ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 583 รางวัลอันน่าทึ่ง
ตอนที่ 583 รางวัลอันน่าทึ่ง
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีแสงเย็นจุดหนึ่งยิงมาจากข้างล่างในแนวเฉียง ออกตัวทีหลังแต่มารับกับคมกระบี่ในมือของคนบินเหนือฟ้าก่อน
แกร๊ง!
ตามด้วยเสียงโลหะกระทบกันดังชัดเข้ามาในหู ภายใต้การโจมตีที่ดูไม่จริงจังเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าคนบินเหนือฟ้าจะสะเทือนจนกระเด็นถอยหลังไปห้าก้าว!
ตอนที่เงยหน้าอีกครั้ง กลับพบว่าฉางซิงอวี่ที่สวมเกราะเงินและหมวกเงินมาขวางอยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ขณะมองคู่ต่อสู้ที่ขวัญกระเจิงนิดหน่อย ฉางซิงอวี่ก็เอียงหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยเสียงต่ำ “สหายเยี่ย เจ้าช่วยจัดการ ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ที่น่ากลัวที่สุดแทนพวกเราแล้ว ทั้งยังกำจัดสามยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของฝ่ายตรงข้ามด้วย…
…อีกสามคนที่เหลือให้พวกเราจัดการแล้วกัน…
…ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวในภายหลังคนอื่นจะว่าเอาได้ว่าพวกเราหกคนโจมตีแบบขอไปที ได้รับชัยชนะของการประลองนี้โดยอาศัยเจ้าคนเดียว!”
คำพูดของฉางซิงอวี่สอดคล้องทั้งด้านความรู้สึกและเหตุผล แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
เขายังอยู่ในท่าควงกระบี่อันหล่อเท่น่าตะลึงเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับเป็นรูปปั้นที่ตั้งตระหง่านมาแล้วพันปี
ไม่พูด!
ไม่เอ่ย!
ไม่ขยับ!
ไม่สั่นไหว!
ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน เช่นนั้นพวกเพื่อนในทีมก็คิดเสียว่าเขายอมรับแล้ว ชั่วขณะนั้น สี่คนข้างหลังเขาพุ่งออกมาพร้อมกัน แม้แต่โหยวโหยวก็ควบคุมเสี่ยวไป๋ให้บินโฉบลงมาแล้ว
หกยอดฝีมือกระโจนไปทางผู้เล่นที่เหลืออีกสามคนซึ่งฝีมือค่อนข้างธรรมดา สาดเทท่าเด็ดต่างๆ ออกมาตรงหน้าราวกับเป็นของที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
กวาดล้างหมู่มาร!
สามยอดเขาเขียวไท่เย่ว์!
มังกรคลั่งเจาะทะลวง!
โศกวสันต์เศร้าสารทฤดู!
สัญญาณไฟสงคราม!
สามคำรามพิทักษ์ทัพ!
……
การต่อสู้ที่พลังฝีมือของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากขนาดนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
เพียงชั่วพบหน้ากันเท่านั้น ผู้เล่นที่เหลืออยู่สามคนของสำนักฉวนเจินก็ถูกกระบวนท่าของหกยอดฝีมือฝังกลบโดยสิ้นเชิง ทยอยกลายเป็นแสงสีขาวหายไปอย่างต่อเนื่อง หายไปจากแผนที่หอหมอกพิรุณที่สร้างขึ้นมาเพื่อการประลองใหญ่โดยเฉพาะ
กระทั่งทีมได้รับชัยชนะและทุกคนกำลังจะถูกส่งตัวกลับห้องประชุมเตรียมต่อสู้อีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอยู่ในท่าควงกระบี่อันสง่างามเช่นเดิม ไม่ขยับย้ายไปไหน หล่อเท่ยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้จบลงแล้ว แต่เยี่ยเว่ยหมิงยังอยู่ในท่าที่สุดแสนจะอวดเก่งน่ากระทืบ เพื่อนในทีมที่เหลือก็แทบจะอดใจไม่ไหวพูดแขวะออกมา
ในจำนวนนั้น ฉางซิงอวี่ที่ค่อนข้างสนิทกับเขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วยิ้มพร้อมพูดหยอก “ข้าว่านะสหายเยี่ย พวกเรายอมรับกันหมดแล้วว่าท่าควงกระบี่ของเจ้าหล่อมาก แต่เจ้าคงไม่ต้องอยู่ในท่านี้ตลอดหรอกกระมัง”
ขณะที่พูด เขาก็ใช้มือผลักบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิงหนึ่งที
“อั้ก!”
เพียงผลักเบาๆ เท่านั้น แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับทำท่าเหมือนโดนฟ้าผ่า กระอักเลือดสดออกมาคำใหญ่ ฉางซิงอวี่ที่ไม่ได้เตรียมป้องกันหลบไม่ทันแล้ว โดนเลือดพ่นใส่จนใบหน้าเหมือนเต็มไปด้วยดอกท้อ
ท่ามกลางความงุนงงตกตะลึง กลับเห็นตัวเลขดาเมจสีแดงลอยขึ้นเหนือศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิง
-38600
แถบพลังชีวิตที่ใหญ่กว่าของผู้เล่นยอดฝีมือทั่วไปบนศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิง ตอนนี้เลือดตกจนเหลือเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว จากที่พลังชีวิตเต็มกลายเป็นขาดแคลนอย่างหนัก เหลือพลังชีวิตอยู่เพียงขีดเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ติดสถานะบาดเจ็บสาหัส ร่างล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
โชคดีว่าโหยวโหยวที่อยู่ข้างหลังเขามือเร็วตาไว หลังจากพบความผิดปกติก็ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวทันที ยื่นมือประคองเขาไว้พร้อมถามอย่างเป็นห่วง “เยี่ยเว่ยหมิง เจ้าเป็นอะไรไป”
“เฮ้อ…”
หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ใช้น้ำเสียงที่อ่อนแรงมากตอบว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่บาดเจ็บสาหัสมาก ต้องกินยาและเดินลมปราณทันที”
ฉางซิงอวี่เช็ดเลือดบนใบหน้า แล้วถามอย่างค่อนข้างจนใจว่า “กระบี่เมื่อครู่นี้ของเจ้า สำหรับเจ้าแล้วต้องแบกรับเยอะเลยหรือ”
“เหลวไหลน่า!” เยี่ยเว่ยหมิงกลอกตา “ไม่อย่างนั้นเล่า เจ้าคิดว่าตอนข้าปะทุปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรแลกเลยหรือ”
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ทุกคนก็พากันพยักหน้า ถึงอย่างไรก็มีเพียงคำอธิบายนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผล…สมเหตุสมผลบ้าอะไรกัน!
พลังโจมตีที่น่ากลัวจนปลิดชีพ BOSS เลเวลห้าสิบได้ ต่อให้ต้องจ่ายราคาแลกมากกว่านี้ แบบนี้ก็โรคจิตเกินไปแล้วหรือเปล่า
ตอนนี้เชิญร่ำสุราที่อยู่ข้างๆ กลับนึกอะไรขึ้นได้ จึงหลุดขำแล้วถามว่า “ดังนั้น ตอนที่ข้าเสนอเรื่องเดิมพันก่อนหน้านี้ ก็สมใจปรารถนาสหายเยี่ยเลยล่ะสิ”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงหน้าซีดเหมือนกระดาษ ตอนที่หันไปมอง กลับเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัย “สหายเชิญร่ำสุราก็ควรจะรักษาสัญญาด้วยใช่ไหม”
“ก็แน่อยู่แล้ว!” เชิญร่ำสุราตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ในเมื่อสหายเยี่ยเป็นคนฝ่า ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ข้าเชิญร่ำสุราก็จะรักษาสัญญาของตัวเองแน่นอน จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ในการช่วงชิงอันดับรอบสุดท้าย…
…ชายชาตรีที่แท้จริง พูดได้ต้องทำได้!…
…สหายเยี่ยวางใจได้เลย”
เอ่อ…พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ จากเดิมทีที่วางใจแล้ว จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มรู้สึกไม่วางใจอีกครั้ง
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นชายชาตรีที่แท้จริงหรือไม่ สุดท้ายเชิญร่ำสุราก็ยังต้องรักษาสัญญา ในการประลองชิงอันดับสองและรางวัลอันดับสาม เขากับฉางซิงอวี่ก็จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อนการต่อสู้ของเยี่ยเว่ยหมิงจะเริ่มขึ้น มอบตำแหน่งผู้ชนะอันดับหนึ่งให้แต่โดยดี
พอเป็นแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงจะได้ประหยัดยาลูกกลอนโชคลาภอมตะอันล้ำค่าไปหนึ่งเม็ด
นี่ก็คือเหตุผลแท้จริงที่เขายอมรับข้อเสนอเดิมพันของเชิญร่ำสุรา แล้วใช้หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้านั่นฟันอย่างไม่ลังเล
สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีใครตำหนิเขาได้ทั้งนั้นว่าทำลายจิตวิญญาณของการแข่งขัน
อย่างไรเสีย ตัวละครโหดที่เผชิญหน้ากับกระบี่เดียวปลิดชีพของเยี่ยเว่ยหมิง ขอเพียงฉลาดสักหน่อยก็จะเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง นับเป็นวิธีการรักษาหน้าตาศักดิ์ศรีอย่างหนึ่งเช่นกัน ทุกคนล้วนเข้าใจดี
แต่แม้ทั้งสองจะต้องเลือกยอมแพ้ตอนสู้กับเยี่ยเว่ยหมิง ระหว่างพวกเขากลับไม่มีสัญญาใดๆ ผูกมัดกัน
ดังนั้น บนถนนยาวหน้าหอหมอกพิรุณ สหายที่แสนดีทั้งสองจึงใช้กระบี่และทวนสู้กันอย่างดุเดือดเป็นพิเศษ ถือว่าแสดงเป็นขวัญตาแก่บรรดาผู้ชมที่ผิดหวังเพราะพวกเขาเป็นฝ่ายยอมแพ้เยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้
แม้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่บนสนามประลองกลับไม่มีใครยอมใคร การต่อสู้แบบทวนไปกระบี่มาช่างเป็นฉากที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
สุดท้าย ก็ยังเป็นเชิญร่ำสุราใช้ ‘วิชาโล่หมอกควัน’ ร่วมกับ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เอาชนะฉางซิงอวี่ที่มีโอกาสชนะน้อยได้แล้ว ได้รับรางวัลอันดับสองในการประลองใหญ่ครั้งนี้
ส่วนฉางซิงอวี่ก็ได้รางวัลอันดับสาม
ตอนนี้การประลองใหญ่หอหมอกพิรุณปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว
ส่วนรางวัลการประลองที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ตอนที่การประลองจบลง ก็ถูกแจกไปยังมือเจ็ดคนที่เป็นตัวแทนเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานทันที
ในบรรดาพวกเขาเจ็ดคน โหยวโหยว ปีศาจน้อยยุทธภพ ซูไตจื่อและวั่งเหยียนได้รับเพียงรางวัลชนะของทีม นั่นก็คือโอกาสเพิ่มเลเวลทักษะหนึ่งครั้ง ไม่มีข้อจำกัดใดๆ เป็นพิเศษ
เชิญร่ำสุรากับฉางซิงอวี่นอกจากได้รางวัลของทีมแล้ว ก็ยังได้รางวัลแรงค์ด้วย นั่นก็คือโอกาสเพิ่มเลเวลทักษะหนึ่งครั้งโดยไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งรางวัลลับของอันดับสองและอันดับสามตามลำดับ
ที่จริงแล้วเงื่อนไขการเพิ่มเลเวลทักษะก็เหมือนกันหมด ความแตกต่างของอันดับสองและอันดับสามคือรางวัลลับชิ้นสุดท้ายต่างหาก
เดิมที สำหรับรางวัลลับที่ตัวเองได้รับมา ฉางซิงอวี่กับเชิญร่ำสุราเตรียมตัวจะรวยเงียบๆ แต่ต้านเสียงประจบและบีบคั้นต่างๆ นานาจากเพื่อนร่วมทีมไม่ไหว ภายใต้ความจนใจ หลังจากชำเลืองเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังหลับตาโคจรพลังเยียวยาตนเองอย่างอิจฉาปราดหนึ่ง ก็ทำได้เพียงส่งรางวัลพิเศษของตนเองเข้าไปในช่องทีม
รางวัลของฉางซิงอวี่คือ
[ตุ๊กตามหาปราชญ์] เป็นเครื่องรางพิเศษชิ้นหนึ่ง หากพกมันไปหาเจ้าสำนักทวนเหล็กกรงเล็บอินทรี ก็จะได้รับภารกิจที่ได้รางวัลเป็นการถ่ายทอดวิทยายุทธ์หนึ่งวิชา (ประเภทวิชาทวน วิชากรงเล็บและวิชาหมัดฝ่ามือ)
หลังจากส่งลิงก์ไอเทมในช่องทีมแล้ว ฉางซิงอวี่ก็อดถามไม่ได้ว่า “พวกเจ้ามีใครรู้บ้างว่าสำนักทวนเหล็กกรงเล็บอินทรีคือที่ไหน”
เชิญร่ำสุราเห็นแล้วยิ้มตอบ “เรื่องสืบข่าวส่งให้ข้าจัดการแล้วกัน เดี๋ยวกลับไปข้าจะช่วยหาข่าวด้านนี้ไว้ให้เจ้า คิดว่าขอเพียงเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นรู้จัก อยากจะได้ที่อยู่มาก็ไม่ยาก”
ขณะที่พูด เขาก็เปิดเผยรางวัลอันดับสองของตนเองอย่างใจกว้าง
[ประกาศิตไม้ดำ] หากถือประกาศิตนี้ไปที่ผาไม้ดำ ก็จะได้เข้าพบบูรพาไร้พ่าย ประมุขพรรคสุริยันจันทรา
เป็นคำพูดสั้นๆ ง่ายๆ เพียงประโยคเดียว ไม่ได้บอกว่าการเข้าพบบูรพาไร้พ่ายมีข้อดีอะไร ถึงขั้นว่าแม้แต่ภารกิจที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้เอ่ยถึงเลย 艾琳小說
ในสายตาของผู้เล่นทั่วไป จะต้องคิดว่าประกาศิตนี้แย่กว่าตุ๊กตามหาปราชญ์ในมือฉางซิงอวี่แน่นอน
แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา จะมีใครที่ไม่เข้าใจหลักการง่ายๆ อย่างนั้นบ้าง นั่นคือรางวัลของผู้ที่ได้อันดับสอง ไม่มีทางแย่กว่ารางวัลของอันดับสามแน่นอน!
ในเกมอื่นอาจจะมีเรื่องที่น่าบ่นแบบนี้อยู่ แต่เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ที่มีหัวใจสำคัญขึ้นอยู่กับการทุ่มเทและผลตอบแทน ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่รางวัลของอันดับสามมีค่ากว่ารางวัลอันดับสองแน่นอน
ตอนนี้ทุกคนมองไม่ออกว่ามูลค่าของประกาศิตไม้ดำอยู่ตรงไหน แต่บอกได้เพียงว่าสิ่งของที่เป็นตัวแทนของประกาศิตแผ่นนี้ลึกลับมาก บางทีการไปพบบูรพาไร้พ่ายอาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เหมือนปลายของภูเขาน้ำแข็งก็เป็นได้
แต่สำหรับผู้เล่นระดับสูง ต่อให้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของโอกาสที่แท้จริง แต่ระดับความล้ำค่าของมันก็เหนือกว่าอุปกรณ์ระดับสูงทั่วไปชิ้นหนึ่งเสียอีก
ส่วนถ้าถามว่าเริ่มต้นจากปลายภูเขาน้ำแข็งแล้วเพื่อคว้าสมบัติที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งมาได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่ความสามารถของเชิญร่ำสุราเองแล้ว
สำหรับจุดนี้ เชิญร่ำสุราบอกว่าตราบใดที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่มาขวางเขา การได้รับโอกาสนี้โดยสมบูรณ์ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย
เมื่อดูรางวัลของฉางซิงอวี่กับเชิญร่ำสุราเสร็จแล้ว ทุกคนก็ย้ายสายตาไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แม้ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงกำลังถูกพลังย้อนทำร้ายสองชั้นจาก ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ กับ ‘มารสวรรค์ทลาย’ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างเข้าใจดี หากไปรบกวนเขาตอนนี้ นอกจากจะเสียมารยาทแล้วยังไร้คุณธรรมมากด้วย
แต่เมื่อถูกจับจองด้วยสายตาที่สื่อหลากหลายความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นสงสัย อิจฉา หรือเศร้าใจ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอึดอัดไปทั้งตัวแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แล้วมองของที่เพิ่มเข้ามาในกระเป๋าแวบหนึ่ง
ของสิ่งนี้ไม่เหมือนรางวัลของเชิญร่ำสุราและฉางซิงอวี่ มันเป็นเพียงเบาะแสหรือภารกิจหนึ่งเท่านั้น แต่ของสิ่งนี้ก็น่าบ่นมากจริงๆ
ข้อดีเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ เขาคงไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะรู้กระมัง?
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ไม่ได้ตอบอะไร เพียงส่งลิงก์ไอเทมเข้าไปในช่องทีมเงียบๆ