ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 593 การตายของดาบโลหิต
ตอนที่ 593 การตายของดาบโลหิต
[ติ๊ง! ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงเชิญคุณเข้าทีม]
เยี่ยเว่ยหมิงที่ฝีเท้าค่อนข้างเบา ตอนนี้เพิ่งจะก้าวช้าๆ ออกจากกองหิมะ พอได้ยินเสียงตะโกนก็ส่งคำเชิญเข้าร่วมทีมให้น้องดาบตั้งแต่ไกลๆ จากนั้นก็ลื่นล้มลงพื้น เขาจึงนั่งขัดสมาธิบนทุ่งหิมะแล้วเริ่มโคจรวิชาปรับลมหายใจราวกับรอบกายไม่มีคนอื่นเสียเลย
เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก วันนี้เยี่ยเว่ยหมิงใช้เพียง ‘มารสวรรค์ทลาย’ ไม่ได้เปิดใช้ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ เพื่อเพิ่มโบนัสก่อนใช้กระบวนท่า ด้านประสิทธิภาพแม้จะไม่ดุร้ายเหมือนครั้งก่อน แต่การถูกพลังย้อทำร้ายก็ลดลงแล้วไม่น้อยเช่นกัน
หากถามว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’
อย่าลืมนะว่าหากใช้สองกระบวนท่านี้พร้อมกัน จะเสียค่าพลังชีวิตถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์!
ซึ่งเยี่ยเว่ยหมิงที่เพิ่งถูกปรมาจารย์ดาบโลหิตแทงไปหนึ่งดาบ หากถูกหักขีดจำกัดพลังชีวิตไปเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เช่นนั้นการดรอปของจาก BOSS และรับรางวัลภารกิจหลังจากนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้วเช่นกัน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อปรมาจารย์ดาบโลหิตเห็นน้องดาบเข้าร่วมทีมกับศัตรูอย่างเป็นทางการ ในที่สุดก็เข้าใจความจริงกระจ่างแล้ว ได้แต่ถามอย่างจนใจว่า “เพราะเหตุใด”
น้องดาบได้ยินแล้วกะพริบดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ เผยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้พิษภัย พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เพราะหากสังหารท่านตายแล้ว ข้าก็จะได้กลายเป็นเจ้าสำนักรุ่นที่ห้าของสำนักดาบโลหิตน่ะสิ!”
ปรมาจารย์ดาบโลหิตได้ยินแล้วพูดไม่ออก กลับได้ยินน้องดาบพูดต่อว่า “ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ก็โทษข้าไม่ได้เช่นกัน ถึงอย่างไรเมื่อก่อนกฎของสำนักดาบโลหิตก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่หลังจากท่านรับตำแหน่งก็ดึงดันจะใช้กฎว่าผู้แข็งแกร่งคือเจ้า ถึงขั้นไม่ยกเว้นตำแหน่งที่พิเศษอย่างเจ้าสำนัก ข้ากำลังท้าสู้ท่านตามกฎ น่าจะไม่มีปัญหากระมัง”
พอฟังถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ดาบโลหิตกลับไม่เผยสีหน้านึกเสียใจทีหลังแม้แต่น้อย “เจ้าวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าเริ่มมีความคิดสังหารข้าเพื่อชิงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อไร”
น้องดาบตอบตามความจริง “เรื่องนี้จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกัน ข้าพิจารณาถึงปัจจัยนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงได้ตัดสินใจเข้าสำนักดาบโลหิต…
…แต่ถ้าถามเวลาโดยละเอียด ข้าเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรข้าก็วางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าสำนักแล้ว”
ปรมาจารย์ดาบโลหิตยิ้มเจื่อน “พอนึกว่าข้าปรมาจารย์ดาบโลหิตวางแผนทำร้ายคนอื่นมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายกลับถูกคนรุ่นหลังวางแผนทำร้ายกันถึงขั้นนี้ เฮ้อ…หากข้าเดาไม่ผิด ที่นี่คงไม่มีกับดักอะไรทั้งนั้น ส่วนสิ่งที่เรียกว่ากับดักระหว่างตุ๊กตาหิมะรูปสิงโต ก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่พวกเจ้าใช้เบี่ยงเบนความสนใจของข้าเท่านั้น?”
ฉางซิงอวี่เพิ่งคิดจะตอบคำถามของเขา จู่ๆ ในช่องแชททีมกลับมีข้อความของเยี่ยเว่ยหมิงเด้งออกมา [พวกเจ้าสองคนจะอธิบายให้เขาฟังทำไมกัน!…
…สำหรับ BOSS ใหญ่หน้าเนื้อใจเสือพรรค์นี้ เปลืองคำพูดกับเขาสักประโยคก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ รีบสังหารเขาให้ตายเถอะ เร็วเข้า! เดี๋ยวนี้! ตอนนี้!”
ฉางซิงอวี่ยิ้มอย่างจนใจ ส่วนน้องดาบก็เบะปากอย่างทนรำคาญไม่ไหว “ให้ข้าโอ้อวดความสามารถบ้างก็ไม่ได้ เจ้านี่ช่าง…”
แม้ปากจะบ่น แต่นางก็ไม่เปลืองคำพูดอะไรมากอีกแล้ว ยกดาบขึ้นมาพร้อมทวนของฉางซิงอวี่ทันที แล้วกระหน่ำแทงที่จุดสำคัญบนตัวปรมาจารย์ดาบโลหิตที่ไร้ความสามารถขัดขืน
ฉางซิงอวี่ค่อนข้างมีอารยธรรม เพียงยกทวนขึ้นแทงอย่างแรงเท่านั้น ตอนทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายไม่ได้เพิ่มการโจมตีทางจิตใจเข้าไปด้วย
แต่น้องดาบค่อนข้างปากมาก ตอนที่นางใช้ดาบทักทายบนจุดสำคัญของปรมาจารย์ดาบโลหิต ปากก็ยังไม่หยุดทำงาน “ท่านมันตาแก่หนังเหนียว เมื่อครู่ด่าข้าว่าอะไรนะ…
…เจ้าคนต่ำช้า?”
“ท่านพูดให้ชัดเจนนะ! ข้าต่ำช้ากตรงไหน!? พูดเหมือนข้าแย่เหมือนเจ้าฉายาคนกระบี่อย่างนั้นแหละ ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด!…”
เยี่ยเว่ยหมิง “???”
ภายใต้การโจมตีต่อเนื่องของสองยอดฝีมือ ในที่สุดพลังชีวิตของปรมาจารย์ดาบโลหิตก็หมดเกลี้ยง…
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต BOSS โหมดปกติเลเวล 130 ตาย ได้รับรางวัล: ค่าประสบการณ์ 8000000 ค่าตบะ 1200000!]
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจระดับ 8 ดาบ ‘กำจัดมารปกป้องคุณธรรม’ สำเร็จ ได้รับรางวัลภารกิจ : 10000000 ค่าตบะ 2000000!]
……
เยี่ยเว่ยหมิงที่นังขัดสมาธิอยู่บนพื้น พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบดังมาข้างหู ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แผนการที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้ มองเผินๆ เหมือนแนบเนียนไร้รอยต่อ แต่ความจริงแล้วเขาไม่คิดว่าตัวเองวางแผนเก่งกว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตเท่าไรนัก ถึงขั้นว่าอาจจะเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ
เพียงแต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็น NPC ได้รับผลกระทบจากกติกาของเกม มีค่าความรู้สึกดีสูงมากต่อศิษย์ในสำนักอย่างน้องดาบ แม้ทำไม่ได้ถึงขั้นเชื่อใจเต็มร้อย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะระแวงหรือป้องกันมากเกินไป
ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เรียกว่าค่าความรู้สึกดีก็จะไม่มีคุณค่าอยู่อีกแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่ใช้ประโยชน์จุดนี้ได้ดีมาก เขากับน้องดาบไม่ได้มองว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตเป็นอาจารย์เลย ถึงได้คว้าโอกาสสำคัญได้ทุกก้าว ทำให้แผนการทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด
หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ ระหว่างเขากับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างปรมาจารย์ดาบโลหิต ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะได้หัวเราะในตอนสุดท้าย
แต่รางวัลภารกิจมีเพียงค่าประสบการณ์และแต้มค่าตบะ แม้แต่ตำราลับกับอุปกรณ์ก็ไม่ให้?
หรือว่าภารกิจนี้ยังมีเงื่อนไขอะไรต่อจากนั้นอีก
ขณะที่ในใจกำลังคิดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกว่ามีกลิ่นอายสังหารกลุ่มหนึ่งพลันเข้าประชิดตัว จากนั้นก็เห็นฮวาเถี่ยกั้นที่ขับพิษออกจากร่างกายเสร็จแล้วลุกขึ้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกทวนสั้นสองข้อในมือขึ้นมา พอแทงไปข้างหน้า หนึ่งทวนล่าชีพก็มาถึงหว่างคิ้วของเขาแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ ตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิงที่หลบอยู่ห่างออกไปร้อยเมตรก็ตกใจจนหน้าถอดสีพร้อมกัน
ในสายตาของพวกเขาสองคน ตั้งแต่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวก็วางแผนสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิตแล้ว เขาย่อมเป็นคนดีแน่นอน
แล้วถ้าคนดีแบบนี้กำลังจะถูกฮวาเถี่ยกั้นลอบทำร้าย จะไม่ให้พวกเขาร้อนใจได้อย่างไร
แต่ต่อให้พวกเขาร้อนใจก็ไม่มีประโยชน์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าอยู่ห่างออกไปร้อยเมตร ต่อให้มาอยู่ใกล้ๆ ตรงหน้า แต่ด้วยความสามารถของทั้งสองก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเรื่องราวใดๆ ได้อยู่ดี
เมื่อเห็นท่าไม้ตายมาถึงตรงหน้า สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงกลับยังสงบเยือกเย็น มองไม่เห็นความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ความสามารถที่ ‘แม้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้า หน้าก็ไม่เปลี่ยนสี’ แบบนี้ ฮวาเถี่ยกั้นเพิ่งเคยจากตัวคนคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมารร้ายตนใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา…ปรมาจารย์ดาบโลหิต!
พอนึกขึ้นได้ว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตที่ตนสู้ไม่ได้เพิ่งถูกเจ้าเด็กนี่วางกับดักจนตาย หนึ่งทวนของฮวาเถี่ยกั้นที่เดิมทีคิดว่าต้องสมปรารถนาแน่นอนกลับต้องออมแรงเอาไว้หลายส่วนเพื่อปกป้องตัวเอง
ตอนนี้เอง กลับเห็นเงาร่างสีขาวและสีแดงมาขวางตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง
ซึ่งเงาร่างสองร่างนี้ ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ร้อนรนตอนเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายล่าชีพของฮวาเถี่ยกั้น!
พี่น้องของเจ้าตายหมดแล้ว แต่ข้ายังมีสหาย!
เริ่มด้วยฉางซิงอวี่ที่ตวัดทวนจากข้างล่างขึ้นข้างบน ใช้วิธีการเอาสี่ตำลึงไปปาดพันชั่ง[1]ที่สำนักอู่ตังถนัดที่สุดตวัดทวนของฮวาเถี่ยกั้นที่เดิมทีก็สั่นคลอนอยู่แล้วออกไป
ตามติดด้วยน้องดาบที่ฟันดาบออกมาในแนวขวาง บีบให้ฮวาเถี่ยกั้นถอยออกไปทันที
จากนั้นผู้เล่นยอดฝีมือทั้งสองก็ตั้งท่าเตรียมรับศึกใหญ่
ฉางซิงอวี่ชี้ปลายทวนลงมาข้างล่าง สองตาจับจ้องฮวาเถี่ยกั้น
ส่วนน้องดาบก็ใช้สันดาบของดาบจันทราหิมะเงินหวีผมงามดำขลับของนางแล้วยิ้มหวาน แต่กลับชูดาบแบบเดียวกับปรมาจารย์ดาบโลหิต ฮวาเถี่ยกั้นเห็นแล้วชาวาบหนังศีรษะ
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดไม่ออกนิดหน่อย เพียงส่งข้อความเตือนผ่านช่องทีมว่า [ก่อนหน้านี้ตอนเจอกับปรมาจารย์ดาบโลหิตที่ใกล้ตายเจ้าออกจะพูดมาก แต่ทำไมตอนนี้ถึงลงมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงได้แล้วล่ะ]
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ตระหนี่ประสบการณ์ในการทำภารกิจของตนเอง ค่อยๆ โน้มน้าวอย่างเป็นขั้นเป็นตอนว่า [อย่ารีบร้อนสู้กับเขา ใช้ปากเป็นโล่กำบังก่อน ถามเขาว่าทำไมต้องโจมตีข้า กล่าวด้วยเหตุผลที่ชอบธรรมสักหน่อย วางตัวเองไว้บนจุดที่ควบคุมคุณธรรมได้ก่อนแล้วค่อยลงมือฆ่าเขาก็ยังไม่สาย]
[1] เอาสี่ตำลึงไปปาดพันชั่ง 四两拨千斤 หมายถึงใช้แรงน้อยชนะแรงมาก