ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 594 บารมีในยุทธภพคือสิ่งใด
ตอนที่ 594 บารมีในยุทธภพคือสิ่งใด
เมื่อได้ฟังคำขอของเยี่ยเว่ยหมิง ฉางซิงอวี่กับน้องดาบก็เข้าใจทันที
ตอนนี้แม้ยังไม่ถึงเวลาตรวจนับไอเทมที่ได้ แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคให้พวกเขาเริ่มพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนมากที่สุด
เพียงแต่ก่อนจะถึงตอนนั้น…
ฉางซิงอวี่เลิกทำสีหน้าดุร้ายแล้วยิ้มบางๆ “ท่านวีรบุรุษฮวา ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันว่าขอเพียงข้าช่วยท่านกำจัดปลาเน่าอย่างปรมาจารย์ดาบโลหิต ท่านก็จะถ่ายทอด ‘วิชาทวนจงผิง’ ให้ข้า ตอนนี้ปรมาจารย์ดาบโลหิตถูกพวกเราสังหารตายแล้ว ท่านก็ควรทำตามสัญญาเช่นกันใช่ไหม”
พอได้ยินฉางซิงอวี่เริ่มทวงรางวัลภารกิจในเวลานี้ ฮวาเถี่ยกั้นก็อดแสยะยิ้มไม่ได้ “ซิงอวี่เอ๊ย ก่อนหน้านี้ข้าบอกให้เจ้าติดตามข้าเข้าหุบเขาหิมะแล้วกำจัดโจรชั่วดาบโลหิต”
ขณะที่พูด ก็หันไปมองน้องดาบด้วยสายตาที่สื่อความหมายล้ำลึกปราดหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนี้ในหุบเขาหิมะยังมีโจรชั่วดาบโลหิตเหลืออยู่อีกคน ดังนั้นจะถือว่าภารกิจของเจ้าเสร็จสิ้นแล้วไม่ได้!”
ฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วขมวดคิ้ว แล้วตรวจดูในแถบภารกิจของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็แสยะยิ้ม “อย่างท่านเรียกว่าพูดจาเหลวไหลตาไม่กะพริบ ภารกิจของข้าคือให้โจมตีสังหารหลวงจีนดาบโลหิตชัดๆ ส่วนน้องสาวที่อยู่ข้างกายเขา จะมองอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับคำว่า ‘หลวงจีน’ เลยสักนิด”
เยี่ยเว่ยหมิงเสริมในช่องทีม [อย่างมากก็นับเป็นดาบโลหิต]
น้องดาบ [เจ้าหุบปาก!]
เยี่ยเว่ยหมิง [(^~^;)ゞ]
ฮวาเถี่ยกั้นที่ถูกแฉคำโกหกต่อหน้าต่อหน้า ตอนนี้กลับยังกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “ต่อให้เจ้าพูดไม่ผิด แต่แล้วอย่างไรเล่า…
…เกี่ยวกับการแจกรางวัลภารกิจ ยังมีกติกาแฝงบางอย่างที่ผู้เล่นอย่างพวกเจ้ามองไม่เห็น…
…แม้เจ้าจะสังหารโจรชั่วดาบโลหิตแล้ว แต่อิงตามกติกาสูงสุด ข้าต้องแจกรางวัลภารกิจให้พวกเจ้า แต่กลับไม่ต้องแจกให้เดี๋ยวนี้เสมอไป”
พูดไปพูดมา รอยยิ้มของฮวาเถี่ยกั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นลำพองใจ “ที่จริงแล้ว ขอเพียงข้าแจกรางวัลภารกิจให้เจ้าก่อนออกจากหุบเขาหิมะ ก็ไม่ถือว่าฝืนกฎที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว…
…ดังนั้น ทางที่ดีเจ้ายืนอยู่ฝั่งข้าเถอะ รักษาความปลอดภัยในชีวิตให้ข้า ไม่เช่นนั้นหากเกิดภัยร้ายขึ้นกับข้า เกรงว่าภารกิจของเจ้าจะ…”
พอได้ยินฮวาเถี่ยกั้นพูดแบบนี้ ฉางซิงอวี่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
อันที่จริง การที่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่ทันรับรางวัลภารกิจก็แตกคอกับ NPC ที่แจกภารกิจ ไม่ว่าใครก็ไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น
มิหน้ำซ้ำ อิงตามกติกาที่ฮวาเถี่ยกั้นบอก ก็เหมือนจะนับว่าสมเหตุสมผลเช่นกัน
พอได้ยินพวกเขาพูดมากอยู่ตั้งนานเพราะเรื่องรางวัลภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดบอกในช่องทีมอีกไม่ได้ว่า [ภารกิจของเจ้าคือให้เจ้าช่วยพวกฮวาเถี่ยกั้นโจมตีสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต จำไว้ ให้ช่วยเฉยๆ ไม่ได้ขอให้เจ้าสังหารตามลำพัง!…
…หากคำนวณจากระดับความยากของภารกิจ ให้รางวัลภารกิจเป็น ‘วิชาทวนจงผิง’ เล่มหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ส่วนรางวัลเพิ่มเติมอย่างพวกค่าประสบการณ์ ค่าตบะ ต่อให้มี แต่ก็ต้องน้อยจนน่าสงสารแน่นอน…
…ส่วน ‘วิชาทวนจงผิง’ หลังจากสังหารเขาแล้วก็ดรอปได้เช่นกัน อีกประเดี๋ยวตอนแบ่งไอเทมดรอป พวกเราก็ตัดตำราลับเล่มนี้ออกได้…
…ตอนนี้มารีบคุยเรื่องสำคัญกันเถอะ]
หลักการที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก มีหรือที่ฉางซิงอวี่จะไม่รู้
เพียงแต่หากได้ตำราลับมาไว้ในมือเร็วขึ้นสักหน่อย ก็จะวางใจมากกว่าไม่ใช่หรอกหรือ
แต่ในเมื่อทำไม่ได้ถึงจุดนั้น…
สายตาของฉางซิงอวี่กลับมาเยียบเย็นอีกครั้ง มองไปทางฮวาเถี่ยกั้นพร้อมถามว่า “ในระหว่างที่พวกเราสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต สหายเยี่ยออกแรงมากที่สุด สร้างผลงานมากที่สุดเช่นกัน เหตุท่านจึงลอบโจมตีเขา”
ฮวาเถี่ยกั้นได้ยินแล้วแสยะยิ้มไม่หยุด “ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในหุบเขา เป็นเพราะถูกบีบต่างๆ นานาจนไร้ทางเลือก จึงทำเรื่องผิดไปบ้าง หากออกไปแล้วเขานำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ ชื่อเสียงวีรบุรุษของข้าจะไม่ถูกทำลายหรอกหรือ”
ตอนนี้น้องดาบอดแขวะไม่ได้ “ท่าทางน่าเกลียดของเจ้าน่ะ เจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่นไม่เห็นหรอก แต่พวกเราต่างหากที่เห็นแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ หลังจากเจ้าฆ่าเขาแล้ว ก็จะไม่ปล่อยพวกเราไปด้วยเหมือนกันใช่ไหม”
“พวกเจ้า?”
หลังจากได้ยินคำถามของน้องดาบ ฮวาเถี่ยกั้นนอกจากจะไม่กังวลแม้แต่น้อย ยังกล่าวอย่างภาคภูมิใจมากว่า “คนหนึ่งคือนางปีศาจน้อยของสำนักดาบโลหิต อีกคนคือเจ้าเด็กเปรตที่ไร้ชื่อไร้นามในยุทธภพ บวกกับเจ้าโจรชั่วของสำนักดาบโลหิตคนนั้น แล้วก็เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หากพวกเจ้าพูดออกไป คำพูดจะมีน้ำหนักสักเท่าไรกันเชียว”
น้องดาบกับฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วสบตากันแวบหนึ่ง เป็นเพราะชื่อเสียงบารมีของตนต่ำไป จึงถูก NPC ดูถูกดูแคลน?
ฮวาเถี่ยกั้นกลับพูดต่อว่า “ในบรรดาพวกเจ้า คนเดียวที่ส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของข้าได้ ก็มีเพียงเจ้าขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ เยี่ยเว่ยหมิง ฉายาคนกระบี่ที่อยู่ข้างหลังพวกเจ้าเท่านั้น…
…แต่ขอเพียงเขาตายไป ต่อให้ไปฟื้นชีพอยู่ข้างนอกได้ แต่ก็ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าแล้ว…
…ส่วนพวกเจ้า…
…พวกเจ้าลองเดาสิ คนส่วนใหญ่ในยุทธภพจะยอมเชื่อพวกเจ้าหรือเชื่อข้ามากกว่า”
ระหว่างที่พูด ฮวาเถี่ยกั้นก็เผยสายตาเหยียดหยามเหมือนตนเป็นราชาโดยไม่รู้ตัวแล้วโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย “บารมีในยุทธภพคือสิ่งใดเล่า!”
เยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหลังฉางซิงอวี่กับน้องดาบ พอเห็นฮวาเถี่ยกั้นเผยด้านที่น่าเกลียดออกมาหมด ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจทันที พร้อมส่งข้อความชี้แนะในช่องทีม [ตอนนี้ลงมือได้แล้ว แต่ฮวาเถี่ยกั้นคนนี้รับมือยาก อีกประเดี๋ยวตอนประมือกันต้องเน้นกลยุทธ์สักหน่อย พวกเจ้าสองคนจงใจเผยจุดอ่อนนะ ให้โอกาสเขาโจมตีข้า ที่เหลือเดี๋ยวข้าจัดการเอง]
เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉางซิงอวี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะยังกังวลนิดหน่อย แต่น้องดาบที่อยู่ข้างๆ กลับตอบอย่างตื่นเต้น [เจ้าอดใจไม่ไหว อยากวางกับดักคนแล้วสินะ ไม่มีปัญหา รับรองว่าจะให้ความร่วมมืออย่างดี!]
เมื่อตอบกลับข้อความเรียบร้อย น้องดาบก็ลงมือก่อน พลิกมือใช้ดาบโจมตีไปที่ฮวาเถี่ยกั้นแล้ว
เมื่อฉางซิงอวี่เห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็เชื่อแล้วเช่นกันว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับปัญหาครั้งนี้ จึงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที แล้วใช้ท่า ‘คว่ำทะเล’ ของ ‘ทวนเทพสี่ตระกูล’ ปาดไปที่หัวใจของฮวาเถี่ยกั้น
สองผู้เล่นกับหนึ่ง NPC สู้กัน ลมดาบและเสียงคำรามของทวนดังพร้อมกัน สีของแสงสะท้อนอาวุธและแสงจันทร์รวมเป็นหนึ่งเดียว!
สามยอดฝีมือใช้ความเร็วสู้กับความเร็ว ส่วนฮวาเถี่ยกั้นก็แสดงท่วงท่าอันสง่างามอย่างที่ BOSS เลเวลร้อยยี่สิบห้าควรจะมีออกมา แม้เป็นการสู้แบบหนึ่งต่อสอง แต่ก็ทำได้ถึงขั้น ‘ทวนหนึ่งด้ามแบ่งบานสองดอก’ เช่นกัน แม้จะถูกฉางซิงอวี่กับน้องดาบรุมโจมตีอย่างดุดัน เขาก็ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ชั่วพริบตาเดียวก็สู้กันไม่ต่ำกว่ายี่สิบกระบวนท่าแล้ว เนื่องจากค่าสเตตัสพื้นฐานยังบกพร่อง ในที่สุดน้องดาบก็เผยจุดอ่อนหลังจากดาบและทวนชนกัน ถูกฮวาเถี่ยกั้นใช้ทวนโจมตีจนล่าถอย
จากนั้นฮวาเถี่ยกั้นก็ฉวยโอกาสที่พบได้ยากนี้เดินตามทวนออกไป แทงทวนยาวสองด้ามที่รวมเป็นหนึ่งไปทางลำคอของเยี่ยเว่ยหมิง
แสงสะท้อนที่เย็นเยียบไปถึงก่อน จากนั้นทวนที่เหมือนมังกรก็ตามออกมา!
เมื่อเห็นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตมาถึงตรงหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็จำต้องหยุดการรักษาตัวเองชั่วคราว ขณะที่กระอักเลือดคำเล็กๆ ออกมาหนึ่งคำ ร่างก็พลันเอนไปทางซ้าย หลบทวนที่อันตรายถึงชีวิตของฮวาเถี่ยกั้นได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนฮวาเถี่ยกั้นพอโจมตีไม่ถูกเป้าหมาย บนใบหน้ากลับไม่เผยความเสียใจแม้แต่น้อย เห็นเขาปล่อยมือขวาที่จับด้ามทวนกะทันหัน จากนั้นงอนิ้วกลายเป็นกรงเล็บ แล้วขยุ้มเข้ามาที่คอของเยี่ยเว่ยหมิง
ในฐานะเจ้าสำนักทวนเหล็กกรงเล็บอินทรี ฮวาเถี่ยกั้นนอกจากมีวิชาทวนที่ยอดเยี่ยมแล้ว ‘วิชากรงเล็บอินทรี’ ของเขาก็เป็นสุดยอดในยุทธภพเช่นกัน ไม่เพียงแค่บีบลำไม้ไผ่ที่หนาเท่าแขนจนแตกได้เท่านั้น ทั้งยังบีบจนผมขาดเป็นสองท่อนได้ด้วย!
พอเห็นฮวาเถี่ยกั้นใช้วิชาที่เป็นดังสมบัติล้ำค่าประจำสำนัก ในดวงตาเยี่ยเว่ยหมิงก็ฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อยอย่างที่ปิดบังได้ยาก มือซ้ายผลักไปข้างหน้าโดยจิตใต้สำนึก ราวกับคนที่ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตาย
เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบกับฉางซิงอวี่ก็เริ่มไว้อาลัยให้ฮวาเถี่ยกั้นในใจเงียบๆ
ส่วนฮวาเถี่ยกั้นก็ยิ้มเย้ย ใช้กรงเล็บขยุ้มลงมาบนข้อมือของเยี่ยเว่ยหมิงที่ผลักออกมา
จากนั้น…
กรรร!~~~