ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 608 ศึกเลือด 1 VS 5!
ตอนที่ 608 ศึกเลือด 1 VS 5!
ครั้นได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างดูถูก สีหน้าของศิษย์คุนหลุนคนนั้นกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่น้อย เพียงตอบอย่างใจเย็นมากกว่า “ผู้น้อยสวีหลินยวนจากคุนหลุน หวังว่าสหายเยี่ยจะพยายามเต็มที่ตอนลงมือ ให้ข้าได้เห็นความแตกต่างระหว่างข้ากับยอดฝีมือที่แท้จริงสักหน่อย”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เลิกทำสีหน้าไม่แยแสทันที เปลี่ยนมาเป็นพยักหน้าให้อีกฝ่ายอย่างจริงจัง
ไม่ว่าศักยภาพของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร แต่ดูจากท่าทีไม่แยแสต่อคำชมหรือคำดูถูก ก็ควรค่าที่จะได้รับความเคารพขั้นพื้นฐานจากเขาแล้ว!
ชวิ้ง! หลังจากยืนยันชื่อแซ่ของทุกคนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ชักกระบี่ออกจากฝัก แล้วมองทุกคนด้วยสายตาสุขุมเยือกเย็น “ทุกท่าน เชิญเข้ามาได้เลย”
“ช้าก่อน” เลี้ยงบาสลงห่วงในฐานะผู้ริเริ่มเรื่องนี้ ตอนนี้กลับเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราต้องปรึกษากลยุทธ์กันสักหน่อย”
“ได้เลย”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่อย่างสบายใจมาก ทว่ากลับถลาตัวไปอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายทันที ใช้กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงชี้จากฝั่งล่างขวาขึ้นด้านบน จ่อไปที่คอหอยของเลี้ยงบาสลงห่วง
“พวกเจ้าปรึกษากันไป ส่วนข้าจะโจมตี พวกเราไม่รบกวนกันและกัน”
การลงมือของเยี่ยเว่ยหมิงจะกล่าวว่าไม่กะทันหันก็ไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่พวกซื่อสัตย์เปี่ยมคุณธรรมอะไรอยู่แล้ว ป้องกันเขามาตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงลงมือปุบปับ ก็ยื่นกระบี่ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน โจมตีถูกบนคมกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงพอดี
แกร๊ง!
หลังจากเสียงอาวุธกระทบกันเบาๆ เรื่องราวเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นแล้ว
เมื่ออาวุธสั้นปะทะกันครั้งนี้ นอกจากเลี้ยงบาสลงห่วงจะไม่สะเทือนถอยหลังตามที่คาดไว้แล้ว กลับสู้กับเยี่ยเว่ยหมิงได้อย่างสูสี!
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ก็ไม่ได้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจแต่อย่างใด แต่กลับทำให้เลี้ยงบาสลงห่วงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
เพราะตอนที่เขาแทงท่าทลายกระบี่ออกมา เดิมทีก็ต้องการรุกเพื่อถอยอยู่แล้ว จะอาศัยแรงส่งจากกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงเพื่อดึงระยะห่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยไปวางแผนรับมือ
ทว่าตอนที่กระบี่สองเล่มปะทะกัน เขาถึงได้ตระหนกเพราะค้นพบว่ากระบี่ที่มองเผินๆ เหมือนดุร้ายสุดขีดของเยี่ยเว่ยหมิง แท้จริงแล้วเป็นเพียงการสร้างภาพเท่านั้น ไม่ได้มีพลังอย่างที่เห็นภายนอกแม้แต่ครึ่งเดียว!
เรื่องไม่คาดคิดนี้ทำให้แผนการอาศัยแรงส่งของเขาล้มเหลว นอกจากจะไม่ได้รับแรงส่งจากอีกฝ่ายแม้แต่ครึ่งเดียวแล้ว ความรู้สึกผิดพลาดแบบนั้นก็ทำให้เขาทุกข์ใจจนแทบกระอักเลือด!
ซึ่งตอนที่เลี้ยงบาสลงห่วงตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดเพราะการอาศัยแรงส่งล้มเหลว เยี่ยเว่ยหมิงกลับใช้มือซ้ายวาดวงกลมวางหนึ่ง จากนั้นผลักฝ่ามือออกมาอย่างไม่รีบร้อน
มังกรผยองได้สำนึก!
เลี้ยงบาสลงห่วงเห็นแล้วตกใจมาก ในฐานะยอดฝีมือวิชากระบี่ที่เรียน ‘เก้ากระบี่เดียวดายขาดหกกระบี่’ มา สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของเยี่ยเว่ยหมิง!
เขาสาบานในใจเงียบๆ ว่าหลังจากกลับไปจะเร่งทำภารกิจเพื่อเรียน ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ให้ครบแน่นอน ขณะเดียวกันก็แข็งใจกวาดกระบี่ออกมารับฝ่ามือที่โจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันของเยี่ยเว่ยหมิง
บนแก้มของเขาปรากฎสีม่วง แสดงว่าตอนนี้เขาใช้แรงเต็มที่แเล้ว
กรรร!
บึ้ม!
-11031
เกิดเสียงมังกรคำรามหนึ่งครั้ง เสียงระเบิดหนึ่งครั้ง
หลังจากเกิดดาเมจบดขยี้ห้าหลัก เลี้ยงบาสลงห่วงที่ถูกโจมตีจนเกิดดาเมจนี้ก็ยังอาศัยแรงส่งจากกระบี่ของเขาไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียว!
ถึงอย่างไร ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ก็เป็นสุดยอดวิชาบู๊ลิ้ม ปล่อยได้เก็บได้ตามวิธีการของผู้เล่น ไม่เพียงแค่โจมตีให้ไม้ครึ่งท่อนกระเด็นออกไปได้ ทั้งยังทำให้เนื้อเยื่อภายในของต้นไม้สะเทือนแตกกระจายโดยที่ต้นไม้ยังตั้งตรงไม่สั่นไหวได้ด้วย!
เลี้ยงบาสลงห่วงอาศัยแรงส่งไม่สำเร็จอีกแล้ว แม้จะยังอาศัยวิชาตัวเบาถอยออกมาได้ทันที แต่เมื่อไม่มีแรงสะท้อนคอยเสริม ความเร็วตอนถอยก็ยังช้ากว่าที่คาดไว้มาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยความได้เปรียบของค่าสเตตัสท่าร่างไล่ตามทันแล้ว ฝ่ามือซ้ายมีเสียงมังกรคำรามดังแว่วขึ้นอีกครั้ง
ทว่ายังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงปล่อยพลังฝ่ามือที่รวบรวมไว้ออกมา กำลังเสริมของเลี้ยงบาสลงห่วงกลับมาถึงก่อนแล้ว
ผู้ที่ลงมือก็คือเครื่องสังหารรุ่นสามพันนั่นเอง!
เมื่อเห็นว่าเพียงชั่วพบหน้ากันเลี้ยงบาสลงห่วงก็เสียเปรียบมากทันที ศิษย์เอกเอ๋อเหมยคนนี้ก็อดลงมือไม่ได้ เห็นกระบี่ยาวหนาหนักในมือเขาทั้งแทงทั้งฟัน ชั่วพริบตาเดียวก็โจมตีเยี่ยเว่ยหมิงไปเจ็ดกระบี่แล้ว แต่ละกระบี่ที่โจมตีออกมามีทั้งแข็งกร้าวและอ่อนโยนปนกัน แต่กลับมอานุภาพน่าทึ่ง แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ลมแรงที่เกิดจากคมกระบี่ก็ยังทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเจ็บผิวกายได้ 艾琳小說
ช่างเป็นเคล็ดกระบี่ที่ร้ายกาจ!
เกรงว่าอย่างน้อยก็มีอานุภาพของสุดยอดวิชาฉบับไม่สมบูรณ์แล้ว!
จะว่าไป สำนักเอ๋อเหมยยังมีเคล็ดกระบี่ที่ร้ายกาจระดับนี้อยู่ด้วยหรือ
รู้อยู่แก่ใจว่าหากตนพัวพันสู้อยู่กับเลี้ยงบาสลงห่วงต่อไป เครื่องสังหารรุ่นสามพันจะต้องล้อมโจมตีเข้ามาข้างหลังก่อนที่ตนจะกำจัดเลี้ยงบาสลงห่วงได้แน่นอน ถึงตอนนั้นตนก็จะต้องรับมือกับการโจมตีขนาบหน้าหลังของยอดฝีมือที่มีสุดยอดวิชาสองคน
หากมีแค่สองคนก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เขากลับไม่เชื่อว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น ศัตรูที่เหลืออีกสามคนจะยืนดูเฉยๆ!
แม้จะไม่เต็มใจ แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะสังหารเลี้ยงบาสลงห่วง
ราวกับเดาแผนการของเยี่ยเว่ยหมิงได้ เลี้ยงบาสลงห่วงกระตุ้นกำลังภายใน ‘ลมปราณเมฆม่วง’ ให้ถึงจุดสูงสุดทันที ใบหน้าขาวหมดจดเปลี่ยนเป็นสีม่วงเหมือนตับหมู ขณะเดียวกันกระบี่ในมือก็ส่งเสียงคำรามแหลมเล็กและแทงตรงไปทางหัวใจของเยี่ยเว่ยหมิง
เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าเยี่ยเว่ยหมิงร้ายกาจ ย่อมไม่หวังอยู่แล้วว่ากระบี่นี้จะทำอะไรเยี่ยเว่ยหมิงได้จริงๆ แต่อย่างน้อยก็ต้องถ่วงแข้งถ่วงขาเยี่ยเว่ยหมิงไว้ ร่วมมือกับเครื่องสังหารรุ่นสามพันเพื่อขังเขาไว้ในตาข่ายกระบี่!
“ตายซะ!”
สำหรับการตอบโต้อันดุเดือดของเลี้ยงบาสลงห่วง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเผยสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นมือซ้ายที่เตรียม ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ไว้นานแล้วก็ปล่อยพลังออกมารับมือกับกระบี่ที่โจมตีสุดกำลังของฝ่ายตรงข้ามทันที
บึ้ม!
หากจะบอกว่า ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่ใช้ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงใช้พลังแบบ ‘เก็บ’ เช่นนั้นครั้งนี้ก็เป็นการใช้พลังแบบ ‘ปล่อย’ แล้ว โจมตีจนเกิดผลลัพธ์คล้ายกับ ‘เป่าบิน’
เมื่อพลังฝ่ามือรูปมังกรบินออกจากมือ เลี้ยงบาสลงห่วงก็กระเด็นถอยหลังพร้อมกระบี่ แม้ดาเมจบดขยี้จะเบากว่าครั้งก่อนเล็กน้อย แต่แผนการของเขาที่จะถ่วงแข้งถ่วงขาเยี่ยเว่ยหมิงกลับพังไม่เป็นท่าแล้ว
หากพูดถึงกลยุทธ์ วิธีการของเลี้ยงบาสลงห่วงไม่มีปัญหาใดเลยจริงๆ
แต่ยามเผชิญหน้ากับศักยภาพที่แท้จริง เขากลับไร้ความสามารถที่จะนำกลยุทธ์มาใช้กับเป้าหมายให้เกิดผลได้จริง!
หลังจากใช้หนึ่งฝ่ามือโจมตีเลี้ยงบาสลงห่วงจนถอยได้แล้ว การโจมตีของเครื่องสังหารรุ่นสามพันก็มาถึงตรงหน้าเขาพอดี เมื่อเห็นว่าเก็บกระบี่เพื่อรับมือกับการโจมตีไม่ทัน เขาก็พลันเอนตัวไปข้างหลัง พร้อมแทงกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงลงกลางอิฐที่อยู่ใต้เท้า เปลี่ยนศูนย์กลางแรงค้ำจากสองเท้าไปเป็นบนตัวกระบี่
ท่ากระเพื่อมกระบี่!
เพราะมองออกว่าเคล็ดกระบี่ที่อีกฝ่ายใช้นั้นร้ายกาจ เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ลังเลที่จะเลิกประลองกระบวนท่ากับอีกฝ่ายในขณะที่ตนเองเสียโอกาสลงมือก่อนไปแล้ว เขาอาศัย ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ เพื่อเปลี่ยนแปลงท่าร่าง หนีออกจากขอบเขตเคล็ดกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างหวุดหวิด
ขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกโชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ชำนาญกระบวนท่านี้ ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้แม้เขาจะถอนตัวทัน แต่เกรงว่าคงมีราคาต้องจ่ายเช่นกัน!
เคล็ดกระบี่ของเลี้ยงบาสลงห่วงกับเครื่องสังหารรุ่นสามพันล้วนร้ายกาจไม่ธรรมดา แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่อยากเพ่งความสนใจไปที่ตัวพวกเขามากกว่านี้
เพราะตอนที่เขากำลังใช้ท่าร่าง ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ หนีออกจากขอบเขตการโจมตีของเครื่องสังหารรุ่นสามพัน เงาร่างอีกสองร่างก็ย้ายมาทางเขาพร้อมกันแล้ว