ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 596 นั่งลงแบ่งของกัน
ตอนที่ 596 นั่งลงแบ่งของกัน
การดรอปไอเทมของปรมาจารย์ดาบโลหิตคนนี้น่าตื่นเต้นมาก แค่อาวุธล้ำค่าอย่างเดียวก็ดรอปห้าชิ้นกว่าแล้ว แม้ในจำนวนนั้นจะมีสองชิ้นที่ควรจะเป็นของรางวัลจากการสู้รบของเขาก่อนหน้านี้ก็ตาม
แต่เสื้อคลุมขนอินทรีตัวนั้นมันคืออะไรกัน
แม้ในต้นฉบับเดิมเหมือนจะเคยเห็นชุดคลุมตัวนี้มาแล้ว แต่นั่นเป็นชุดที่สุ่ยเซิงทำให้ตี๋อวิ๋นด้วยมือตนเองหลังจากปรมาจารย์ดาบโลหิตตายแล้ว
ตอนนี้ชุดนี้มาโผล่อยู่บนตัวปรมาจารย์ดาบโลหิต หมายความว่าอย่างไร
อย่าบอกนะว่าเพื่อมอบช่องทางที่สมเหตุสมผลให้ผู้เล่นรับอุปกรณ์ชิ้นนี้
ส่วนชุดที่สุ่ยเซิงทำด้วยตนเองตัวนั้น ก็มีเพียงของตี๋อวิ๋นเท่านั้น ก็เหมือนเลือดงูที่กัวจิงดื่มลงไป ผู้เล่นจึงไม่มีโอกาสได้มันแล้ว?
คำอธิบายนี้เหมือนจะสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นคือได้ของสิ่งนี้มาไว้ในมือแล้วมัวคิดวนเวียนว่ามันมาได้อย่างไรก็ไม่มีความหมาย ควรจะแบ่งของกันอย่างไรต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญในตอนนี้
แต่ต่อให้เป็นปัญหาเรื่องแบ่งของก็ไม่รีบร้อนอยู่ดี เพราะไอเทมดรอปจำนวนมากครั้งนี้ไม่ได้มาจากปรมาจารย์ดาบโลหิตคนเดียว ดูจากจำนวนที่มาจากฮวาเถี่ยกั้นแล้วก็ไม่เป็นรองปรมาจารย์ดาบโลหิตแม้แต่น้อย!
[วิชาทวนจงผิง (ระดับสูง)] ทวนจงผิง ราชาแห่งทวน แสงเย็นหนึ่งสายมิอาจป้องกัน! เงื่อนไขการฝึก: …
[วิชากรงเล็บอินทรี (ระดับกลาง)] วิชากรงเล็บอินทรีไม่ใช่วิทยายุทธ์ของสำนักใดสำนักหนึ่ง ในยุทธภพมีเผยแพร่หลายเวอร์ชัน นี่คือวิชาที่ถ่ายทอดจากสำนักทวนเหล็กกรงเล็บอินทรี เงื่อนไขการฝึก …
[มวยซั่นโส่วตระกูลเย่ว์ (ระดับกลาง)] วิชาหมัดที่สร้างโดยเย่ว์เฟย แม่ทัพผู้โด่งดังสมัยราชวงศ์ซ่ง ประสิทธิภาพการใช้ต่อสู้จริงน่าทึ่ง เงื่อนไขการฝึก: …
[ทวนสองดอก (อาวุธล้ำค่า)] ทวนของฮวาเถี่ยกั้นฉายา ‘ทวนจงผิงไร้เทียมทาน’ น้องรองของกลุ่มบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ ตีหินแหลกเป็นผง แทงบนเหล็กก็เป็นรอยเช่นกัน
โจมตี +550
กำลังภายใน +30%
วิชาทวนเลเวล +1!
[กระบี่เมฆาละมุน (อาวุธล้ำค่า)] กระบี่ของหลิวเฉิงเฟิงฉายา ‘กระบี่เมฆาละมุน’ น้องสามของกลุ่มบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ เข้ากันได้ดีที่สุดกับเคล็ดกระบี่อู่ตัง
โจมตี +500
ป้องกัน+300
กำลังภายใน +50%
เลเวลเคล็ดกระบี่สำนักอู่ตัง +1!
[มงกุฎเงินประกายปีกหงส์ (อาวุธล้ำค่า)] มงกุฎที่แฝงไปด้วยพลังงานอัศจรรย์ ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร
ป้องกัน+200
พละกำลัง +200
เลเวลวิชาอาวุธยาว +1!
[เกราะเงินกุญแจ (อาวุธล้ำค่า)] เกราะล้ำค่าที่กะพริบแสงสีเงิน ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร
ป้องกัน+500
พละกำลัง +200
พลังชีวิตสูงสุด +3000
กำลังภายใน 30%!
[รางเท้าใยบัวย่ำจอก (อาวุธล้ำค่า)] รองเท้าที่งดงามประณีตคู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร
ป้องกัน +200
ท่าร่าง +500
เลเวลวิชาตัวเบา +1!
[เงิน: 2587 เหรียญทอง!]
……
นี่ก็คือไอเทมดรอปของฮวาเถี่ยกั้น เป็นอาวุธล้ำค่าห้าชิ้นเช่นเดียวกัน ตำราลับเยอะกว่าของปรมาจารย์ดาบโลหิตตั้งสองเล่ม
แต่หากพูดถึงคุณภาพโดยรวม ไอเทมดรอปของฮวาเถี่ยกั้นก็ยังแย่กว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตอยู่เยอะมาก!
พูดถึงตำราลับก่อน
ปรมาจารย์ดาบโลหิตแม้จะดรอป ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ เพียงเล่มเดียว แต่กลับเป็นตำราลับที่แฝงทั้งวิชากำลังภายในสำนักดาบโลหิตและวิชาดาบโลหิต มูลค่าของมันนับว่าสูงสุดในบรรดาสุดยอดวิชาแล้ว
อย่างไรเสีย ตำราลับของ ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ ก็มีเพียงเล่มเดียว หลังจากฝึกแล้วก็จะกินพื้นที่แถบวิชากำลังภายในเพียงช่องเดียว ทำให้ผู้เล่นที่ฝึกวิชานี้ประหยัดแถบใส่กระบวนท่าได้หนึ่งช่อง หรือไม่ก็รวมสองวิทยายุทธ์นี้ให้เป็นหนึ่งเดียวได้
พูดถึงรายการนี้อย่างเดียว ก็เอาชนะเคล็ดวิชาระดับเดียวกันได้หลายวิชาแล้ว
ส่วนตำราลับสามเล่มที่ดรอปจากฮวาเถี่ยกั้น นอกจาก ‘วิชาทวนจงผิง’ ที่ฉางซิงอวี่อยากได้แล้ว วิทยายุทธ์ระดับกลางอีกสองเล่มที่เหลือ ทั้งสามก็ไม่ชายตามองเลย เป็นประเภทขยะที่โยนไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน
หากพูดถึงอุปกรณ์
อุปกรณ์ที่ดรอปจากปรมาจารย์ดาบโลหิต ก็เป็นของระดับดีมากเช่นกัน
อีกทั้งในบรรดาอาวุธล้ำค่าห้าชิ้นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเครื่องประดับและเสื้อคลุมที่หาได้ยากมากด้วย!
ต้องทราบไว้ว่า ตอนนี้เครื่องประดับของเยี่ยเว่ยหมิงมีเพียง ‘จี้หยกเซินหลัว’ ที่คุณภาพระดับทองคำเส้นเดียว ส่วนตำแหน่งของชุดคลุม กระทั่งตอนนี้ก็ยังว่างอยู่!
แน่นอน เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงตั้งเงื่อนไขไว้สูงเกินไป ดูแคลนไอเทมขยะที่นำมาผสมกันเพื่อให้ครบจำนวน แต่นั่นก็เพียงพอให้อธิบายถึงระดับความล้ำค่าของเครื่องประดับและชุดคลุมตัวนี้แล้วเช่นกัน ไม่ใช่สิ่งที่ดาบกระบี่ หรือชุดเกราะจะเทียบติด
หลักการที่ว่าของหายากจึงราคาแพง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น
หากเทียบกับแล้ว ไอเทมดรอปของฮวาเถี่ยกั้นแย่กว่ามาก แม้จะเป็นอาวุธล้ำค่าห้าชิ้น แต่กลับมีมูลค่าด้อยกว่าอาวุธที่พบบ่อยอย่าง อาวุธ เกราะ หมวก รองเท้าเสียอีก
ในจำนวนนั้น ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ ดาบโลหิต อาทิตย์อัสดงสีเลือดและอุปกรณ์สองชิ้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีแต่ต้องอยู่ในมือน้องดาบเท่านั้น ถึงจะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้สูงที่สุด
โดยเฉพาะ ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ เดิมทีเป็นเคล็ดวิชาหลักที่นางฝึก เพียงแต่ปรมาจารย์ดาบโลหิตซ่อนมันไว้มาตลอด สิ่งที่นางเรียนจึงไม่สมบูรณ์ ครั้งนี้จะได้ถือโอกาสเรียนให้ครบสมบูรณ์พอดี
เพียงแต่ตอนนี้ได้ของสามอย่างในคราเดียว นางเองก็รู้กาลเทศะมากเช่นกัน เลิกไปแย่งชิงไอเทมชิ้นอื่นกับเพื่อนแล้ว
ส่วนอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ดรอปจากปรมาจารย์ดาบโลหิต ‘เสื้อคลุมขนอินทรี’ ที่มีมูลค่าสูงที่สุดตกอยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิงอย่างเหนือความคาดหมาย
ชุดคลุมตัวนี้ไม่เพียงแค่เป็นอุปกรณ์หายาก ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นก็เหลือเชื่อเช่นกัน โดยเฉพาะเลเวลวิชากำลังภายใน แข็งแกร่งจนไม่เพื่อนไม่คบจริงๆ!
ถ้าจะถามว่าแข็งแกร่งมากขนาดไหน
เพียงแสดงข้อมูลอย่างง่ายๆ ทุกคนก็เข้าใจแล้ว
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงติดตั้งไว้บนตัว ค่าสเตตัสที่ได้รับก็เพิ่มเป็น:
พลังชีวิต 5000
กำลังภายใน 5600
ความแข็งแกร่ง 200
พละกำลัง 200
ท่าร่าง 280
ความว่องไว 350
สติปัญญา 4
ค่าตระหนักรู้ 2!
ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ชิ้นเดียว ถึงขั้นดีกว่ายอดรวมของอาวุธล้ำค่าสองชิ้นเสียอีก!
ทุกคนอย่าไปคิดว่าข้อมูลนี้เกินจริง เพราะที่จริงแล้ววิทยายุทธ์ประเภทกำลังภายในกับวิชาตัวเบาแตกต่างจากวิทยายุทธ์ประเภทกระบวนท่า โบนัสค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นทุกหนึ่งเลเวล ล้วนเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้ผู้เล่นเสมอ
ตอนนี้บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีวิชากำลังภายในทั้งหมดสามวิชา วิชาตัวเบาสองวิชา บวกกับวิทยายุทธ์เลเวลสิบที่เพิ่มถึง 10 (+1) ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นแม้จะไม่ชัดเจนเหมือนตอนเพิ่มจากเลเวลเก้าเป็นเลเวลสิบ แต่ก็ดีกว่าเลเวลก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ส่วนรายละเอียดว่าแข็งแกร่งขนาดไหน
ค่าสเตตัสที่เพิ่มจากเลเวลสิบเป็นเลเวล 10 (+1) คือสองเท่าของตอนที่ยังอยู่เลเวลหนึ่งถึงเก้า!
ดังนั้น อาศัยแค่อุปกรณ์ชิ้นเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ศักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเยอะมากแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ ขาดแค่ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ก็จะใช้ ‘กระบี่จงชง’ ได้แล้ว
ในเมื่อค่าสเตตัสยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ แต่ระดับความหายากของมันก็ต่ำจนน่าตกใจเช่นกัน ตั้งแต่เข้าเกมมาจนถึงปัจจุบัน เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งเคยเห็นค่าสเตตัสแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือชุดที่เชิญร่ำสุราดรอปได้จากไห่ต้าฟู่
คุณค่าที่แท้จริงจากชุดคลุมตัวนี้ แม้จะเทียบกับสุดยอดวิชาไม่ติด แต่กลับไม่ได้ต่างกันมากนัก ถึงขั้นล้ำค่ากว่าวิทยายุทธ์ระดับสูงและอาวุธล้ำค่าด้วยซ้ำ!
ถ้าส่งไปขายประมูลแล้วไม่ตั้งราคาสองหมื่นขึ้นไปก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะขายสำเร็จ
ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงสร้างผลงานไว้เยอะในภารกิจครั้งนี้ แล้วฉางซิงอวี่กับน้องดาบต่างก็มีความต้องการอย่างอื่น ชุดคลุมตัวนี้คงไม่ตกมาอยู่ในมือเขาง่ายๆ ขนาดนี้
แต่เพื่อเป็นการชดเชย หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ชุดคลุมที่มีมูลค่าสูงที่สุดชุดนี้มาแล้ว ก็ไม่คิดอยากได้อุปกรณ์ชิ้นอื่นอีก
ส่วนฉางซิงอวี่ นอกจาก ‘วิชาทวนจงผิง’ ที่ตกลงกันไว้ก่อนจึงไม่นับรวมในรายการไอเทมที่ต้องแบ่งกัน ก็ยังได้ชุดเกราะสีเงินทั้งชุดที่เหมาะสมกับลักษณะท่าทางของเขามาก
[หมายเหตุ: มงกุฎเงินประกายปีกหงส์ เกราะเงินกุญแจ รางเท้าใยบัวย่ำจอก]
ส่วนทวนสองดอกด้ามนั้น ค่าสเตตัสก็ยังสู้ทวนที่อยู่ในมือเขาไม่ได้ จึงตัดสินใจเก็บไว้ที่เยี่ยเว่ยหมิงก่อนเหมือนกับไอเทมชิ้นอื่นๆ รอให้ถึงเวลาที่ขายออกแล้ว ค่อยนำออกมาขายพร้อมกันแล้วแบ่งเงินกัน
เพราะวันนี้พวกเขาได้เก็บเกี่ยวอุปกรณ์เยอะเกินไป แม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้งานพวกมัน แต่ก็เป็นอาวุธล้ำค่าที่มีค่าสเตตัสค่าสเตตัสยอดเยี่ยมทั้งนั้น
หากจะให้นำไปขายที่ร้านประมูลตอนนี้ ทั้งสามต่างก็รู้สึกไม่เต็มใจ
ตอนที่เห็นอุปกรณ์เหล่านั้น พวกเขาต่างก็คิดถึงสหายของตนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
สุดท้ายทั้งสามก็ปรึกษาและตัดสินใจร่วมกันว่าจะเก็บของไว้ที่เยี่ยเว่ยหมิงก่อน รอให้ออกจากหุบเขาแล้ว ทุกคนค่อยส่งจดหมายเรียกสหายให้มาหา จากนั้นก็หาสถานที่สักแห่งประมูลสินค้าในกลุ่มเพื่อนของตนเอง
หากย่อยสินค้าภายในกลุ่มเพื่อนตัวเองได้ก็พยายามย่อยในกลุ่มเพื่อนตัวเองก่อน ถ้าเป็นของที่ไม่มีใครชอบจริงๆ ค่อยนำออกไปประมูลขายก็ยังไม่สาย
แม้วิธีการแบบนี้อาจทำให้ขายไอเทมบางอย่างในราคาสูงสุดไม่ได้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะได้กำไรน้อยลงนิดหน่อย ดีกว่าให้ผลประโยชน์ตกอยู่ในมือคนนอก
หลังจากแบ่งของกันเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หนานมู่ลวดทองออกจากกระเป๋า ขณะกำลังลังเลว่าควรจะนำมันมาใส่ปรมาจารย์ดาบโลหิตหรือฮวาเถี่ยกั้น ตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิงที่ซ่อนตัวและสังเกตการณ์มาตลอดก็ปรากฏตัวแล้ว ทั้งสองเดินเข้ามาหาพวกเขา
ความสัมพันธ์ระหว่างตี๋อวิ๋นและสุ่ยเซิงตอนนี้ นับว่าพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอดได้แล้วหรือเปล่า
เมื่อก่อนเนื่องจากสาเหตุหลายๆ อย่าง ยอดฝีมือผู้เล่นกับ NPC ต่างยุ่งวุ่นอยู่กับการวางอุบายและสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย สำหรับพวกเขาสองคนที่ไม่ได้มีอันตายหรือมีประโยชน์ต่อกัน ย่อมได้รับความสนใจน้อยมาก
เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาสองคนถือเป็นกลุ่มคนอ่อนแอ เมื่ออยู่ท่ามกลางเสือและหมาป่าฝูงใหญ่ จึงทำได้เพียงเกาะกลุ่มสามัคคีกันไว้
พอเป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ไม่ถือว่าเป็นคู่อริแบบน้ำกับไฟเหมือนตอนแรกเริ่มอีกแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาทางนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ ก่อน จากนั้นก็ถามถึงสถานการณ์ของทั้งสองอย่างมีมารยาท
ตอนนี้ตี๋อวิ๋นหัวไว ถือโอกาสอธิบายเรื่องที่ตัวเองโผล่มาที่นี่รวมทั้งความสัมพันธ์กับติงเตี่ยน ถือว่าสร้างบันไดเพื่อให้เยี่ยเว่ยหมิงกับ ‘โจรชั่วดาบโลหิต’ อย่างเขาปรับความเข้าใจกันได้สะดวก
หลังจากพวกเขาแนะนำตัวและพูดคุยตามมารยาทกันไม่กี่ประโยค ในที่สุดสุ่ยเซิงก็ชี้ไปที่โลงไม้หนานมู่ลวดทองพร้อมถามด้วยความสงสัย “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย อย่าบอกนะว่าเจ้าพกของที่ใช้เก็บศพติดตัวไว้ตลอดเวลา”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วอธิบายว่า “ในฐานะเจ้าหน้าที่ของสำนักมือปราบเทพ การไขคดี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชันสูตรศพ บรรจุศพล้วนเป็นทักษะในงานที่พวกเราต้องมี…
…คนจากโลกนี้ไปแล้ว แม้จะเป็นคนเจ้าเล่ห์ชั่วช้าอย่างปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้น แต่หลังจากตายแล้วก็ไม่ควรประจานศพอยู่ดี ต่อให้ไม่พิจารณาปัญหาด้านศีลธรรม แต่การจัดการศพชุ่ยๆ อย่างนั้น ก็จะทำให้เกิดปัญหาโรคระบาดได้ง่ายเหมือนกัน…
…ดังนั้น แต่ไหนแต่ไรมา ข้าจึงพกของจำเป็นสำหรับเก็บศพติดตัวไว้เสมอ เพื่อให้ผู้ตายได้พักผ่อนอยู่ในหลุมอย่างสงบสุข…
…ทำเช่นนี้ไม่ใช่แค่เพื่อให้ผู้ตายได้พักผ่อนอย่างสงบสุข ยังทำให้คนที่ยังอยู่สบายใจขึ้นด้วยเช่นกัน”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็มองโลงไม้หนานมู่ลวดทองบนพื้นปราดหนึ่งแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ “แต่ก็น่าเสียดาย ช่วงนี้คนในยุทธภพตายเยอะเกินไป โลงไม้คุณภาพดีที่ข้าเตรียมไว้หลายใบก่อนหน้านี้ ตอนนี้เหลือแค่ใบนี้ใบเดียวที่คุณภาพดีที่สุด อีกสองใบเป็นโลงไม้หวงฮว่าที่คุณภาพแย่กว่านิดหน่อย ที่เหลือก็เป็นเสื่อที่ธรรมดาที่สุดแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้พูดโกหก
เพราะที่ว่างในกระเป๋ามีจำกัด โลงศพก็วางซ้อนกันไม่ได้เหมือนเสื่อ ดังนั้นโลงศพที่เยี่ยเว่ยหมิงพกติดตัวไว้จึงมีไม่เยอะมาก ล้วนเตรียมไว้ใช้งานและเติมของเก่าที่ใช้ไป
เพียงแต่ช่วงนี้ เขาต้องใช้โลงศพมากเกินไปจริงๆ
โลงไม้คุณภาพสูงถูกใช้ไปหมดแล้วตอนอยู่ที่จวนลู่ติ่งกงและดันเจี้ยนต่างๆ ของหอหมอกพิรุณ ยังไม่ทันได้เติมสินค้าก็รีบมาที่หุบเขาหิมะแห่งนี้แล้ว
ส่วนของที่เขาตุนไว้ตอนนี้ก็ขาดแคลนอย่างหนัก ไม่อย่างนั้นคงไม่นำโลงไม้หนานมู่ออกมาแล้วลังเลว่าจะใส่ปรมาจารย์ดาบโลหิตหรือฮวาเถี่ยกั้น
BOSS ใหญ่สองคนที่เลเวลเกินร้อยยี่สิบ ใช้โลงไม้หนานมู่เก็บทั้งคู่เลยไม่ดีหรอกหรือ
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ สุ่ยเซิงกลับตาเป็นประกายทันที
มองออกเลยว่านางค่อนข้างเกรงใจ หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็ยังรวบรวมความกล้าบอกว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะช่วยข้า ท่านพ่อและท่านลุงทั้งสองของข้าถูกปรมาจารย์ดาบโลหิตทำร้ายและฝังศพไว้ในหุบเขาหิมะ ท่านว่า…”
หลังจากชะงักเล็กน้อย ในที่สุดสุ่ยเซิงก็บอกว่า “ปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้นล้วนเป็นคนเลว แต่ท่านพ่อกับท่านลุงลู่และท่านลุงหลิว ล้วนเป็นชายชาตรีที่ผึ่งผาย เป็นวีรบุรุษในยุทธภพอย่างแท้จริง เป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ โลงศพคุณภาพดีทั้งสามใบของจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ไม่ควรนำมาใช้กับคนดีหรอกหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับเผยสีหน้าลำบากใจ “แบบนี้ไม่เหมาะสมนะ คนเราตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว หลังจากตายแล้วก็กลายเป็นคนตาย…”
พอสุ่ยเซิงได้ยิน ก็นำตำราลับเล่มหนึ่งออกมาอย่างรู้ความแล้วส่งให้เยี่ยเว่ยหมิง “ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมากที่สังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต สะสางบัญชีเลือดให้ท่านพ่อของข้า ตำราลับเล่มนี้เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากหญิงต้อยต่ำ หวังว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะไม่ปฏิเสธ”
[ย่ำจอกข้ามน้ำ (ระดับสูง)] วิชาตัวเบาที่ล้ำลึกมาก เป็นวิชาตัวเบาของสุ่ยไต้ ฉายา ‘ดาบพระจันทร์เย็น’ น้องเล็กของกลุ่มบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ เงื่อนไขการฝึก:
ท่าร่าง: 100
ค่าตระหนักรู้: 30
……
เยี่ยเว่ยหมิงอ่านค่าสเตตัสของตำราลับปราดหนึ่ง ขณะที่เก็บไว้ด้วยความพอใจก็กล่าวอย่างชอบธรรมว่า “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่แม่นางสุ่ยพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย!…
…แม้คนจะตายไปแล้ว แต่ตอนที่ทรัพยากรมีจำกัด ก็ควรจะนำโลงศพดีๆ ไว้ให้คนดีกับวีรบุรุษใช้ก่อน ส่วนคนชั่วอย่างปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้น ใช้เสื่อม้วนก็พอแล้ว ไม่ทิ้งพวกเขาไว้ที่หุบเขาหิมะให้เป็นอาหารสัตว์ร้าย ก็นับว่ามีคุณธรรมมากพอแล้ว…
…เช่นนั้นโลงศพสามใบบนตัวข้าตอนนี้ โลงไม้หวงฮว่าสองใบใช้กับจอมยุทธ์ลู่และจอมยุทธ์หลิว ส่วนโลงไม้หนานมู่นี้ อีกประเดี๋ยวหลังจากข้าใช้เก็บศพท่านจอมยุทธ์สุ่ยแล้ว ก็จะให้แม่นางสุ่ยฝังด้วยตนเองเพื่อแสดงความกตัญญู”
ในช่องแชททีม
ฉางซิงอวี่ [สหายเยี่ย ทำแบบนี้ยอดเยี่ยมมาก หากข้าเดาไม่ผิด ก่อนหน้านี้ที่เจ้ากระตือรือร้นเก็บศพ เพราะจะได้ผลประโยชน์บางอย่างจากมันแน่ๆ เลยล่ะสิ…
…ได้รับผลประโยชน์แล้วแท้ๆ แต่ยังฉวยโอกาสหากำไรจากสุ่ยเซิง…
…ข้าบอกได้แค่ว่าสมแล้วที่เป็นเจ้า!]
น้องดาบ [ศักดิ์ศรีอยู่ที่ไหน!?…
…ตอนแรกเจ้าได้ผลประโยชน์จากการเก็บศพ จากนั้นก็อ้างเรื่องแบ่งโลงศพเพื่อขูดรีดรางวัลบนตัวสุ่ยเซิงอีก สุดท้ายยังให้อีกฝ่ายฝังสุ่ยไต้ผู้เป็นพ่อด้วยมือตัวเอง…
…เยี่ยเว่ยหมิง เจ้าไม่คิดว่าตัวเองขาดคุณธรรมหรอกหรือ]
เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับข้อความอย่างไม่ใส่ใจ [ขาดคุณธรรมตรงไหน นางยังขอบคุณข้าด้วยนะ]
ตอนนี้เอง ในที่สุดบนใบหน้าสุ่ยเซิงก็เผยรอยยิ้มตื่นเต้น นางโค้งตัวต่ำให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมเอ่ยว่า “ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยเยี่ย!”
เยี่ยเว่ยหมิงส่งข้อความในช่องอีกครั้ง “เจ้าก็ดูเอาเองสิ!”
น้องดาบตอบเขาเพียงอิโมติคอนรูปนิ้วกลางสองอัน