ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 623 ประลองยุทธ์เลือกคู่หวงหรงคัพครั้งที่สอง
ตอนที่ 623 ประลองยุทธ์เลือกคู่หวงหรงคัพครั้งที่สอง
[ติ๊ง! คุณพบภารกิจลับ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’]
[ประลองยุทธ์เลือกคู่]
ในฐานะผู้สืบทอดวิชาของราชันทักษิณอี้เติงไต้ซือ เข้าร่วมสังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ที่เกาะดอกท้อจัดขึ้น คว้าชัยชนะและช่วยชีวิตเฒ่าทารกโจวปั๋วทงออกมา
ระดับภารกิจ: 7 ดาว
รางวัลภารกิจ: ตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ 1 เล่ม (หมายเหตุ: เนื่องจากเป็นภารกิจพิเศษ รางวัลภารกิจจะแจกล่วงหน้า แต่หากคุณทำตามเงื่อนไขข้อสุดท้ายของภารกิจไม่ได้ หลังจากภารกิจจบลง ตำราลับหรือทักษะที่เกี่ยวข้องจะหายไป)
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ไม่มี
จะรับภารกิจหรือไม่?
รับ/ปฏิเสธ
แจกรางวัลภารกิจล่วงหน้า!
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ
หลังจากเห็นภารกิจนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ฮึกเหิมทันที
ไม่มีอะไรต้องพูด เลือกรับรางวัลภารกิจก่อน
[ติ๊ง! คุณรับรางวัลภารกิจ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ แล้ว รับรางวัลภารกิจล่วงหน้า: ตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ×1!]
[ดรรชนีเอกสุริยัน (ระดับสูง)] วิทยายุทธ์เฉพาะของสกุลต้วนต้าหลี่ จี้สกัดจุดได้อย่างเหนือชั้น ทั้งยังโจมตีผ่านอากาศได้
เงื่อนไขการฝึก:
ความแข็งแกร่ง 100
พละกำลัง 100
ค่าตระหนักรู้: 30
เมื่อรับภารกิจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ในเมื่อข้ารับภารกิจแล้ว อี้เติงไต้ซือก็วางใจได้เลย เรื่องช่วยเฒ่าทารกออกมา ข้ารับผิดชอบเอง”
อี้เติงพยักหน้า จากนั้นหันตัวมาพูดกับสะพานสวรรค์น้อยอีก “เพื่อเพิ่มโอกาสชนะครั้งนี้ ข้าแนะนำให้พาแม่นางสะพานสวรรค์น้อยไปด้วย แม้จะใช้ฐานะผู้สืบทอดวิชาของข้าเข้าร่วมการประลองไม่ได้ แต่คิดหาวิธีอื่นดูได้ เจ้ารับภารกิจจากอิ๋งกูสิ รางวัลภารกิจคือ ‘พลังปลาไหล’ ของนาง จะได้รับรางวัลภารกิจตอนนี้เหมือนจอมยุทธ์น้อยเยี่ย เป็นอย่างไร”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วส่ายหน้าทันที “ข้าอยากเรียนวิชาคำนวณเบญจธาตุ วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย!”
“ก็ได้!” เมื่อได้ยินว่าช่วยโจวปั๋วทงออกมาได้ อิ๋งกูก็รู้สึกปลอดโปร่งมาก มอบตำราลับ ‘วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ ให้สะพานสวรรค์น้อยทันที จากนั้นบอกว่า “แต่พวกเราขอพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน หากพวกเจ้าสองคนช่วยโจวปั๋วทงออกมาได้ ทุกอย่างก็คุยกันได้…
…แต่ถ้าช่วยออกมาไม่ได้ ตำราลับเล่มนี้ไม่ว่าเจ้าจะนำมันไปวางไว้ที่ไหน มันก็จะหายไปเองหลังจากภารกิจล้มเหลว ต่อให้เรียนกลายเป็นทักษะของเจ้าแล้ว แต่ก็จะหายไปจากคอลัมน์ทักษะอยู่ดี”
“ไม่มีปัญหา” สะพานสวรรค์น้อยตอบพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเชื่อว่าจะทำภารกิจสำเร็จ”
อิ๋งกูพยักหน้าแล้วแจกภารกิจให้นาง
แต่สะพานสวรรค์น้อยหลังจากรับภารกิจมาแล้ว กลับหน้าเปลี่ยนสีทันที “การแลกเปลี่ยนนี้! ทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
อิ๋งกูยิ้มอย่างลำพองใจ “ตามกติกาที่ข้าตั้งไว้ก่อนหน้านี้ หากเจ้าขายตำราลับออกไป เช่นนั้นความเสี่ยงนี้ก็จะไปตกอยู่กับคนอื่น จะมีเรื่องให้เจ้าเอาเปรียบขนาดนั้นได้อย่างไร”
…คิดจะสู้กับข้า เจ้ายังเด็กน้อยเกินไป!”
“เช่นนั้นก็ได้”
สะพานสวรรค์น้อยเก็บตำราลับอย่างจนใจ แล้วส่งข้อความในช่องทีมทันที [น้องดาบ รอให้ภารกิจนี้จบแล้ว ตอนเจ้าจะฆ่าแม่หม้ายจอมอาฆาตคนนี้ อย่าลืมเรียกข้าไปร่วมด้วยล่ะ]
น้องดาบ [ไม่มีปัญหา!]
พอพูดจบ น้องดาบก็กะพริบดวงวตากลมโต มองไปทางอี้เติง
อี้เติงประนมมือสองข้าง แล้วกล่าวอย่างสง่าภูมิฐาน “ในเมื่อพวกโยมรับภารกิจแล้ว เช่นนั้นทั้งสองก็รีบออกเดินทางเถิด จะได้ไม่เสียเวลา หากภารกิจล้มเหลวคงไม่ดี”
น้องดาบเห็นสถานการณ์แล้วร้อนรนมาก “พวกเขาสองคนรับภารกิจแล้ว แล้วข้าล่ะ ข้าคือเจ้าสำนักคนที่ห้าของสำนักดาบโลหิตนะ ท่านจะเลือกปฏิบัติแบบนี้ไม่ได้สิ! ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นชาวพุทธเหมือนกัน ท่านทำอย่างนี้เกินไปหรือเปล่า!”
อี้เติงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ขออภัย โยมท่านนี้ไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติที่อาตมาจะมอบหมายภารกิจให้ ดังนั้น อาตมาทำได้เพียงขออภัย”
“เพราะอะไร” น้องดาบถาม
อี้เติงอธิบาย “ค่าวีรบุรุษของโยมต่ำเกินไป” เขาชะงักเล็กน้อยก่อนกล่าวเสริม “พวกห้ายอดฝีมือใต้หล้ายามแจกภารกิจจะมีมาตรฐานแตกต่างกัน…
…ซึ่งมาตรฐานในการแจกภารกิจของอาตมากับยาจกอุดรหงชีกงไม่ต่างกันมาก ล้วนต้องมีค่าวีรบุรุษขั้นต่ำ…
…หากโยมสนใจภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ขนาดนั้น ก็ลองไปเสี่ยงโชคที่พิษประจิมโอวหยางเฟิงได้”
“พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าเป็นคนชั่วร้าย” หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงสรุปแทนอี้เติงก็ส่งคำขอซื้อขายให้น้องดาบทันที พร้อมคุยผ่านข้อความส่วนตัว [นี่คือจดหมายเชิญเข้าสำนักมือปราบเทพ เจ้านำไปให้หวงโส่วจุนที่สำนักมือปราบเทพ เจ้าจะได้รับแบบทดสอบเพื่อเข้าสำนัก แต่จำไว้ว่าต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ให้คนนอกรู้ มิฉะนั้นจะถูกหักคะแนน!]
หลังจากรับคำสั่งรับคนตัวอักษร ‘ผี’ มาแล้ว น้องดาบก็ย่อมได้รับแจ้งเตือนจากภารกิจที่เกี่ยวข้อง นางส่งสัญญาณมือ ‘OK’ ให้เยี่ยเว่ยหมิงทันที แล้วบอกว่า [ไม่มีปัญหา หลังจากนี้เราก็จะได้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักกันแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวด้วย]
เยี่ยเว่ยหมิงอดเตือนไม่ได้ [เจ้ายังไม่ทันผ่านบททดสอบเลยนะ!]
[เรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว!]
……
ทั้งสามออกจากสระมังกรดำด้วยกัน จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เมืองเหิงหยางแล้วกล่าวอำลากันตรงจุดพักม้าเมืองเหิงหยาง
เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยย่อมต้องไปเมืองเฉวียนโจว จากนั้นก็ขึ้นเรือไปเกาะดอกท้อ
แต่น้องดาบกลับไม่ไปรับบททดสอบจากหวงโส่วจุนที่เมืองหลวงทันที
เพราะตอนนี้นางยังอยู่ในฐานะรักษาการณ์เจ้าสำนักดาบโลหิตคนที่ห้า ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขการเข้าเป็นศิษย์สำนักมือปราบเทพ นางต้องรีบใช้สวัสดิการของเจ้าสำนักฝึก ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ ให้ถึงระดับสมบูรณ์ จากนั้นส่งงานรักษาการณ์ต่อให้เจ้าสำนักคนที่หก ถึงจะอยู่ในฐานะจอมยุทธ์ไร้สังกัด แล้วค่อยไปช่วงชิงตำแหน่งศิษย์คนที่สี่ของสำนักมือปราบเทพ
ขณะที่น้องดาบไปทำภารกิจและฆ่า BOSS ต่ออย่างบ้าคลั่งนั้น เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกส่งตัวมายังเมืองเฉวียนโจวผ่านจุดพักม้า แล้วกลับพบปัญหายุ่งยาก
เนื่องจากทั้งเมืองเฉวียนโจว ไม่มีเรือที่จะไปยังเกาะดอกท้อเลย!
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ สะพานสวรรค์น้อยถามเยี่ยเว่ยหมิงอย่างจนใจมาก “ตอนนี้ไม่มีเรื่องไปเกาะดอกท้อเลย พี่ใหญ่เยี่ย พวกเราจะทำอย่างไรดี”
“หึหึ!” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหัวเราะเบาๆ “ข้าคิดมาตลอด ว่าบททดสอบของการประลองยุทธ์เลือกคู่จะเริ่มขึ้นหลังจากไปถึงเกาะดอกท้อแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าบททดสอบด่านแรกจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่นี่…
…เกรงว่าผู้เข้าร่วมประลองคนอื่นๆ ก็เผชิญปัญหาเดียวกับพวกเราเช่นกัน ต้องหาทางไปถึงเกาะดอกท้อให้ได้ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่ในตอนหลัง”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนถามว่า “ดูจากท่าทางที่มั่นใจเต็มเปี่ยมของเจ้า แสดงว่าพบเบาะแสภารกิจนี้แล้วสินะ”
“เปล่าหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเรียกเจ้าแดงกับเก้าอินบินคู่ออกมาทันที “แต่พวกเราก็จำเป็นต้องทำภารกิจลับอะไรนั่นเช่นกัน…
…ใครบอกว่าต้องนั่งเรือไปเกาะดอกท้อเสมอไป…
…หลังจากพวกเราได้รับภารกิจแล้ว แผนที่ของเกาะดอกท้อก็จะสว่างขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าระบบก็สนับสนุนพาหนะที่ผู้เล่นประดิษฐ์ใช้เองเช่นกัน”
ขณะที่พูด เขาก็เรียกให้สะพานสวรรค์น้อยนั่งบนเก้าอี้ฝั่งขวา จากนั้นควบคุมให้เจ้าแดงขยุ้มพนักเก้าอี้ทะยานขึ้นฟ้าแล้วบินตรงไปทางเกาะดอกท้อ
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของสะพานสวรรค์น้อยตอนนั่งเก้าอี้บินครั้งแรก เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ จากนั้นนำตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ออกมา เขาเปิดอ่านไปพลางๆ ระหว่างเดินทาง