ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 627 สหายเก่าพบกัน ชักกระบี่ง้างธนู
ตอนที่ 627 สหายเก่าพบกัน ชักกระบี่ง้างธนู
เมื่อเห็นค่ายกลดอกท้อปิดอีกครั้ง เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็หน้าเหวอไปเลย!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็หน้าเหวอเช่นกัน!
เพราะตอนที่ค่ายกลใหญ่ดอกท้อเพิ่งปิดเมื่อครู่นี้ บนเส้นทางที่เขากับสะพานสวรรค์น้อยยืนอยู่ก็ถูกคลุมด้วยต้นท้อเช่นกัน
แต่ถึงอย่างไรหวงเย่าซือก็เป็นคนมีศักดิ์ศรีที่พูดจริงทำจริง
ในเมื่อเขาบอกว่าจะปล่อยเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามา ก็ไม่คิดจะใช้ค่ายกลใหญ่ดอกท้อขวางเขาไว้แล้ว
ครู่ต่อมาหลังจากค่ายกลใหญ่ดอกท้อปิด ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏเส้นทางตรงเข้าไปในเกาะอีกครั้ง
สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ตอนนี้ไม่เห็นสะพานสวรรค์น้อยแล้ว!
สะพานสวรรค์น้อยของข้าล่ะ!
น้องสะพานสวรรค์น้อยผู้น่ารักหายไปไหนแล้ว!
“สะพานสวรรค์น้อย เจ้าอยู่ที่ไหน” ขณะที่กำลังตกใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตะโกนเรียกชื่อสะพานสวรรค์น้อยทันที เพียงแต่เมื่อเขาส่งเสียงออกไป กลับมีเสียงสะท้อนกลับมา “ไหน…ไหน…ไหน…”
เมื่อเสียงที่ดังก้องเหมือนเสียงในหุบเขาดังขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เป็นอย่างที่คาดไว้ ครู่ต่อมาเสียงของสะพานสวรรค์น้อยก็ดังขึ้นจากรอบทิศ “พี่ใหญ่เยี่ย ข้าหลงทางแล้ว…แล้ว…แล้ว…”
มารดาเจ้าเถอะ แม้แต่การรับรู้ทิศทางของเสียงในค่ายกลดอกท้อก็ยังถูกรบกวน
ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
ระหว่างที่กำลังถามตอบ เยี่ยเว่ยหมิงเงยหน้าขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก มองไปบนฟ้าอย่างระแวดระวัง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีแส้ตีลงมาจากฟ้า ในที่สุดก็โล่งอกแล้วเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “สะพานสวรรค์น้อยใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว ข้าจะไปเจรจากับมารเฒ่าหวงก่อน มีเรื่องอะไรก็ส่งจดหมายติดต่อกัน”
พอพูดจบ ก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในเกาะดอกท้อทันที ข้างหูยังมีเสียงก้องของเขาดังอยู่เลย
“กัน…กัน…กัน…”
เดินผ่านค่ายกลดอกท้อ สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือศาลาแห่งหนึ่งที่ออกแบบไว้อย่างประณีตงดงาม ที่ป้ายบนศาลาเขียนไว้ว่า ‘ศาลาฝึกกระบี่’
หน้าศาลามีสาวน้อยชุดเหลืองยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ในมือของนางถือกระบี่ล้ำค่าที่มีฝักกระบี่สีชมพู มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา
หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว สาวน้อยชุดเหลืองก็พยักหน้าเล็กน้อย นับว่าทักทายตามมารยาทแล้ว จากนั้นบอกว่า “ข้ารู้ว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยต้อมีคำถามมากมายแน่นอน ซือกง[1]รอมานานแล้ว จอมยุทธ์น้อยเยี่ยเชิญตามข้ามา”
จะว่าไปแล้ว ในกลยุทธ์เรื่อง ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ ที่อินปู้คุยให้มา บนเกาะดอกท้อแห่งนี้นอกจากหวงเย่าซือกับบุตรสาวแล้ว ก็มีเพียงบ่าวรับใช้หูหนวกตาบอดไม่ใช่หรือ
แต่ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงก็เคยเจอหวงหรงมาแล้วในภารกิจจวนอ๋องจ้าว ตอนแรกเหมือนจะติดกับดักนางด้วย เขาจึงมั่นใจมากกว่าสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หวงหรงแน่นอน
เช่นนั้นนางคือใคร
ผู้เล่น?
แม้ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ผู้เล่นกับ NPC จะแต่งตัวเหมือนกัน แต่ลักษณะท่าทางการพูดก็ยังแตกต่างกันชัดเจน ทุกอย่างที่สาวน้อยตรงหน้าแสดงออกมา ชัดเจนว่านางคือ NPC ไม่ใช่ผู้เล่นแน่นอน
นอกเสียจากจะมีทักษะการแสดงระดับราชินีภาพยนตร์ ไม่อย่างนั้นก็หลอกสายตาอันเฉียบคมของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ซือกงที่นางหมายถึงคือหวงเย่าซือหรือเปล่า
หากใช่…
แม้จะเกิดคำถามในใจ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงเดินตามหลังนางเงียบๆ ไปยังจุดลึกของเกาะดอกท้อ
เมื่อผ่าเหวลึกอันตราย สิ่งที่ปรากฏสุดสายตาก็คือทะเลสาบเล็กๆ ผืนหนึ่ง ริมทะเลสายมีบ้านหลายหลัง มีชายวัยกลางคนหันหลังให้พวกเขา กำลังนั่งสมาธิอยู่ริมทะเลสาบ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง เขาถึงได้ก้มหน้าลงเล็กน้อย ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นใบหน้าด้านข้างของเขา สายตาที่มองมายังเยี่ยเว่ยหมิงเผยเจตนาร้ายอันเข้มข้นอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดเจน เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกตะลึงเช่นกัน
คนผู้นี้ยิ่งดูยิ่งเหมือนคนอายุราวๆ สี่สิบห้าสิบปี แต่จอนผมสองข้างกลายเป็นสีขาวแล้ว ใบหน้าที่เหมือนผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพ่อค้าหรือเจ้าหน้าที่ระดับต่ำในเมือง ไม่ค่อยเข้ากับสถานที่อันประณีตงดงามอย่างเกาะดอกท้อ
เพียงแต่มองปราดแรก เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกคุ้นหน้ามาก หลังจากมองให้ดี ในที่สุดก็รู้จักฐานะของคนผู้นี้ชัดเจนแล้ว
เขาคือคนที่อาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวก็เกือบจะกำจัดเยี่ยเว่ยหมิงได้ทั้งทีม ชวีหลิงเฟิง!
ชวีหลิงเฟิงในตอนนี้ แม้หน้าตาและเสื้อผ้าแตกต่างกับที่เห็นตอนแรกไม่ใช่น้อยๆ แต่หากสังเกตให้ละเอียดก็ยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
เยี่ยเว่ยหมิงเชื่อว่าตนเองจำไม่ผิดแน่นอน!
ซึ่งตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังอึ้ง จู่ๆ ในใจกลับเกิดลางสังหรณ์ จากนั้นก็เห็นแสงเย็นสว่างวาบตรงหน้าสาวน้อยที่นำทางเขามาชักกระบี่ในมือออกมาแล้ว ปลายกระบี่จ่อคอเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วขมวดคิ้ว พลันถอยหลังก้าวหนึ่ง หลบกระบี่แรกของสาวน้อยได้
จากนั้นก็เห็นกระบี่ล้ำค่าในมือสาวน้อยกางออกมา ตัวกระบี่โค้งเป็นครึ่งวงกลมด้วยการกระตุ้นจากกำลังภายใน ครอบคลุมเข้ามายังอวัยวะสำคัญของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไหลลื่นเหมือนเทน้ำเงินลงบนพื้น
ท่ากระบี่แม้จะไม่รีบร้อน แต่ขอบเขตการโจมตีกลับกว้างมาก จุดไหนที่คมกระบี่ชี้ไป ชั่วพริบตาเดียวก็ปิดทางหนีทีไล่ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังของเยี่ยเว่ยหมิงไว้หมดแล้ว!
เคล็ดกระบี่ของสาวน้อยคนนี้นับว่าใช้ได้เลย
หลังจากประเมินเคล็ดกระบี่ของนางคร่าวๆ ในใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็รับมือกับคมกระบี่ของอีกฝ่ายที่ติดตามมือซ้ายของตนมาติดๆ จากนั้นดีดนิ้วหนึ่งที ดีดบนสันกระบี่ในมือของอีกฝ่ายพอดี
แกร๊ง!
ตามด้วยเสียงกระบี่อันไพเราะ สาวน้อยจับกระบี่ล้ำค่าไม่อยู่แล้ว หลุดมือกระเด็นออกไปทันที
สาวน้อยชุดเหลืองรู้สึกเพียงว่าฝ่ามือชา กระบี่ล้ำค่าสุดท้ายจับมือนางไปแล้ว กระเด็นเป็นเส้นโค้งไปปักอยู่บนพื้นไม่ไกล ตอนนี้ยังสั่นเล็กน้อย
ด้วยความตกใจ สาวน้อยกลับไม่หยุดมือ นางยืดตัวไปข้างหน้าแล้วใช้ฝ่ามือตบหน้าผากเยี่ยเว่ยหมิง
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วเพียงยิ้มบางๆ แต่ยังไม่ทันเก็บมือซ้ายกลับมา นิ้วชี้ก็จี้ผ่านอากศออกไป สาวน้อยคนนั้นชะงักนิ่งอยู่ที่เดิมทันที
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองถูกจี้สกัดจุด สาวน้อยก็ตกใจมาก จากนั้นโวยวายอย่างเดือดดาล “เจ้าคนชั่ว รีบคลายจุดให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ”
“อย่าพูดจาเหมือนข้าจะทำมิดีมิร้ายเจ้า” เยี่ยเว่ยหมิงแบมืออย่างจนใจ “เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าลงมือโจมตีข้าก่อน”
“เจ้ามันคนเลว!” สาวน้อยยังคงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ลักพาตัวลูกสาว ข่มขู่บิดา อาศัยความสัมพันธ์ทางสายเลือดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่คนดีๆ เขาทำกันหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดตำหนิของสาวน้อย ที่จริงในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
สาเหตุก็เพราะครั้งแรกที่เขาเห็นชวีหลิงเฟิงก็เดาฐานะของสาวน้อยคนนี้ได้แล้ว
สาวน้อยรูปร่างสะโอดสะองที่ให้ความรู้สึกว่าเหนือกว่าชาวบ้านทั่วไปคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นางคือ “ส่ากู”!
ก็ได้…ส่ากูคือชื่อของสาวน้อยคนนี้ตามต้นฉบับเดิม ตามที่บรรยายไว้ในกลยุทธ์ของอินปู้คุย หลังจากนางเห็นชวีหลิงเฟิงตายอย่างอนาถ นางถึงได้ตกใจจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อน
แต่ในเกมนี้เนื่องจากการปรากฏตัวของเยี่ยเว่ยหมิง ทำให้ชวีหลิงเฟิงไม่ตาย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงกระโดดขึ้นมาฟาดฝ่ามือใส่เยี่ยเว่ยหมิง
ฝ่ามือตัดอากาศ!
[1] ซือกง 师公 สามีของอาจารย์