ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 61 นางคือนักกังฟู
ตอนที่ 61 นางคือนักกังฟู?
ตรงฝั่งตะวันตกของเมืองฝูโจวมีป่าไผ่ผืนหนึ่ง พืชพรรณในป่าเขียวชอุ่ม ทิวทัศน์ไม่ถือว่างดงามสักเท่าไรนัก แต่ในป่ากลับเผยพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุดโดยธรรมชาติ
โช้ง! เช้ง! โช้ง…
ในป่าไผ่มีเสียงอาวุธกระทบกันถี่ๆ เป็นจังหวะดังออกมาเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดเฟยอวี๋กำลังถือกระบี่ชิงจู๋โจมตีลูกธนูหน้าไม้ที่ยิงเข้ามาจากองศาที่คาดเดาไม่ได้
ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที คู่ต่อสู้ของเขาก็ยิงลูกธนูหน้าไม้หลายร้อยดอกเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่กลับไม่มีดอกไหนฝ่าวงล้อมกระบี่สามฉื่อรอบกายเขาได้เลยสักคน
“ไม่สู้แล้ว!”
หลังจากลูกธนูหน้าไม้ชุดละหกดอกที่ยิงเข้ามาถูกดีดออกนับครั้งไม่ถ้วน โหยวโหยวก็เติมกระสุนที่เป็นลูกธนูหน้าไปอย่างใจเย็น พลางบอกว่า “ข้าไม่ใช่คู่ของสู้ของเจ้าตั้งนานแล้ว แต่เจ้าก็ดึงดันจะประลอง แต่สิ่งนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าศักยภาพของเจ้าก้าวหน้ากว่าตอนแรกเยอะมาก ทำให้คนต้องมองด้วยสายตาใหม่จริงๆ”
“ที่จริงเจ้าก็ก้าวหน้ามากเหมือนกัน” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวตามความจริง “ตัวเจ้าในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลัง ความเร็ว หรือความแม่นยำของลูกธนูหน้าไม้ ก็ล้วนก้าวหน้าจากเมื่อก่อนมาก”
“และถ้าจะให้ข้าเดา เจ้ายังมีทักษะอื่นที่ยังไม่ได้แสดงให้เห็นอีกแน่นอน”
“เจ้าเดาออกด้วยหรือ” โหยวโหยวได้ยินแล้วอึ้ง
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะก่อนหน้านี้เจ้าแสดงทักษะหลายอย่าง แต่ไม่มีอะไรสอดคล้องกับรางวัลภารกิจระดับห้าดาวเลย”
ก่อนหน้านี้ กล่าวได้ว่าโหยวโหยวต้องเสี่ยงอันตรายที่สุด ถึงทำภารกิจ ‘หน้าไม้เทพจูเก๋อ’ สำเร็จ หากรางวัลเป็นเพียงสิ่งที่นางเพิ่งแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ เช่นนั้นสำนักถังซานก็หลอกลวงกันเกินไปแล้ว
ครั้งนี้โหยวโหยวใช้เวลาเติมลูกธนูหน้าไม้นานกว่าเมื่อก่อน หลังจากผ่านไปสี่วินาทีถึงได้เติมเสร็จ “ที่จริงหลังจากบอกลากันครั้งก่อน ผลประโยชน์ที่ข้าได้รับมากที่สุดก็คือ ได้ฝึกทักษะ ‘วิชาชุบพิษ’ ระดับกลางของสำนักล่วงหน้า ต้องใช้เวลาหนึ่งวินาทีเพื่อชุบพิษให้อาวุธลับ จากนั้นตอนยิงลูกธนูหน้าไม้ออกไปก็จะติดดาเมจธาตุพิษ”
“เพียงแต่ถ้าจะทำให้เป้าหมายโดนพิษ ก็ต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ก่อนว่าจะยิงถูกเป้าหมายหรือเปล่า ในการประลองก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าข้าทำไม่ได้”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าแล้วหันไปมองคนอื่นๆ
ตอนนี้ฝ่ามืออัสนีบาตของซานเย่ว์กำลังฝึกได้ดีในระดับหนึ่ง ตอนลงมือน่าทึ่งมาก กอปรกับเสียงพึมพำในปาก ก็ยิ่งแยกแยะจริงเท็จได้ยาก อานุภาพไม่ธรรมดาเลย อาศัยแค่เคล็ดฝ่ามือชุดนี้ นางก็รับวิชากระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงได้เจ็ดกระบวนท่า
โหยวโหยวเป็นคนที่สองที่ลงมือ เป็นการประลองอย่างมีมิตรภาพเช่นกัน เมื่อครู่เพิ่งประลองจบไป
เมื่อผ่านสองสาวไปแล้ว สายตาเยี่ยเว่ยหมิงก็ไปหยุดอยู่บนตัวถังซานไฉ่ อีกฝ่ายรีบโบกมือ “พวกเราไม่ต้องประลองแล้วกระมัง เมื่อวานเพิ่งจะร่วมมือกันต่อสู้เอง ศักยภาพของข้าตอนนี้ มีแค่ความว่องไวเพิ่มยี่สิบแต้ม กับท่าร่างเพิ่มสิบแต้มเท่านั้น ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่แล้ว”
ดูท่าแล้วโบนัสสเตตัสของวิชาห่านทองจะคล้ายกับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เพียงแต่ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นไม่เหมือนกัน เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวเฟยอวี๋ที่ดูชอบหาเรื่องทะเลาะที่สุด
เมื่อเห็นสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ก็ชักกระบี่ยาวออกมาทันที “แม้จะรู้ว่าเจ้าเก่งกาจ แต่ข้าก็ยังอยากจะลองเอาชนะเจ้าดูสักหน่อย เลิกใช้เคล็ดกระบี่ป้องกันชุดนั้นของเจ้าได้แล้ว พวกเรามาสู้กันอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า ดูว่าศักยภาพใครจะเหนือกว่า!”
“ได้!”
เมื่อพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เปลืองน้ำลายแล้ว แสดงสกิล ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เพิ่งเรียนรู้ออกมา ชิงโจมตีก่อนแล้ว
ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ทักษะยุทธ์ทุกวิชาที่ผู้เล่นมี ถึงขั้นเวลาอัปเลเวลทักษะยุทธ์บางวิชา ก็ล้วนมีการตระหนักรู้เกิดขึ้นมากมาย ความรู้สึกตระหนักรู้พวกนี้ จะว่าไปแล้วก็ดูลี้ลับ เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าระบบจะกรอกความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับทักษะยุทธ์เข้าไปในสมองผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อคลื่นสมองในแคปซูลถนอมร่างกาย
ก็เหมือนกับตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ สู้กับศัตรูเป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนเป็นยอดฝีมือที่ฝึกมาหลายปี ส่วนสถานการณ์ของเฟยอวี๋ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน
เคล็ดวิชาดาบที่เฟยอวี๋ใช้นั้นเลเวลไม่ต่ำ ฝึกเคล็ดวิชาดาบนี้ได้ในระดับดีพอสมควร แต่ช่วยไม่ได้ที่ศักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงเติบโตขึ้นทุกด้าน แม้จะไม่ได้มีความได้เปรียบด้านกระบวนท่า แต่ความได้เปรียบด้านค่าสเตตัสกลับบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้เลย
ถ้าแข่งเรื่องพละกำลัง เยี่ยเว่ยหมิงเหนือกว่า!
ถ้าแข่งเรื่องความเร็ว เยี่ยเว่ยหมิงเร็วกว่า!
ทุกครั้งที่อาวุธกระทบกัน คมกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงจะสะเทือนไปครึ่งชุ่น ส่วนดาบของเฟยอวี๋ก็พังไปครึ่งฉื่อ!
แบบนี้ใครจะไปรับไหว
หลังจากดันทุรังรับมือกับเยี่ยเว่ยหมิงแปดกระบวนท่า เฟยอวี๋ก็ถูกบีบจนเกิดช่องโหว่มากมาย กระบวนท่าที่เก้าต่อนจากนั้น กระบี่ชิงจู๋ของเยี่ยเว่ยหมิงก็มาจ่ออยู่ตรงคอของเขาแล้ว
ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!
พอชักกระบี่กลับมา เยี่ยเว่ยหมิงก็แสดงความเห็นเหมือนก่อนหน้านี้ “เคล็ดวิชาดาบของเจ้ามีกระบวนท่าอัศจรรย์มาก อานุภาพไม่ธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะข้าได้เปรียบด้านค่าสเตตัส หากอยากเอาชนะเจ้าก็คงไม่ง่าย”
แม้ภายนอกเฟยอวี๋จะดูเหมือนไม่พอใจมากมาตลอด แต่หลังจากเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้กล่าวเยาะเย้ย กลับอธิบายแทนเขาอย่างไว้หน้ามากด้วยซ้ำ
แต่คำอธิบายพวกนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในหูของเฟยอวี๋ กลับเสียดแทงหูเป็นพิเศษ
เนื่องจากสาเหตุบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ นั่นก็เพราะเขาให้ความสำคัญกับคำเรียกศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ หรือไม่ก็ตำแหน่งผู้นำท่ามกลางผู้เล่นของสำนักมือปราบเทพมาก ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งที่สอง เฟยอวี๋ก็แสดงออกถึงความเย่อหยิ่งต่างจากตอนที่เจอกันครั้งแรกมาก
ถึงขั้นเป็นฝ่ายท้าทายเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ก่อน
ความคิดของเขาก็เหมือนกลยุทธ์การบริหารคนในองค์กรแบบทั้งให้รางวัลและลงโทษ โจมตีคู่ต่อสู้สองคนนี้ให้ยอมจำนนก่อน แย่งตำแหน่งผู้นำภารกิจครั้งนี้มาไว้ในมือ จากนั้นในระหว่างทำภารกิจค่อยให้พวกเขารับผลประโยชน์ไปบางส่วน ให้พวกเขาได้รู้ว่าหากทำงานร่วมกับเขา ก็จะได้กินดีอยู่ดี
ไปๆ มาๆ ตำแหน่งของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างนี้แล้ว
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขานึกไม่ถึงก็คือ แผนการของเขาเพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่ก็ต้องประกาศล้มเลิกอย่างนี้แล้ว
เฟยอวี๋แสดงความเจ้าเล่ห์โดยการแข่งเรื่องข้อมูล อีกฝ่ายจึงนำข้อมูลเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับภารกิจออกมาเสียเลย
และในการประลองศักยภาพที่แท้จริงโดยอาวุธจริง ก็ถูกอีกฝ่ายบดขยี้ด้านค่าสเตตัสทุกด้านเลย!
ตอนนี้พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงใช้น้ำเสียงเหมือนอาจารย์ชี้แนะลูกศิษย์ ก็ไม่ต้องพูดถึงความกลัดกลุ้มในใจเฟยอวี๋เลย แต่เขาก็ดันทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้อีก
อย่างไรเสีย ยุทธภพก็คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้เป็นใหญ่
คนอ่อนแอไม่มีอำนาจ
สำหรับการสั่งสอนจากเยี่ยเว่ยหมิง เขาทำได้เพียงฟังอย่างว่านอนสอนง่าย!
เมื่อจัดการเฟยอวี๋ได้แล้ว สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไปหยุดอยู่บนตัวเทพธิดาน้อยที่ซานเย่ว์พามาด้วยกัน เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากอีกฝ่ายได้เห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว ก็จะเป็นฝ่ายยอมแพ้เหมือนถังซานไฉ่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าน้องสาวคนนี้จะชักกระบี่ออกมาอย่างองอาจห้าวหาญ หลังจากตวัดดอกกระบี่อย่างสบายมือ ก็พลิกมือกุมด้ามกระบี่ไว้ ขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายกดไว้บนมือขวาที่กุมกระบี่ กุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “พี่ใหญ่เยี่ยได้โปรดชี้แนะ”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงตอบอะไร ปลายเท้าพลันแตะพื้น ตัวเดินไปตามกระบี่ พุ่งกระบี่ไปจ่อคอหอยของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างสง่างาม
มาได้ดี!
เยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจจะฝึกเคล็ดกระบี่ฉวนเจินสักหน่อย จึงส่งท่า ‘กางใบเรือ’ ออกไป แต่กลับคาดไม่ถึงว่าสาวน้อยสะพานสวรรค์คริสตัลจะบิดเอวอ่อนช้อย พลันกดกระบี่ในมือให้ต่ำลง ไม่น่าเชื่อว่าขณะที่หลบคมกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง ก็แทงกระบี่เล่มหนึ่งลงมาที่ใต้รักแร้ของเขาด้วย
ท่านี้ของนางยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ ตอนที่ได้เห็นอีกฝ่ายออกกระบวนท่า คำว่า ‘กางใบเรือ’ ที่ปรากฏในหัวเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนไป แต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดสามารถต้านการแทงแนวตรงที่ดูเหมือนเรียบง่ายธรรมดาของนางได้เลย!
เป็นพลังสายตาที่น่าทึ่งมาก เป็นท่ากระบี่ที่ร้ายกาจมาก!
อย่าบอกนะว่าสาวน้อยที่มีออร่าเทพเซียนเต็มเปี่ยมคนนี้ จะเป็นนักกังฟูตามตำนานในชีวิตจริง