ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 582 ฟันค่ายกลเจ็ดดาวเหนือ!
ตอนที่ 582 ฟันค่ายกลเจ็ดดาวเหนือ!
หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน + มารสวรรค์ทลาย!
เยี่ยเว่ยหมิงแค่ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง พอลงมือก็ปรับสภาพร่างกายตัวเองให้แข็งแกร่งถึงขีดสุดทันที!
นี่ก็คือวิธีการฝ่าค่ายกลของเยี่ยเว่ยหมิง
คนกระบี่ไม่ได้ชอบใช้งานกระบวนท่าที่หน้าเนื้อใจเสือจริงๆ หรอก แต่ชอบใช้ทางลัดที่เร็วที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายในการควบคุมศัตรูและคว้าชัยชนะ ส่วนกระบวนท่าที่เจ้าเล่ห์มักจะได้ประสิทธิภาพกว่าการโจมตีอย่างโจ่งแจ้ง เมื่ออยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิงย่อมมีโอกาสเปิดโปงค่อนข้างสูง ถึงได้ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาชอบใช้วิธีการที่หน้าเนื้อใจเสือ
แต่ยามเผชิญหน้ากับค่ายกลสังหารระดับค่ายกลฟ้าดาวเหนือ เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าที่หน้าเนื้อใจเสือไม่พอให้สร้างประสิทธิภาพสำหรับการรบเร็วจบเร็วได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปะทะกันซึ่งๆ หน้าเลยแล้วกัน!
พอรู้สึกได้ว่าบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงแผ่พลังปราณน่ากลัวจนทำให้คนหยุดหายใจออกมา เจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่อันตรายถึงชีวิตพร้อมกัน ท่านเซียนไม่นอนดึกที่เป็นหัวหน้าก็ยิ่งออกคำสั่งทันทีว่า “แปรขบวน เทพขุยซิงเตะที่ตวงข้าว!”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเขา ตำแหน่งยืนของเจ็ดคนฝั่งสำนักฉวนเจินก็เปลี่ยนแปลงทันที หลังจากบางคนก้าวขึ้นไปข้างหน้า บางคนก้าวถอยหลังแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นอีกรูปแบบของค่ายกลฟ้าดาวเหนือ ในบรรดาเจ็ดคนนี้ คนค่าสเตตัสพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดก็คือหนิวจื้อชุน เขาเผชิญหน้ากับเยี่ยเว่ยหมิงซึ่งๆ หน้า ส่วนคนอื่นก็รีบปรับพลังของตนเองเพื่อเพิ่มพลังให้เขา
เจ็ดคนรวมเป็นหนึ่ง พลังปราณเชื่อมต่อกัน!
แต่กลับไม่มีประโยชน์
เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้กลยุทธ์รับมือที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด กระบี่ไร้โลหิตในมือไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด ฟันไปยังหนิวจื้อชุนที่โบกกระบองอสูรทองคำเข้ามา
กระบี่นี้ไม่ได้ไม่ได้มีกระบวนท่าที่แยบยลใดๆ เป็นเพียงการฟันธรรมดาหนึ่งครั้งเท่านั้น
แต่การฟันโจมตีที่ธรรมดาสุดๆ เช่นนี้ กลับแสดงประสิทธิภาพอันน่ากลัวที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างได้!
‘มารสวรรค์ทลาย’ ของเยี่ยเว่ยหมิงแตกต่างกับ ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’ ของถังซานไฉ่ ประสิทธิภาพของกระบวนท่านี้ไม่อาจซ้อนกันได้เหมือนกระบวนท่าอื่น แต่ ‘มารสวรรค์ทลาย’ ถือว่ามีวิธีการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
ดูจากข้อมูลแนะนำทักษะ กระบวนท่านี้เพิ่มประสิทธิภาพเพียง 1000% เท่านั้น หากเทียบกับ ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ก็มากกว่าแค่ 250% มองเผินๆ เหมือนไม่เยอะมาก
แต่อย่าลืมค่าสเตตัสอีกรายการของ ‘มารสวรรค์ทลาย’ …ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
กำลังภายในที่ใช้: ทั้งหมด!
สองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
พวกเราแค่ลองคำนวณอย่างง่ายๆ ก็จะรู้แล้ว
‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ใช้กำลังภายในห 500 แต้ม จากนั้นประสิทธิภาพเพิ่ม 750% เช่นนั้นถ้าตัดโบนัสค่าสเตตัสอย่างอื่นออก อาศัยเพียงโบนัสดาเมจที่มาจากกำลังภายในของกระบวนท่านี้ก็คือ
500+500×750% = 4250
ส่วน ‘มารสวรรค์ทลาย’ ใช้กำลังภายในทั้งหมด ตอนนี้หากคำนวณจากกำลังภายในสูงสุดของเยี่ยเว่ยหมิง 29220 แค่ดาเมจกำลังภายในอย่างเดียวก็คือ
29220+29220×1000% = 321420!
สะท้านขวัญร้อยลี้คือ 4000+
มารสวรรค์ทลายคือ 300000+!
นี่ก็คือความแตกต่างระหว่าง ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ กับ ‘มารสวรรค์ทลาย’!
เยี่ยเว่ยหมิงชอบความมั่นคงปลอดภัยไม่ว่ากับเรื่องอะไร เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ชัดว่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ทำให้พลังต่อสู้ของเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเพิ่มขึ้นถึงขั้นไหนกันแน่ เขาก็ยิ่งใช้ประโยชน์จากปัจจัยทั้งหมดที่ตัวเองมีอย่างเต็มที่ นำประสิทธิภาพของหนึ่งกระบวนท่ามาซ้อนกันจนถึงขีดจำกัดสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้ในตอนนี้
ถึงขั้นว่าสองกระบวนท่าสู้ตายที่หลังจากนำประสิทธิภาพมาซ้อนกันแล้วไม่มีใครรู้ว่า ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ จะแสดงผลข้างเคียงด้านลบอย่างไร เขาก็ยังนำมันออกมาใช้แล้ว
การซ้อนประสิทธิภาพที่ไร้หัวคิดเช่นนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็คือ…
แกร๊ง!
ภายใต้การชนปะทะของกระบี่ไร้โลหิตกับกระบองอสูรทองคำ หนิวจื้อชุนที่ใช้ค่าสเตตัสพละกำลังจนถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่อาวุธในมือก็จับไว้ไม่ไหว กระบองอสูรทองคำสะเทือนหลุดมือทันที
จากนั้นปราณกระบี่ที่ไร้เทียมทานสายหนึ่งก็ยิงออกจากกระบี่ไร้โลหิตในมือเยี่ยเว่ยหมิง ฟันผ่านตัวหนิวจื้อชุนอย่างง่ายดายราวกับหั่นเต้าหู้
-1450848
ปลิดชีพ!
ดาเมจแสนสี่แต้มกว่า นี่ก็คือมารสวรรค์ทลาย!
ทว่ายังไม่จบเท่านั้น ปราณกระบี่ที่ยิ่งฝ่าอากาศหลังจากปลิดชีพหนิวจื้อชุนแล้วก็ยังไม่หยุด มันกวาดรวมกูรูบทกวีที่อยู่ตำแหน่งตราชูหยก ท่านเซียนไม่นอนดึกที่อยู่ตำแหน่งเบิกตะวัน รวมทั้งติงติงที่อยู่ตำแหน่งโยกประกายเข้าไปในนั้นด้วย
-1135620
ปลิดชีพ!
-879523
ปลิดชีพ!
-642312
ก็ยังปลิดชีพ!
แม้ประสิทธิภาพของปราณกระบี่จะลดลงเร็วมากตามระยะยิง แต่ทุกจุดที่มันยิงไปถึงก็ยังแม่นยำอย่างไม่มีข้อต่อรอง!
แต่ก็ยังดี เพราะขณะที่ใช้กระบวนท่าที่อันธพาลเต็มร้อยท่านี้ เขาก็ไม่มีทางปรับเปลี่ยนได้ตามอำเภอใจเช่นกัน หลังจากกระบี่แยกจากยิงออกไปแล้วจึงไม่ถูกควบคุมอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเลือกทิศทางให้ดีตอนที่ใช้ปราณกระบี่ ไม่อาจฟันย้อนกลับมาเพื่อปลิดชีพคู่ต่อสู้สามคนที่เหลือได้อีก…
สุดท้ายปราณกระบี่ที่ขาดการควบคุมก็ถล่มไปบนกำแพงหอหมอกพิรุณ หลังจากถล่มจนกำแพงที่อยู่ตรงมุมทะลุเป็นสองรู ปราณกระบี่ถึงได้หายไปโดยสิ้นเชิง
ประการแรก ประสิทธิภาพที่ตรงไปตรงมาที่สุดจากหนึ่งกระบี่สะท้านฟ้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ นอกจากอาศัยพลังทลาย ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ของฝั่งสำนักฉวนเจินในชั่วพริบตาเดียวแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือสามคนที่เก่งที่สุดของฝั่งนั้นรวมทั้งติงติง ก็ยังถูกฟันกลายเป็นแสงสีขาวหมดเช่นกัน
ตอนนี้สำนักฉวนเจินถูกตัดสินให้แพ้แล้ว!
ในฐานะผู้ยุยงให้เกิดการเดิมพันครั้งนี้ เจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินและหกประหลาดแห่งเจียงหนานกลับไม่มีอารมณ์ไปสนใจผลแพ้ชนะแล้ว
แต่ละคนตกตะลึงกับปราณกระบี่อันน่าทึ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ก่อนหน้านี้จนพูดอะไรไม่ออก
แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด จอมยุทธ์เคอฝั่งเจ็ดประหลาดแม้จะตกตะลึง แต่ก็ยังพูดได้อยู่ ตอนนี้เขาคว้ามือจูชงมาซักถามว่าคลื่นกำลังภายในที่ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นก่อนหน้านี้คืออะไรกันแน่
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่อยู่ตรงนั้น แม้แต่เหวยเสี่ยวเป่ากับหวังอวี่เยียนที่อยู่ในการถ่ายทอดสดก็ตะลึงงันเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอย่างไรมาวิจารณ์กระบี่ที่น่ากลัวสุดขีดของเยี่ยเว่ยหมิง
ปราณกระบี่ที่มีอานุภาพเช่นนี้ เหนือกว่าที่ขีดจำกัดทางภาษาของพวกเขาจะบรรยายได้
แน่นอนว่าผู้ที่ตกตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือกลุ่มผู้สอดรู้เรื่องชาวบ้านที่ชมการประลองนี้ผ่านการถ่ายทอดสด อย่างไรเสีย การจะเป็นผู้สอดรู้สอดเห็นที่ได้มาตรฐาน การตกตะลึงก็คือหนึ่งในพรสวรรค์ของพวกเขา
ซึ่งกระบี่ที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้นี้ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
เพราะมันทรงพลังเกินไป!
การโจมตีแบบนี้คงใช้ปลิดชีพ BOSS ทุกคนที่เลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยได้เลยกระมัง?
นี่คือปราณกระบี่ที่ผู้เล่นในปัจจุบันใช้ได้จริงๆ หรือ ไม่ใช่ว่า BOSS เลเวลสองร้อยใส่หน้ากากปลอมตัวมาหรอกนะ?
ตอนนี้ภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของเยี่ยเว่ยหมิงฝังลึกอยู่ในสมองของผู้เล่นเกือบครึ่งเกมแล้ว กลายเป็นความทรงจำที่ฝังลึกจนทั้งชีวิตมิอาจลืมเลือน!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยังเป็นคนบินเหนือฟ้าของฝั่งสำนักฉวนเจินที่ไหวตัวเร็วกว่าเพื่อน
ความหวาดกลัวในใจที่เกิดขึ้นเพราะกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้า ไม่รู้ว่าเขาข่มมันไว้ได้ หรือเขาระบายความหวาดกลัวเหล่านั้นโดยการโจมตีไม่คิดชีวิต
เอาเป็นว่าเขาคือคนแรกที่ทำลายความเงียบ โบกกระบี่ในมือพุ่งเข้าไปโจมตีเยี่ยเว่ยหมิง เป็นท่ากระบี่ที่อันตรายถึงชีวิต
เมื่อเห็นคมกระบี่ของคนบินเหนือฟ้าแทงมาทางลำคอของตน เยี่ยเว่ยหมิงกลับยังรักษาท่าทางการควงกระบี่อันหล่อเท่ก่อนหน้านี้ไว้ได้ ไม่มีท่าทีว่าจะป้องกันหรือหลบหลีกแม้แต่น้อย
ปฏิกิริยาที่สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ แม้แต่คิวชู่จีที่นั่งดูการประลองอยู่ชั้นสองเห็นแล้วก็ยังนับถือจากใจ
ช่างเป็นคนหนุ่มมากความสามารถที่ไม่หวาดหวั่นต่ออันตราย!