ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 58 เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน
ตอนที่ 58 เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน
แม่งเอ๊ย!
ศิษย์น้องสามอวี๋ไต้เหยียนถูกทำให้กลายเป็นคนพิการไปเสียแล้ว ศิษย์น้องห้าจางชุ่ยซานก็ถูกเซี่ยซุนลักพาตัว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เจ้าหกอินหลีถิงก็มาถูกคนสวมเขาอีก!
เกิดอะไรขึ้นกับสำนักอู่ตังกันแน่ ดวงตกหรืออย่างไรกัน
ในขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัยอยู่นั้น อินปู้คุยก็ส่งพิราบส่งจดหมายมาหาเขาอีกครั้ง เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงเบื้องหลังภารกิจสำนักของเขาในตอนนี้โดยสรุป
จี้เสี่ยวฝูศิษย์สำนักเอ๋อเหมยที่มีสัญญาหมั้นหมายกันกับศิษย์น้องหกอินหลีถิงแห่งสำนักอู่ตัง (หรือก็คืออาจารย์ของอินปู้คุย) ทูตซ้ายพรรคจรัสหยางเซียวเอาตัวไป แถมยัง เฮ้อ…
แต่ภารกิจของอินปู้คุยเพียงดูจากชื่อก็รู้แล้วว่าน่ากลัวมาก ต้องเข้าไปช่วยจี้เสี่ยวฝูจากมือของหยางเซียวที่ก็ไม่รู้ว่าเป็น BOSS เลเวลเท่าไร
แต่อินปู้คุยบอกว่า ภารกิจนี้ของเขาเป็นเพียงแค่ระดับห้าดาวเท่านั้น
อันตรายน่ะมันแน่อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่แบบที่จินตนาการไว้ว่าจะทำไม่สำเร็จแน่นอน
อีกอย่าง เรื่องนี้สำหรับสำนักอู่ตัง หรือกับอินหลีถิงแล้ว บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เนื้อความในจดหมายที่อินปู้คุยส่งมาคือ [หยางเซียวอาจจะได้กำไรไปนิดหน่อย แต่อาจารย์ของข้าต้องไม่ขาดทุนแน่!]
เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า หลังภารกิจของตนทางนี้สำเร็จแล้ว หากทางฝั่งเขายังไม่เรียบร้อย ก็พร้อมไปช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ
อินปู้คุยบอกว่า [ถ้าต้องการจะต้องรบกวนเจ้าอย่างแน่นอน] จากนั้นก็ส่งข้อมูลมาชุดหนึ่ง ชื่อว่า [หลินหย่วนถูสิ้นไร้อนาคตแล้ว สำนักคุ้มภัยฝูเวยมีภัยเพราะความสามารถของตัวเอง]
เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปคิดไป หลังเอาข้อมูลมาอ่านอย่างละเอียดสามรอบ ก็อดยกยิ้มขึ้นที่มุมปากไม่ได้ จากนั้นจึงเริ่มพึมพำกับตัวเอง อวี๋ชางไห่แห่งสำนักชิงเฉิงใช่มั้ย
“แบบนี้แหละดีที่สุด ต้องมีความท้าทายถึงจะดี!”
ในเมื่อตอนนี้อินปู้คุยไม่ว่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงหาแรงสนับสนุนอันแข็งแกร่งจากคนอื่น ตามองไปยังแถบรายชื่อเพื่อน เลื่อนผ่านชื่อของสองยอดฝีมือสำนักถังเหมิน สุดท้ายจึงปล่อยพิราบส่งจดหมายไปหาโหยวโหยว
คำตอบของคนหลังนั้นเรียบง่ายและชัดเจน [ไม่เจอไม่แยกย้าย!]
หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็มาที่นอกเมืองก่อน นำร่างของ BOSS ค่ายดอกบัวทั้งสามไปฝัง จากนั้นจึงกลับไปที่สำนักมือปราบเทพอีกครั้ง เมื่อกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองแล้ว ก็จุดไฟนำตำรา ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เล่มนั้นออกมาก เริ่มศึกษาตำรา
หนทางขั้นต้นเพื่อทะลวงทวารทั้งเก้า ทวารทั้งเก้าเชื่อมถึงกันไปยังฐานแห่งจิตวิญญาณ เริ่มชำระล้างจากบ่อน้ำพุที่ใต้เท้า ชำระล้างทะลุผ่านเร็วดั่งสายลม…
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง…
[ติ๊ง! คุณได้ศึกษาตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อย่างตั้งใจ ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่ฉวนเจินสำเร็จ และได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน 1000 แต้ม]
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง)]
เคล็ดกระบี่พื้นฐาน เรียบง่ายทว่างดงาม เหมาะแก่การสร้างรากฐานให้มั่นคงที่สุด ในฐานะที่เป็นเคล็ดกระบี่ดั้งเดิมของลัทธิเต๋า กฎเต๋ายิ่งสูง ประสิทธิภาพยิ่งแข็งแกร่ง
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 1000/2000
โจมตี +20%
แม่นยำ +20%
พละกำลัง +20
รากกระดูก +20
พลังชีวิตสูงสุด+200
การอ่านอย่างละเอียดมีประโยชน์มากกว่าแค่แตะที่หนังสือเฉยๆ จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าอัปเกรดจากเคล็ดกระบี่ขั้นที่หนึ่งไปขั้นที่สองจะต้องใช้ค่าประสบการณ์มากขึ้นตั้งครึ่งหนึ่ง
แถมโบนัสสเตตัสของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินนี่ ก็สุดจะเจ๋งเลยใช่ไหมล่ะ
พละกำลัง +20
รากกระดูก +20
พลังชีวิตสูงสุด +200!
ค่าสถานะของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินสูงกว่าโบนัสของเคล็ดชำระปราณเยอะมาก! ถึงแม้เคล็ดชำระปราณจะครอบคลุมค่าพลังชีวิตและกำลังภายในทั้งหมดรวมกัน แต่คำนวณโดยรวมแล้ว ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ นี้ได้ค่าสถานะเป็นสองเท่าของเคล็ดชำระปราณเลยทีเดียว!
ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นเพียงเคล็ดกระบี่เพียงแขนงหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่วิชาที่เหมาะจะเอามาใช้สะสมสเตตัส!
บอกได้เลยว่าโบนัสสเตตัสแบบนี้ สมบูรณ์แบบ!
โบนัสสเตตัสเจ๋งขนาดนี้ ไม่คิดว่าโหยวจิ้นจะบอกว่า ‘ไม่ได้เพิ่มเยอะเท่าไร’
ท่านผู้อาวุโสนี่ก็ถ่อมตัวเสียจริง!
เพียงแต่ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่ออัปเกรดเคล็ดกระบี่ฉวนเจินนั้นถือว่าสูงจริงๆ
ทั้งที่เป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลางเหมือนกัน แต่ค่าประสบการณ์ที่ต้องการเพื่ออัปเกรด ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ นั้นเป็นสองเท่าเต็มๆ ของ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน!
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ยามคนธรรมดาอย่างเยี่ยเว่ยหมิงเผชิญหน้ากับเคล็ดกระบี่นี้ ก็ยังไม่มีความมั่นใจพอที่จะฝึกฝนไปให้ถึงขั้นบรรลุได้
ด้วยความตื่นเต้นที่ยังหลงเหลืออยู่ เยี่ยเว่ยหมิงรีบเอา ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ที่ได้มาจากหลินจื้อเพ่ยมาอ่านอย่างละเอียด
[ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่: บันทึกเคล็ดกระบี่ของมหาโจรลำน้ำคาบสมุทรหลินจื้อเพ่ย ใช้กับเคล็ดกระบี่ที่กำหนด เพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับมันได้ 3000 แต้ม!]
แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง…
[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ จนเกิดจิตตระหนักรู้ ได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 4500 แต้ม! กรุณาเลือกเคล็ดกระบี่ที่กำหนดเพื่อใช้งาน]
เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน!
ดังนั้น…
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง)]เลเวล: 3
ค่าประสบการณ์: 4000/10000
โจมตี +60%
แม่นยำ +60%
พละกำลัง +60
รากกระดูก +60
พลังชีวิตสูงสุด +600
……
เดี๋ยวก่อนนะ!
เยี่ยเว่ยหมิงจำได้ว่า ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ จากเลเวลหนึ่งอัปขึ้นไปเลเวลสองมีค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้คือสองพันแต้ม อ้างอิงจากการอัปเกรดทักษะยุทธ์อื่นๆ สัดส่วนการทวีคูณของค่าประสบการณ์ เมื่อถึงเลเวลสาม ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ก็น่าจะต้องเป็นสี่พันแต้ม ค่าประสบการณ์เมื่ออัปถึงเลเวลสี่ก็ควรจะเป็นแปดพันแต้มสิ แต่ตรงนี้กลับเปลี่ยนเป็นหนึ่งหมื่นแต้ม
แน่นอน นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสนใจจริงๆ ก็คือค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่สี่พันห้าร้อยแต้ม ไม่นึกเลยว่าจากเคล็ดวิชาเลเวลหนึ่งที่ใช้ค่าประสบการณ์หนึ่งพันแต้ม จะเพิ่มขึ้นเป็นค่าประสบการณ์สี่พันแต้มเมื่อถึงเลเวลสาม
นี่เป็นเรื่องที่ค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่สี่พันห้าร้อยแต้มทำได้อย่างนั้นหรือ
หากใช้สูตรการคำนวณที่เคยสรุปไว้มาคิดล่ะก็ นี่ต้องเป็นผลที่เกิดจากค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่เก้าพันแต้มต่างหาก
แต่นี่มันเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวเต็มๆ เลยนะ!
หรือว่าเป็นเพราะ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของหลินจื้อเพ่ย มีความสามารถระดับสูงที่ต่างออกไป ดังนั้น ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ที่ได้มาจากตัวเขา จึงมีความสอดคล้องกับเคล็ดกระบี่ฉวนเจินมากกว่าอย่านั้นหรือ
คิดไปคิดมา ดูเหมือนจะมีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้
ในเมื่อค้นพบการตั้งค่าที่ซ่อนอยู่แบบนี้แล้ว เช่นนั้นหลังจากนี้เมื่อใช้ตำราลับตระหนักรู้ จะต้องนึกถึงตรงจุดนี้ไว้ด้วย
ว่าแต่ เป็นเพราะไม่รู้ว่ามีการตั้งค่าแบบนี้อยู่ด้วย เช่นนั้นตั้งแต่เริ่มเกมมา มีตั้งกี่เคล็ดวิชาแล้วที่แสดงประสิทธิภาพที่ดีที่สุดออกมาไม่ได้
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็จะปวดใจอยู่ครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้!
คนออกแบบเกมผู้แสนจะน่ารังเกียจ ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ!
ในขณะกำลังสาปแช่งและจับคนออกแบบเกมกดน้ำอยู่ในใจอย่างเงียบๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็หยิบตำราลับตระหนักรู้ที่ได้จาก BOSS อีกสองคนขึ้นมา หลังจากค่อยๆ ศึกษาไป ก็ได้รับรางวัลมากอีกมากมาย
ส่วนที่มาจาก ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ของเก๋ออ๋างโส่ว เดิมสามารถเพิ่มค่าประสบการณ์วิชาตัวเบาได้หนึ่งพันห้าร้อยแต้ม หลังศึกษาแล้วกลายเป็น สองพันสองร้อยห้าสิบแต้ม ค่าประสบการณ์พวกนี้ถูกเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มเข้าไปในท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกเรียบร้อย นั่นเป็นเพราะเขาไม่มีตัวเลือกอื่น
ส่วนที่มาจาก ‘ตระหนักรู้วิชาดรรชนี’ ของจีไหลเหย่ สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์สามพันแต้ม แต่เขาดันไม่มีที่ว่างพอจะไปเพิ่มแล้ว
ลองกดสกิลอะไรสักอย่างไปมั่วๆ ดูก็ไม่มีผล ยิ่งทำให้เขามึนหนักยิ่งกว่าเดิม
สิบวินาทีต่อมา…
[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้วิชาดรรชนี’ โดยเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ค่าประสบการณ์ +750 แต้ม]
ต้องรวมเข้ากับเวลาที่ใช้ไป ถึงจะเกิดผลเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันได้…
หลังจากทำมาสักพักหนึ่ง แม้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะต้องใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมงเต็มๆ แต่ก็ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง
[เยี่ยเว่ยหมิง เลเวล: 18]……
พลังชีวิต: 3270/3270
กำลังภายใน: 810/810
ความแข็งแกร่ง: 145
พละกำลัง: 145
ท่าร่าง: 206
ความว่องไว: 85
สติปัญญา: 25
ค่าตระหนักรู้: 30
……
[ทักษะยุทธ์: ข้าม]
……
[อุปกรณ์: ข้าม]
……
หลังจัดการกับโบนัสที่ได้มาเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเอาไปเพิ่มให้กับยารักษาบาดแผลจำนวนหนึ่ง แล้วจึงมาที่ห้องฝึกวิชาของสำนัก จ่ายเงินเข้าไปนั่งฝึกฝนกำลังภายใน
การฝึกฝนกำลังภายในแม้จะไม่มีเงื่อนไขพิเศษอะไร จะฝึกที่ไหนเมื่อไรก็ได้ แต่กลับถูกขัดจังหวะได้ง่ายมาก โดยทั่วไปแล้วจะต้องหาที่สงบๆ เพื่อฝึกฝน จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างเช่น ห้องพักส่วนตัวของเยี่ยเว่ยหมิง
แต่ว่าผู้เล่นทั่วไปจะชอบใช้เวลาว่างหลังตีมอนสเตอร์เสร็จมาฝึกมากกว่า ตอบข้อความไปด้วย ฝึกฝนไปด้วย ช่างสบายเสียจริง
แต่หากอยากได้ผลลัพธ์การฝึกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ต้องมาฝึกที่ห้องฝึกวิชาของสำนักถึงจะดี เพราะว่าการมาฝึกทักษะยุทธ์ใดก็ตามที่นี่ สิ่งที่ได้รับมาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!
ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่จะได้มาฟรีๆ
ทุกหนึ่งชั่วโมงที่ใช้ห้องฝึกวิชาของสำนักมือปราบเทพ จะต้องจ่ายเงินหนึ่งเหรียญทอง และจ่ายค่าผลงานสำนักเพิ่มต่างหากอีกหนึ่งแต้ม และเหมือนว่าสำนักอื่นจะแพงกว่านี้
เยี่ยเว่ยหมิงลองคำนวณเวลาดู อยู่ในห้องฝึกวิชามาแปดชั่วโมงเต็มๆ ได้รับค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดชำระปราณ’ หนึ่งพันหกร้อยแต้ม พอออกมาจากห้องฝึกวิชาก็เป็นยามเหม่า[1]ของอีกวันหนึ่งแล้ว หรือก็คือตีห้านั่นเอง ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนถึงเวลานัด
ไม่อยากรอให้เสียเวลา เขาจึงเดินทางออกมาก่อนล่วงหน้า โดยนั่งรถม้ามาจากเปี้ยนเหลียงไปยังฝูโจว
แต่ตอนที่เขามาถึงโรงเตี๊ยมด้วยความยินดีนั้น กลับพบว่าโหยวโหยวมาถึงก่อนแล้ว กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะในห้องโถงใหญ่ และโบกมือทักทายเขาอยู่
[1] ยามเหม่า (卯) คือ 05.00 – 06.59 น.