ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 597 คัมภีร์เทพสาดส่อง
ตอนที่ 597 คัมภีร์เทพสาดส่อง
ทยอยเก็บศพของยอดฝีมือทั้งห้า นั่นก็คือกลุ่มบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำและปรมาจารย์ดาบโลหิต เยี่ยเว่ยหมิงได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ×3 ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่ ‘×2 ‘ตระหนักรู้วิชาดาบ’ ×2 ‘ตระหนักรู้วิชาทวน’ ×1 ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ×1
จากนั้นศพที่ควรฝังก็ฝัง ศพที่ควรเป็นอาหารนกก็ให้เป็นอาหารนก ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เรียกเจ้าแดงและเก้าอี้บินคู่ออกมาอีกครั้ง แล้วเริ่มทยอยส่งคนออกไปนอกหุบเขาหิมะ
อะไรนะ
เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งบอกว่าไม่ควรปล่อยให้ร่างของผู้ล่วงลับกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่า?
ไม่สิ! ปรมาจารย์ดาบโลหิตเป็นพระทิเบต ธรรมเนียมพื้นเมืองของพวกเขาควรได้รับความเคารพ!
เรื่องนี้มองเผินๆ คือเยี่ยเว่ยหมิงนำศพของปรมาจารย์ดาบโลหิตมาเป็นอาหารนก แต่ชื่อทางวิชาการของมันก็คือพิธีศพบนท้องฟ้า!
เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าสำนักคนหนึ่ง มีหน้ามีตาในสังคม ถึงได้จัดพิธีศพโดยอิงตามธรรมเนียมสูงสุดของพวกเขา คนทั่วไปไม่ได้รับสวัสดิการแบบนี้หรอกนะ!
……
เนื่องจากเก้าอี้บินคู่นั่งได้เพียงครั้งละสองคน ส่วนเจ้าแดงก็อยู่ห่างจากเยี่ยเว่ยหมิงเกินไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงออกจากหุบเขาได้เพียงครั้งละคนเท่านั้น
เยี่ยเว่ยหมิงเลือกใช้ลำดับดังนี้ ฉางซิงอวี่ น้องดาบ สุ่ยเซิง ตี๋อวิ๋น…
สาเหตุที่เรียงลำดับแบบนี้ ที่จริงก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด
เป็นเพราะสุ่ยเซิงต้องการทำพิธีฝังศพให้บิดา ตี๋อวิ๋นต้องการอยู่ช่วยนาง ระหว่างทั้งสองคน ตี๋อวิ๋นมีความสามารถในการปกป้องตัวเองมากกว่า อยู่ในหุบเขาหิมะคนเดียวครู่หนึ่งก็ไม่ถึงขั้นเกิดอันตรายใดๆ
เหตุผลก็เพียงเท่านี้เอง
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงส่งฉางซิงอวี่และน้องดาบออกจากหุบเขาหิมะแล้วเลี้ยวกลับมาอีกครั้ง กลับพบว่า NPC ทั้งสองคนท่าทางไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ใช่ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ สุ่ยเซิงยังเป็นสุ่ยเซิงคนเดิม แต่ตี๋อวิ๋นไม่ใช่ตี๋อวิ๋นคนเดิมแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตี๋อวิ๋นก็ยังเป็นหลวงจีนปลอมศีรษะโล้นอยู่เลย แต่ตี๋อวิ๋นในตอนนี้ นอกจากขาหายบาดเจ็บแล้ว แม้แต่ผมกับหนวดเคราก็งอกแล้วเช่นกัน ดูป่าเถื่อนมาก ให้ความรู้สึกคล้ายๆ ตอนที่ติงเตี่ยนออกจากคุก
ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากท่าทางสนิทสนมของเขากับสุ่ยเซิงตอนนี้ เกรงว่าจะเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกันในระดับหนึ่งแล้ว?
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัย ตี๋อวิ๋นก็เอ่ยปากก่อนแล้ว “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ขอบคุณที่ท่านดูแลข้ามานานขนาดนี้ ตอนนี้ข้าของข้าหายดีแล้ว ทั้งยังเชื่อมเส้นลมปราณเริ่นกับเส้นลมปราณตูได้ ฝึกสุดยอดทักษะ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ กับ ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ สำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว ตี๋อวิ๋นซาบซึ้งมาก”
พอได้ยินคำพูดของตี๋อวิ๋น เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยสีหน้าสับสนงงงวย
ข้าขี่เจ้าแดงบินไปกลับในหุบเขาหิมะเพียงสองครั้งเท่านั้น รวมแล้วยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ ทำไมถึงกลายเป็นสองเดือนได้ล่ะ
แต่ทันใดนั้น เขาก็เข้าใจประเด็นสำคัญแล้ว
เป็นเพราะระบบแอบ ‘เร่ง’ เส้นเวลาของภารกิจเนื้อเรื่องให้เร็วขึ้น!
ก็เหมือนตอนที่ทุกคนเข้าเกมมาก่อนหน้านี้ กัวจิ้ง หยางคัง ยังเป็นเพียงทารกในครรภ์มารดาของพวกเขาอยู่เลย ผลปรากฏว่าเวลาผ่านไปไม่นาน เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอกัวจิ้งกับหยางคังในวัยหนุ่มอีกครั้งที่สังเวียนประลองเลือกคู่ของมู่เนี่ยนฉือ
หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ ‘มีวาจาเอ่ยยาว ไร้วาจาเอ่ยสั้น’
ระบบคงไม่ปล่อยให้ NPC หลายคนใช้เวลาเติบโตหลายปีหรือหลายสิบปีก่อน แล้วค่อยเปิดภารกิจเนื้อเรื่องช่วงถัดไป
ที่ความรักระหว่างตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิงสุกงอม เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการทำงานของระบบเช่นกัน
หลังจากปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้นตาย ก็ข้ามเรื่องราวระหว่างพวกเขาไปได้เช่นกัน
ดังนั้นตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงส่งน้องดาบออกนอกหุบเขา แล้วในหุบเขาหิมะเหลือ NPC เพียงสองคน ระบบจึงไม่ลังเลที่จะปรับเวลาให้เร็วขึ้นเพื่อให้เนื้อเรื่องเข้าสู่ช่วงถัดไป
หลังจากเข้าใจประเด็นสำคัญต่างๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า “เช่นนั้นก็ยินดีกับสหายตี๋อวิ๋นด้วย ที่ข้ามาครั้งนี้เพื่อรับพวกท่านออกจากหุบเขา”
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นแล้ว” เนื่องจากมีสุ่ยเซิงคอยปลอบใจ ตอนนี้ตี๋อวิ๋นจึงดูสดใสกว่าก่อนหน้านี้เยอะ “ตอนนี้ถึงฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นแล้ว อีกไม่กี่วันหิมะข้างนอกก็น่าจะละลายหมด ข้ากับสุ่ยเซิงปรึกษากันว่าอีกสองสามวันจะไปไหว้จอมยุทธ์สุ่ยอีกครั้งแล้วค่อยออกจากหุบเขาพร้อมกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหลุดขำ “หรือพูดได้อีกอย่างว่าข้าไม่ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอที่นี่แล้ว?”
เห็นได้ชัดว่า NPC ทั้งสองไม่เข้าใจว่าก้างขวางคอแปลว่าอะไร แต่ตอนนี้ตี๋อวิ๋นกลับนำตำราลับเล่มหนึ่งออกมาจากหน้าอก “พี่ใหญ่เยี่ย ก่อนหน้านี้ขอบคุณท่านมากที่กำจัดขยะของยุทธภพอย่างปรมาจารย์ดาบโลหิตและช่วยชีวิตพวกเรา อีกทั้งก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ติงเตี่ยนก็เคยมาหาข้า บอกให้ข้ามาขอบคุณท่านแทนเขาด้วย…
…บนตัวข้าไม่มีของล้ำค่าอย่างอื่นแล้ว มีเพียงตำราลับเล่มนี้ที่นับว่าพอเป็นหน้าเป็นตาได้ หวังว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะไม่รังเกียจ”
ในที่สุดก็มาแล้ว!
ตอนแรกหลังจากสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิตแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าภารกิจระดับแปดดาวที่ให้รางวัลเพียงค่าประสบการณ์กับค่าตบะนั้นน้อยเกินไป แม้จะมีสองอย่างนี้มากพอ แต่กลับไม่คู่ควรกับรางวัลของภารกิจระดับแปดดาว ไม่คู่ควรกับรางวัลภารกิจที่ต้องวางแผนมากมายเพื่อกำจัด BOSS โหมดปกติเลเวลร้อยสามสิบ
ดังนั้น หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงจัดการปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้นเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งความสนใจไปที่ตี๋อวิ๋นและสุ่ยเซิง
เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนที่ทุกคนกำลังจะแยกจากกัน ของรางวัลชิ้นสุดท้ายก็โผล่มาแล้ว!
[คัมภีร์เทพสาดส่อง (สุดยอดวิชา) วิชากำลังภายที่ในยอดเยี่ยมล้ำลึกที่สุดในยุคนี้!]
เงื่อนไขการฝึก:
สติปัญญา 30
ค่าตระหนักรู้ 20!
แต่ที่ตี๋อวิ๋นบอกว่าบนตัวเขาไม่มีของดีอย่างอื่นแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงไม่เชื่อ
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เคยอ่านกลยุทธ์เรื่อง ‘กระบี่ใจพิสุทธิ์’ ยี่ห้ออินปู้คุยมาก่อนแล้ว ย่อมรู้ว่าบนตัวตี๋อวิ๋น นอกจาก ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ แล้วยังมีตำราลับ ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ อยู่อีกเล่ม รวมทั้งชุดไหมดำที่ล้ำค่ามากกว่าอีกหนึ่งตัว
แต่คนเราควรรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง เขาก็แค่ฆ่าปรมาจารย์ดาบโลหิตไปคนเดียวเท่านั้น ภารกิจระดับแปดดาวมอบรางวัลเป็นวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาให้หนึ่งเล่มก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะอยากได้ชุดไหมดำอีกหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บตำราลับ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เขารู้ว่าแม้การประเมินค่าที่อยู่ในข้อมูลแนะนำของตำราลับฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าเกินความจริงไปไกล อย่างมากก็เป็นเพียงการเล่นคำเท่านั้น
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงไหน
แน่นอนว่าเป็นคำว่า ‘ของยุคนี้’
ในตำราลับทักษะยุทธ์โดยทั่วไป หากเอ่ยถึงวลีนี้ ก็ไม่ได้หมายถึงโลกอันกว้างใหญ่ของทั้งเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แต่หมายถึงโลกในเนื้อเรื่องของภารกิจนั้นๆ
หากพูดจากมุมนี้ ก็แสดงว่า ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ที่เป็นวิชากำลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่อง ‘กระบี่ใจพิสุทธิ์’ ไม่มีข้อเสียแม้แต่น้อย
เพราะวิชาศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ตามที่นำมาเทียบกับ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ได้ล้วนเป็นวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘กระบี่ใจพิสุทธิ์’ ไม่ได้อยู่ใน ‘ยุคนี้’ เหมือนที่ในตำราบอก
เมื่อเห็นตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิงมีความสุขกับโลกที่มีแค่พวกเขาสองคนมาก หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้รางวัลแล้วจึงไม่อยู่ต่อเป็นก้างขวางคอ หลังจากบอกลาทั้งสอง ก็นั่งเก้าอี้บินส่วนตัวออกจากหุบเขาหิมะชายแดนทิเบตอีกครั้ง
ระหว่างที่เจ้าแดงแบกเขาออกจากขอบเขตของหุบเขาหิมะอีกครั้ง ในที่สุดประกาศระบบที่ก่อนหน้านี้ถูกระงับไว้ตลอดก็ดังขึ้นทั้งหมด
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงจากสำนักมือปราบเทพ ผู้เล่นหนึ่งดาบสามเฉือนจากสำนักดาบโลหิต ผู้เล่นฉางซิงอวี่จากสำนักอู่ตัง สังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต เจ้าสำนักรุ่นที่สี่ของสำนักดาบโลหิต BOSS เลเวล 130 แล้วที่หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต]
[เนื่องจากปรมาจารย์ดาบโลหิตเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากสังหารครั้งนี้แล้วจะไม่รีเฟรชอีก]
[หลังจากนี้ ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่มีปรมาจารย์ดาบโลหิตอีก!]
[ผู้เล่นสามคนที่เข้าร่วมการโจมตีสังหารครั้งนี้ จะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก…]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงจากสำนักมือปราบเทพ ผู้เล่นหนึ่งดาบสามเฉือนจากสำนักดาบโลหิต ผู้เล่นฉางซิงอวี่จากสำนักอู่ตังสังหารฮวาเถี่ยกั้นฉายาทวนจงผิงไร้เทียมทาน เจ้าสำนักทวนเหล็กกรงเล็บอินทรี BOSS เลเวล 125 ที่หุบเขาหิมะชายแดนทิเบตสำเร็จ]
……
[ตั้งแต่นี้ไป เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่มีฮวาเถี่ยกั้นอีก!]
……
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นหนึ่งดาบสามเฉือนจากสำนักดาบโลหิตท้าสู้ปรมาจารย์ดาบโลหิตที่เป็นเจ้าสำนักสำเร็จ สอดคล้องกับกฎ ‘ใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นมีอำนาจ’ ของสำนักดาบโลหิต ได้กลายเป็นเจ้าสำนักดาบโลหิตรุ่นที่ห้า ขณะเดียวกันก็ได้เป็นเจ้าสำนักคนแรกที่มีฐานะเป็นผู้เล่น มีขอบเขตอำนาจของเจ้าสำนัก!]
เป็นอย่างที่น้องดาบบอก หุบเขาหิมะชายแดนทิเบตแห่งนี้เป็นแผนที่เนื้อเรื่องแบบปิด เมื่อหุบเขาหิมะเปิดใช้งานอีกครั้ง ข่าวสารภายในทั้งหมดจะถูกปิดไว้ ต่อให้เป็นประกาศระบบก็ไม่อาจประกาศออกมาได้ในทันทีเช่นกัน
เยี่ยเว่ยหมิงเดาว่านี่คือสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายที่ผู้ชนะจะได้ทุกอย่างไป
สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือ ยังมี NPC สองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิง หากมีใครสักคนที่ทำได้ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ทำให้สองคนนี้ตายอยู่ในหุบเขาหิมะแห่งนี้ กำจัด NPC ที่มีชีวิตให้หมดโดยสิ้นเชิง ทำได้ถึงขั้นกลับดำเป็นขาว บิดเบือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบเขาหิมะ
พิสูจน์คำกล่าวอันเป็นสัจธรรมว่า ‘ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ’!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังแขวะในใจว่าแผนที่ของหุบเขาหิมะชายแดนทิเบตทำได้เหมือนเรื่อง ‘กระบี่ใจพิสุทธิ์’ มากเกินไป จู่ๆ กลับเห็นพิราบขาวตัวหนึ่งบินมา
[บทเรียนอันเจ็บปวดของปรมาจารย์ดาบโลหิตวางให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว แม้ข้าจะมั่นใจในความสามารถของตนเอง แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็ต้องเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ…
…มือปราบหน้าเหม็น ข้าจะกลับสำนักดาบโลหิตไปเปลี่ยนกฎสำนักก่อน ฉางซิงอวี่เองก็ยุ่งอยู่กับธุระอื่นเหมือนกัน…
…คืนนี้ที่โถงใหญ่ชั้นหนึ่งของภัตตาคารซู่เจิน เรียกสหายทุกคนมารวมตัวกันประมูลซื้ออุปกรณ์ที่เหลือสักหน่อย ส่วนเรื่องอาหาร เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง!]…หนึ่งดาบสามเฉือน
ข้อความของน้องดาบทำให้บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงเผยรอยยิ้มจางๆ
จากนั้นเขาก็ควบคุมให้เจ้าแดงบินไปที่เมืองชิงเฉิง พร้อมนำตำราลับ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ออกมา แล้วเริ่มอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียด…
……
เพื่อไม่ให้ถูกนักอ่านด่าว่าเขียนไม่จบบท ท่ามกลางอุดมการณ์ที่ลึกลับบางอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงอ่านตำราลับในมืออย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที…
[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษาตำราลับ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ตระหนักรู้วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ สำเร็จ ได้รับ ‘ค่าประสบการณ์คัมภีร์เทพสาดส่อง’ 25000 แต้ม]
[คัมภีร์เทพสาดส่อง (สุดยอดวิชา)]
วิชากำลังภายที่ในยอดเยี่ยมล้ำลึกที่สุดในยุคนี้!
เลเวล: 1 (+1)
ค่าประสบการณ์: 25000/50000
พลังชีวิตสูงสุด +2000 (+2000)
กำลังภายในสูงสุด +2000 (+2000)
ความแข็งแกร่ง +100 (+100)
พละกำลัง +100 (+100)
ท่าร่าง+100 (+100)
ความว่องไว +100 (+100)
ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตกับกำลังภายในเพิ่มขึ้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนต่อสู้ ตอนปกติ หรือตอนนั่งสมาธิ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกัน!