้ข้ากลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุคตั้งนานแล้ว…”
ไม่รอให้เหวยเสี่ยวเป่าพูดจาดูถูกเหยียดหยามจนจบ หวังอวี่เยียนก็กล่าวเสริมแล้วว่า “ท่านน่าจะรู้จักความสามารถของข้านะ ทักษะยุทธ์ในใต้หล้ามีมากขนาดไหน ต้องมีสักวิชาที่ไม่ต้องใช้กำลังภายในก็ฝึกได้ เพียงแต่ด้านประสิทธิภาพอาจสู้คนที่มีวิชากำลังภายในเป็นพื้นฐานไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”
เหวยเสี่ยวเป่าได้ยินแล้วกลอกตา จากนั้นครุ่นคิดอย่างละเอียดถึงได้ค้นพบ
ว่าขอเพียงจ่ายเงินสักหนึ่งล้านตำลึงเดิมพันทักษะยุทธ์ที่ค่อนข้างเหมาะกับตนเอง ก็ฟังดูยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน
เป็นการเดิมพันที่ได้กำไรจุกๆ!
หลังจากชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียชัดเจนแล้ว เหวยเสี่ยวเป่าก็ตบต้นขาทันที “เดิมพันก็ได้ ตามที่เจ้าบอกแล้วกัน…
…ถ้าพี่ใหญ่เยี่ยตีฝ่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ได้ เจ้าแพ้แล้วต้องมอบทักษะยุทธ์ที่เหมาะกับข้าให้หนึ่งวิชา แต่หากพี่ใหญ่เยี่ยฝ่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ไม่ได้ ข้าก็จะให้เจ้าหนึ่งล้านตำลึงเงิน!”
การเดิมพันระหว่างถ่ายทอดสดบรรลุเงื่อนไขต่อหน้าผู้ชม ย่อมไม่มีใครเบี้ยวสัญญาได้
ขณะเดียวกัน ในห้องประชุมเตรียมต่อสู้ของฝั่งตัวแทนเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนาน หลังจากทุกคนกำลังปรึกษาและให้กำลังใจกัน จู่ๆ เชิญร่ำสุราก็ยื่นข้อเสนอที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึง
“สหายเยี่ย สหายฉาง สำหรับการสู้กับ ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ วันพรุ่งนี้ พวกเรามาเดิมพันกันเป็นอย่างไร”